Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ หรือ เอ็นบีเอ (NBA ย่อมาจาก National Basketball Association) เป็นชื่อของลีกบาสเกตบอลอาชีพในอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มีนักกีฬาบาสเก็ตบอลชั้นนำของโลกเล่นอยู่ในเอ็นบีเอนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้มาตรฐานระดับการแข่งขันนั้นถือว่าอยู่ในระดับสูง สัญลักษณ์ประจำเอ็นบีเอนั้น เป็นภาพเงาของ เจอร์รี เวสต์ (อดีตผู้จัดการทั่วไปของทีมลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ และทีมเมมฟิส กริซลีส์)
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
การแข่งหรือฤดูกาลปัจจุบัน: เอ็นบีเอ ฤดูกาล 2019-20 | |
กีฬา | บาสเก็ตบอล |
---|---|
ก่อตั้ง | พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) |
จำนวนทีม | 30 |
ประเทศ | สหรัฐ (29 ทีม) แคนาดา (1 ทีม) |
ทีมชนะเลิศปัจจุบัน | บอสตัน เซลติกส์ (18 สมัย) |
ทีมชนะเลิศสูงสุด | บอสตัน เซลติกส์ (18 สมัย) |
หุ้นส่วนโทรทัศน์ | |
เว็บไซต์ | www |
เอ็นบีเอ ก่อตั้งขึ้นที่นครนิวยอร์ก ในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1946 ในชื่อ Basketball Association of America (BAA) ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น National Basketball Association ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปี ค.ศ. 1949 หลังจากการรวมตัวกับทีมจาก National Basketball League (NBL)
เอ็นบีเอนั้นเป็นลีกกีฬาอาชีพแรก ที่มีโค้ชหลักเป็นคนผิวดำ ในปี ค.ศ. 1966 และยังเป็นลีกแรกที่มีผู้จัดการทั่วไปเป็นคนผิวดำ ในปี ค.ศ. 1972 นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นลีกแรกที่มีเจ้าของทีมเป็นคนผิวดำ ในปี ค.ศ. 2002
ประธาน (ในอดีต) และคอมมิสชันเนอร์ (ในปัจจุบัน) คือตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดในเอ็นบีเอ มีรายนามดังต่อไปนี้
ตอนเริ่มก่อตั้งลีก มีทีมอยู่ทั้งหมด 11 ทีม มีการเพิ่ม ลด และย้ายที่ตั้ง จนปัจจุบันมีทั้งหมด 30 ทีม ในจำนวนนี้ มีหนึ่งทีมที่อยู่ในประเทศแคนาดา คือ โทรอนโต แร็ปเตอรส์ ที่เหลือ 29 ทีมอยู่กระจายกันในประเทศสหรัฐอเมริกา
นับจนถึงฤดูกาล 2019-2020 (พ.ศ. 2562-2563) ทีมที่คว้าแชมป์มากที่สุดคือ บอสตัน เซลติกส์ เป็นแชมป์ทั้งหมด 17 สมัย รองลงมาคือ ลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ เป็นแชมป์ 16 สมัย (11 สมัยที่เมืองลอสแอนเจลิส อีก 5 สมัยตอนที่อยู่เมืองมินนีแอโพลิส) อันดับที่สามร่วมคือ ชิคาโก บูลส์ และ โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส เป็นแชมป์ทีมละ 6 สมัย
(# - ทีมซึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากที่อื่น)
(## - ทีมซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของ American Basketball Association และเข้าร่วม NBA ในปี ค.ศ. 1976)
(### - ทีมซี่งย้ายถิ่นฐานในขณะที่เป็นส่วนหนึ่งของ American Basketball Association)
ทีมในเอ็นบีเอ จะแบ่งเป็น 2 คอนเฟอเรนซ์ 6 ดิวิชั่น ดังตาราง ซึ่งเป็นวิธีการแบ่งสายที่เริ่มใช้ในฤดูกาล 2004-05
NBA Standings (2018-19 season) | |||||||
E A S T E R N | Atlantic | Raptors | Celtics | 76ers | Nets | Knicks | |
Central | Bucks | Pistons | Pacers | Bulls | Cavaliers | ||
Southeast | Hornets | Heat | Hawks | Magic | Wizards | ||
W E S T E R N | Northwest | Nuggets | Blazers | Jazz | Wolves | Thunder | |
Pacific | Warriors | Clippers | Kings | Lakers | Suns | ||
Southwest | Pelicans | Grizzlies | Spurs | Mavericks | Rockets |
แต่ละทีมเริ่มเทรนนิงแคมป์ (Training camp) ในเดือนตุลาคม ช่วงนี้ช่วยให้สตาฟโค้ชประเมินผลผู้เล่น โดยเฉพาะผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะเล่นในปีแรก ตรวจสอบจุดแข็งและจุดอ่อนของทีม และเตรียมความแข็งแรงของร่างกายผู้เล่นเพื่อให้พร้อมสำหรับฤดูกาลปกติ คัดผู้เล่นในรายชื่อทีม ซึ่งมีได้ 12 คน รวมกับรายชื่อผู้เล่นบาดเจ็บอีก 3 คน ทีมยังสามารถกำหนดผู้เล่นที่มีประสบการณ์น้อยกว่าสองปีไปเล่นในดี-ลีก (NBA Development League หรือ D-League) เพื่อพัฒนาฝีมือก่อน
หลังจากเข้าแคมป์ จะมีการแข่งนัดกระชับมิตร (Exhibition game) จำนวนหนึ่ง แล้วต่อด้วยฤดูกาลปกติซึ่งเริ่มในสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน
ในฤดูกาลปกติ แต่ละทีมจะแข่งทั้งหมด 82 เกม แบ่งเป็นเกมเหย้าและเกมเยือนอย่างละครึ่ง ทีมจะพบกับทีมอื่นในดิวิชันเดียวกัน 4 ครั้ง พบกับทีมในดิวิชันอื่นแต่ในคอนเฟอร์เรนซ์เดียวกัน 3 ถึง 4 ครั้ง และทีมในอีกคอนเฟอร์เรนซ์ 2 ครั้ง ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ลีกในอเมริกาเหนือที่มีการแข่งแบบพบกันหมด และมีการแข่งแบบเหย้าและเยือนกับทีมอื่นอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ฤดูกาลปกติจะจบประมาณปลายเดือนเมษายน
ในเดือนกุมภาพันธ์ จะหยุดการเล่นฤดูกาลปกติชั่วคราว เพื่อจัดออล-สตาร์เกม (All-Star game)และกิจกรรมอื่นๆ เช่นเกมรูคกี (Rookie game) ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างผู้เล่นปีแรกที่เก่งที่สุดแข่งกับผู้เล่นปีที่สองที่เก่งที่สุด การแข่งขันชู้ตสามคะแนน (Three-Point Contest) การแข่งสแลมดังก์ (Slam Dunk Contest) เป็นต้น
ในระหว่างฤดูกาลปกติ ทีมสามารถเทรดผู้เล่นได้จนถึงวันสุดท้าย ซึ่งกำหนดไว้หลังเกมรวมดาราไม่นาน หลังจากวันนั้นทีมไม่สามารถเทรดได้ แต่ยังสามารถเซ็นสัญญาหรือปล่อยตัวผู้เล่นได้
เมื่อจบฤดูกาลปกติ จะมีการโหวตและให้รางวัลได้แก่ รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (Most Valuable Player Award), รางวัลผู้เล่นตัวสำรองแห่งปี (Sixth Man of the Year Award), รางวัลผู้เล่นหน้าใหม่แห่งปี (Rookie of the Year Award), รางวัลผู้เล่นเกมรับแห่งปี (Defensive Player of the Year Award), รางวัลผู้เล่นที่พัฒนามากที่สุด (Most Improved Player Award), รางวัลโค้ชแห่งปี (Coach of the Year Award)
นอกจากรางวัลรายบุคคลแล้ว ยังมีการจัดทีมโดยนำเอาผู้เล่นแต่ละตำแหน่งมารวมกัน ได้แก่ ทีมออล-เอ็นบีเอ (All-NBA), ทีมออล-ดีเฟนซีฟ (All-Defensive), และทีมออล-รูคกี (All-Rookie) โดยทีมออล-เอ็นบีเอ มีทั้งหมดสามทีม ทีมแรกประกอบด้วย การ์ด 2 คน, ฟอร์เวิร์ด 2 คน และ เซ็นเตอร์ 1 คนที่เก่งที่สุดในเอ็นบีเอ ส่วนทีมสองและทีมสามประกอบด้วยผู้เล่นทั้งห้าตำแหน่งนี้ที่เก่งรองลงมา ทีมออล-ดีเฟนซีฟ มีสองทีม ประกอบขึ้นจากนักบาสที่เก่งด้านเกมรับทีมละ 5 คน (โดยไม่มีการแบ่งตำแหน่งผู้เล่น) ส่วน ออล-รูกี ก็มีสองทีมเช่นเดียวกัน รวบรวมผู้เล่นหน้าใหม่ที่เก่งที่สุด 5 คน (ไม่มีการแบ่งตำแหน่งผู้เล่น)
เพลย์ออฟเริ่มต้นราวปลายเดือนเมษายน แต่ละคอนเฟอเรนซ์จะคัดทีมเข้าแข่งคอนเฟอเรนซ์ละ 8 ทีม ทีมอันดับดีที่สุดในสายทั้งสามและอีกทีมที่ได้สถิติดีที่สุดรองลงมาจะถูกวางอันดับที่ 1 ถึง 4 ตามสถิติของฤดูกาลปกติ กล่าวคือสามอันดับแรกไม่จำเป็นต้องเป็นแชมป์สายเสมอไป ส่วนทีมอันดับที่ 5 ถึง 8 ได้จากทีมที่มีสถิติดีถัดไปอีก 4 ทีม รวมเป็น 8 ทีมต่อคอนเฟอเรนซ์
ทีมที่อยู่อันดับต้น ๆ มีข้อได้เปรียบ โดยทีมอันดับแรกจะประกบกับทีมอันดับสุดท้าย ทีมอันดับสองประกบกับทีมอันดับที่เจ็ด ฯลฯ ทีมที่มีสถิติดีกว่าจะได้แข่งที่บ้านต้นเองก่อน ทีมในคอนเฟอเรนซ์จะแข่งแบบชนะ 4 ใน 7 เกม ทีมที่ชนะสี่เกมก่อนจะได้ผ่านเข้าในรอบถัดไป จนได้แชมป์คอนเฟอเรนซ์ตะวันออกและตะวันตกมาพบกันในรอบไฟนอล ทีมที่ชนะจะเป็นแชมป์เอ็นบีเอ ได้ถ้วย แลร์รี โอ ไบรอัน ส่วนผู้เล่นและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น โค้ช ผู้จัดการทีมทั่วไป จะได้แหวนแชมป์ และยังมีรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าในรอบไฟนอล (NBA Finals MVP) อีกด้วย โดยรอบไฟนอลนั้นจะแข่งในเดือนมิถุนายน
รูปแบบการแข่งในรอบต่าง ๆ ยกเว้นรอบไฟนอลใช้สูตร 2-2-1-1-1 กล่าวคือเล่นในบ้านของทีมสถิติดีกว่าสองเกม แล้วสลับไปเล่นบ้านอีกทีมสองเกม สลับกลับมาทีมเดิมหนึ่งเกมจนกว่าได้ทีมที่ชนะ 4 ใน 7 เกม ส่วนรอบไฟนอลใช้สูตร 2-3-2
สโมสร | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | รวม | ปีชนะเลิศ | ปีรองชนะเลิศ |
---|---|---|---|---|---|
บอสตัน เซลติกส์ | 18 | 5 | 23 | 1957, 1959, 1960, 1961, 1962, 1963, 1964, 1965, 1966, 1968, 1969, 1974, 1976, 1981, 1984, 1986, 2008, 2024 | 1958, 1985, 1987, 2010, 2022 |
ลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ | 17 | 15 | 32 | 1949, 1950, 1952, 1953, 1954, 1972, 1980, 1982, 1985, 1987, 1988, 2000, 2001, 2002, 2009, 2010, 2020 | 1959, 1962, 1963, 1965, 1966, 1968, 1969, 1970, 1973, 1983, 1984, 1989, 1991, 2004, 2008 |
โกลเด้น สเตท วอริเออร์ส | 7 | 5 | 12 | 1947, 1956, 1975, 2015, 2017, 2018, 2022 | 1948, 1964, 1967, 2016, 2019 |
ชิคาโก บูลส์ | 6 | 0 | 6 | 1991, 1992, 1993, 1996, 1997, 1998 | - |
ซานแอนโตนิโอ สเปอรส์ | 5 | 1 | 6 | 1999, 2003, 2005, 2007, 2014 | 2013 |
ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส | 3 | 6 | 9 | 1955, 1967, 1983 | 1950, 1954, 1977, 1980, 1982, 2001 |
ดีทรอยต์ พิสตันส์ | 3 | 4 | 7 | 1989, 1990, 2004 | 1955, 1956, 1988, 2005 |
ไมอามี ฮีท | 3 | 4 | 7 | 2006, 2012, 2013 | 2011, 2014, 2020, 2023 |
นิวยอร์ก นิกส์ | 2 | 6 | 8 | 1970, 1973 | 1951, 1952, 1953, 1972, 1994, 1999 |
ฮิวสตัน รอกเก็ตส์ | 2 | 2 | 4 | 1994, 1995 | 1981, 1986 |
มิลวอกี บักส์ | 2 | 1 | 3 | 1971, 2021 | 1974 |
คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ | 1 | 4 | 5 | 2016 | 2007, 2015, 2017, 2018 |
แอตแลนตา ฮอกส์ | 1 | 3 | 4 | 1958 | 1957, 1960, 1961 |
วอชิงตัน วิซาร์ดส์ | 1 | 3 | 4 | 1978 | 1971, 1975, 1979 |
โอคลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์ | 1 | 3 | 4 | 1979 | 1978, 1996, 2012 |
พอร์ตแลนด์ เทรลเบลเซอร์ส | 1 | 2 | 3 | 1977 | 1990, 1992 |
ดัลลัส แมฟเวอริกส์ | 1 | 2 | 3 | 2011 | 2006, 2024 |
ซาคราเมนโต คิงส์ | 1 | 0 | 1 | 1951 | - |
โทรอนโต แร็ปเตอรส์ | 1 | 0 | 1 | 2019 | - |
เดนเวอร์ นักเก็ตส์ | 1 | 0 | 1 | 2023 | - |
ฟีนิกซ์ ซันส์ | 0 | 3 | 3 | - | 1976, 1993, 2021 |
ยูทาห์ แจ๊ซ | 0 | 2 | 2 | - | 1997, 1998 |
บรูคลิน เน็ตส์ | 0 | 2 | 2 | - | 2002, 2003 |
ออร์แลนโด แมจิก | 0 | 2 | 2 | - | 1995, 2009 |
อินเดียนา เพเซอร์ส | 0 | 1 | 1 | - | 2000 |
การดราฟท์เป็นการคัดเลือกผู้เล่นหน้าใหม่เพื่อเข้าเล่นในลีกเอ็นบีเอ ในปัจจุบันจะดราฟปลายเดือนมิถุนายน การดราฟท์จะมีทั้งหมดสองรอบ รอบละ 30 คน เท่ากับจำนวนทีมในเอ็นบีเอ ผู้เล่นที่ถูกดราฟท์ในรอบแรกจะได้เซ็นสัญญาอย่างน้อยหนึ่งปีกับทีม ส่วนผู้เล่นที่ถูกดราฟท์ในรอบสอง ทีมจะมีสิทธิ์ในตัวผู้เล่นสามปีแต่ไม่จำเป็นต้องเซ็นสัญญาการเล่น
ลำดับการดราฟท์จะดูจากสถิติของทีมในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยทีมที่ไม่ผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟจะเข้ามาจับสลาก หรือ เรียกว่า ล็อตเตอรี่ เลือกทีมที่ได้สิทธิ์ในการดราฟท์สามอันดับแรก โดยทีมที่มีสถิติแย่ที่สุดจะมีโอกาสถูกเลือกได้มากกว่าทีมที่มีสถิติดีกว่า ส่วนอันดับที่ 4 ถึง 30 ในรอบแรกได้จากการเรียงเอาทีมที่เหลือจากสถิติแย่ที่สุดไปยังดีที่สุด การดราฟท์รอบที่สองจะเริ่มจากทีมสถิติแย่สุดไปหาดีที่สุดเสมอโดยไม่ใช้ผลจากล็อตเตอรี่
ในการเทรด หรือแลกเปลี่ยนผู้เล่นระหว่างทีม สามารถแลกสิทธิ์ในการดราฟท์ได้ด้วย ทำให้ในการดราฟท์แต่ละรอบ บางทีมอาจไม่ได้ดราฟท์เลยเพราะแลกสิทธิ์ให้กับอีกทีมได้ดราฟมากกว่าหนึ่งครั้ง
ผู้เล่นที่เล่นในระดับมหาวิทยาลัยแล้วมีสิทธิ์เข้าทำการดราฟท์โดยอัตโนมัติ ส่วนผู้เล่นที่มีอายุครบ 19 ปีในปีที่ดราฟท์และเล่นระดับมัธยมปลายอย่างน้อยหนึ่งปีสามารถลงชื่อเพื่อเข้าดราฟท์ได้ก่อนวันดราฟท์จริงอย่างน้อย 60 วัน ผู้เล่นดังกล่าวสามารถถอนตัวก่อนหน้าที่จะดราฟท์ 10 วันและกลับไปเล่นระดับมหาวิทยาลัยได้ นอกจากว่าผู้เล่นนั้นเซ็นสัญญากับตัวแทนนักกีฬาหรือเคยถอนตัวจากการดราฟท์ในปีก่อน
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.