แลนเซอร์ เป็น ตัวละครสมมติ จากตัวละครจากเกมซาวนด์โนเวลของ ไทป์-มูน และการ์ตูนเรื่อง เฟท/สเตย์ ไนท์ โดย ไทป์-มูน
ข้อมูลเบื้องต้น แลนเซอร์, ปรากฏครั้งแรก ...
ปิด
เขาคือเซอร์แวนท์ของ บาเซตต์ ฟราก้า แม็กเรมินซ์ (และต่อมาก็เป็นของ โคโตมิเนะ คิเรย์) ผู้ซึ่งปรากฏตัวออกมาในฐานะศัตรูเป็นคนแรกของเนื้อเรื่อง เป็นคนที่นิสัยป่าเถื่อน แต่ก็เป็นนักรบที่มีความสมดุลในทุกด้าน และยังชอบที่จะได้ประมือกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นคนเถรตรง แต่ขี้เล่นในยามที่เขาได้ล่าคู่ต่อสู้อย่างใจเย็น แต่เมื่อใดที่ต้องต่อสู้แล้ว เขาก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนบ้าระห่ำได้ในทันที อย่างที่เห็นได้ใน อันลิมิเต็ด เบลด เวิร์คส์ เขาเป็นคนที่ชอบกลั่นแกล้งคนอื่นๆ และยังดูเหมือนว่าเขาจะสนใจในตัวของ โทซากะ ริน อยู่ไม่น้อย นอกจากนั้น เขายังได้รับการขนานนามว่า เซอร์แวนท์ที่มีความคล่องตัวสูงที่สุด อีกด้วย
สำหรับ เสียงพากย์ ของไรเดอร์นั้นคือเสียงของ คันนะ โนบุโตชิ ในภาษาญี่ปุ่น ส่วนภาษาอังกฤษนั้นเป็นของ โทนี่ โอลิเวอร์[1]
- ระดับ: C
- ความสามารถในการต่อต้านหรือทำให้ผลกระทบที่ได้รับจากเวทมนตร์จากคู่ต่อสู้นั้นน้อยลงหรือไร้ผลไปเลย สำหรับระดับนี้, มันมีความสามารถที่จะยกเลิกผลของศาสตร์เวทที่มีมนตร์ร่ายต่ำกว่าสองมนตร์ได้ แต่ไม่สามารถที่จะป้องกันตัวเองจากศาสตร์เวทที่อยู่ในระดับของ ศาสตร์เวทขั้นสูง และ มหาพิธีกรรม ได้[2]
- ระดับ: A (เฟท/สเตย์ ไนท์ | แกรนด์ ออเดอร์), C (เฟท/เอกซ์ตร้า | เอกซ์เทลล่า)
- ความสามารถที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่องแม้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง ซึ่งผู้ใช้จะสามารถต่อสู้ได้จนกว่าจะถูกสังหารด้วยการโจมตีที่รุนแรงเกินจะต้านทานได้ ในระดับ A นี้นั้น, แลนเซอร์จะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างแท้จริง ราวกับว่าถูกอสูรบ้าคลั่งครอบงำตัว ตัวเขานั้นสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ตราบเท่าที่เจ้าตัวไม่ได้มีแผลร้ายแรงที่ชี้ชะตาชีวิตและทำให้ยังคงสู่ต่อได้แม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บปางตายก็ตาม และตามเคสของ เฟท/เอกซ์ตร้า, เพราะว่ามาสเตอร์ของตนได้เพิ่มระดับ ความอดทน ของเขาขึ้นมา ทำให้ระดับของความสามารถนี้ตกลงไปอยู่ที่ C แต่ว่าระดับดั้งเดิมก็ยังคงเป็น A อยู่[3]
- ระดับ: C (เฟท/สเตย์ ไนท์ | แกรนด์ ออเดอร์)
- ความสามารถในการหลบหนีจากการต่อสู้เพื่อตั้งหลักใหม่ ซึ่งสามารถช่วยพลิกสถานการณ์ในการต่อสู้ได้, ซึ่งในระดับ C นั้นจะทำให้ได้รับโบนัสพิเศษที่ทำให้สภาวการณ์ในการต่อสู้กลับไปเป็นเหมือนตอนเพิ่งเริ่มการต่อสู้ได้[2][4]
- ระดับ: B
- มันคือตัววัดระดับว่าเซอร์แวนท์ตนนี้มีสมรรถนะของ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ พวกที่มีความสามารถนี้ในระดับสูงจะถูกวางตัวเป็นวงค์ผสมของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์, และระดับของมันจะลดลงเมื่อระดับความสามารถของ ปีศาจ หรือ อสูรปีศาจ ของเซอร์แวนท์ที่มีมันเพิ่มขึ้นมา มันยังสามารถที่จะถูกลดระดับลงตามความเกลียดชังต่อเทพเจ้าของคน ๆ นั้นอีกด้วย ผู้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในระดับ A หรือสูงกว่านั้นจะถือได้ว่าเอื้อมไปถึงบัลลังก์ของเหล่าทวยเทพแล้ว ความสามารถนี้ยังมีผลที่จะลดพลังป้องกันพิเศษที่เรียกว่า 'พลังป้องกันอันชำระล้าง' ตามระดับของความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันสามารถที่จะทะลุทะลวงความสามารถอย่าง การปกป้องแห่งความศรัทธา และ การตรัสรู้แห่งต้นโพธิ์อันศักดิ์สิทธิ์ ได้[2][3][5]
คู ฮูลินน์นั้นคือมนุษย์กึ่งเทพที่บิดาของตนนั้นคือเทพผู้ทรงพลังที่สำเร็จวิชาทั้งหมด: ลู, เทพเจ้าที่ปกครองดวงอาทิตย์และเป็นสมาชิกของครอบครัวสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ดานันน์, และมารดาของเขาคือดีชไทน์, น้องสาวของกษัตริย์คองโชบาร์[2]
- ระดับ: B (เฟท/สเตย์ ไนท์)
- ความสามารถที่แสดงให้เห็นถึงการมีอักขระเวทมนตร์โบราณในครอบครอง, รูน - ซึ่งถือว่าเป็นตราเวทย์ในท้องถิ่นยุโรปทางตอนเหนือ[2][6][7][8] ทักษะนี้ในระดับ B นั้นแลนเซอร์ถือว่ามีความรู้และความสามารถในการใช้อักขระรูนดั้งเดิมทั้ง 18 ตัว (อักษรรูนนอร์ส), ซึ่งเขาได้มันมาจากบทเรียนกับอาจารย์ของตน ซกาฮัคทฺ (หรือ สกาฮะ), เพื่อที่จะได้ใช้มันในสถานการณ์ต่างๆ "เหล่านักรบของแดนแห่งเงาจะต้องมีความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ทุกชนิด; นักรบที่ทำได้แค่แกว่งหอกไปมาไม่สมควรที่จะถูกฝึกฝนหรอก" - บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าอาจารย์ของเขา สกาฮะ มีนโยบายเช่นนี้, คู ฮูลินน์จึงมีฝีมือในด้านศาสตร์เวทอยู่พอตัว ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับผู้ใช้เวทชั้นหนึ่งเลยทีเดียว, แต่เนื่องจากตัวของเขาเองมองว่ามันเป็นแค่ตัวถ่วงเขาจึงไม่ค่อยได้ใช้มันมากนัก แต่ถ้าหากเขาใช้มันอย่างถูกต้องล่ะก็, เขาก็สามารถที่จะใช้พลังที่ทรงพลังนานาประการได้อย่างชำนาญ นอกจากจะเพิ่มพลังการโจมตีแล้ว, มันก็ยังส่งผลต่อความสามารถที่สอดคล้องกันอย่าง ความต้านทานเวทมนตร์, ตาทิพย์, เพื่อยกระดับตามทักษะนั้น ๆ ฯลฯ แต่ว่าการเพิ่มพลังนี้จะสามารถใช้ได้เพียงแค่ชั่วคราวและเขาไม่สามารถที่จะใช้หลาย ๆ ทักษะได้พร้อมกันได้[2][6][7] เวทที่เป็นที่รู้จักกันของคู ฮูลินน์นั้นคือ “อัธ โกลร่า” (Ath nGabla) ซึ่งประกอบด้วย อัลจีศ, นาวดิศ, อันสุศ และ อิงวุศ ซึ่งเป็นเวทย์ที่ทำให้ทั้งตัวเขาและคู่ต่อสู้ไม่สามารถหลบหนีจากการต่อสู้ได้
- ระดับ: B (เฟท/สเตย์ ไนท์ | แกรนด์ ออเดอร์)
- ความสามารถในการป้องกันการโจมตีจากอาวุธระยะไกล ซึ่งรวมไปถึงการควบคุมประสาทการรับรู้ให้สามารถได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมที่ปะทะกับอาวุธเหล่านั้นก่อนที่จะมาถึงตัว หรือแม้แต่การสัมผัสถึงจิตสังหารของศัตรูได้[2] ในระดับนี้ หากเขาสามารถจับตำแหน่ง (หลัก ๆ ก็คือมองเห็น) ของศัตรูผู้ใช้อาวุธระยะไกลได้ เขาก็สามารถที่จะสัมผัสได้ถึงวัตถุนั้น และป้องกันการโจมตีนั้นได้ เขาสามารถที่จะจัดการกับอาวุธระยะไกลเกือบทั้งหมดแม้แต่ในสภาพที่คู่ต่อสู้จะไม่สามารถถูกเห็นได้ ตราบเท่าทีการโจมทีนั้นมาจากระยะไกล, แม้แต่ศาสตราแห่งตำนานเขาก็ยังสามารถที่จะหลบให้พ้นได้ แต่สำหรับการโจมตีที่เป็นการโจมตีระยะไกลพิเศษ และการโจมตีเป็นวงกว้างจะไม่สามารถสัมผัสได้[2]
- เก โบล์ก (ญี่ปุ่น: ゲイ・ボルク; โรมาจิ: Gei Boruku) : หอกหนามสังหารที่แทงทะลุด้วยความตาย (ญี่ปุ่น: 刺し穿つ死棘の槍; โรมาจิ: Sashi ugatsu shikyoku no yari)
- ระดับ: B[9][10][11][12] (เฟท/สเตย์ ไนท์ | แกรนด์ ออเดอร์ | เอกซ์ตร้า)
- ประเภท: ต่อต้านศัตรู[9][10][11][12]
- หนึ่งในศาสตราแห่งตำนานทั้งสองอันของแลนเซอร์ที่ใช้หอกต้องคำสาปของเขา, เก โบล์ก, ที่ถูกแกะสลักออกมาจากซากกะโหลกของอสูรทะเลคูรีด, มันมีคุณสมบัติในการกดความสามารถในการฟื้นฟูเอาไว้, ทำให้การรักษาจากอาการบาดเจ็บที่หอกนี้ให้นั้นเป็นไปอย่างยากเย็น ถึงแม้ว่าคนโดนอาจจะช่วยเหลือตนเองด้วยการรักษาจากภายนอกได้, แผล ๆ นั้นจะไม่มีวันหายสนิทจนกว่าแลนเซอร์จะตายลงอย่างสมบูรณ์หรือว่าหอกต้องสาปอันนั้นจะถูกทำลายลง เมื่อใช้ในรูปแบบของศาสตราแห่งตำนานแล้วนั้น, มันจะบิดเบือนกฎของเหตุและผลทำให้เหตุการณ์ตามปกติที่เป็น "ปาหอกออกไปแล้วปักเข้าหัวใจ" กลายเป็น "ปักเข้าหัวใจก่อนจะปาหอกออกไป", ทำให้มันกลายเป็นทักษะที่การันตีการสังหารชีวิตลงในครั้งเดียว ตราบเท่าที่นามอันแท้จริงของศาสตราแห่งตำนานนี้ถูกขานออกมา, มันก็จะโจมตีไปยังคู่ต่อสู้อย่างไม่มีพลาด, ถึงแม้ว่าจะมีคนใช้ทักษะที่ย้อนกระแสของเวลากลับก็ตาม (พูดง่าย ๆ ก็คือ, เมื่อแลนเซอร์เอ่ยชื่อของ “เก โบล์ก” ออกมา, คู่ต่อสู้ก็จะถูกแทงเข้าไปที่หัวใจเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะหลบหลีกหรือป้องกันยังไงก็ตาม เอาจริง ๆ แลนเซอร์ไม่จำเป็นต้องโยนหอกด้วยซ้ำ ที่มันโยนก็คือให้มันพอดูเป็นพิธีเท่านั้นแหละ) เมื่อโจมตีสำเร็จ, เก โบล์กจะเติมเต็มร่างกายของเป้าหมายด้วยหนามและทำลายร่างกายจากข้างใน มันถูกกล่าวว่ามันจะสร้างความเสียหายที่เท่ากับพลังชีวิตสูงสุดของคู่ต่อสู้บวกกับพลังโจมตีของตัวหอกเอง, และจะโจมตีไปยัง “หัวใจ” เสมอ ถึงแม้ว่ามันจะทรงพลังมากก็ตาม, เหล่าคู่ต่อสู้ที่มีระดับของโชคสูงพอหรือมีการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ (เช่นเซเบอร์) อาจจะรอดมาจากการโจมตีนั้นได้ ในการใช้ความสามารถนี้นั้นแลนเซอร์จะเสียมานาเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพลังที่บิดเบือนเหตุและผลได้, โดยที่เขาสามารถใช้ได้ต่อเนื่องกันถึง 7 ครั้งโดยไม่มีการหยุดพักก่อนที่แลนเซอร์จะต้องรับมานามาเพิ่มจากมาสเตอร์ของตน
- เก โบล์ก (ญี่ปุ่น: ゲイ・ボルク; โรมาจิ: Gei Boruku) : หอกสังหารกลางเวหาที่เจาะทะลวงด้วยความตาย (ญี่ปุ่น: 突き穿つ死翔の槍; โรมาจิ: Tsuki ugatsu shishō no yari)
- ระดับ: B+[10][13] (เฟท/สเตย์ ไนท์ | เอกซ์เทลล่า)
- ประเภท: ต่อต้านกองทัพ[10][13]
- ความสามารถที่แท้จริงของ เก โบล์ก, และเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของแลนเซอร์โดยการดึงคำสาปที่สถิตอยู่ในหอก เก โบล์ก ออกมาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด มันจะแปรผันพลังเวททั้งหมดของแลนเซอร์ให้กลายเป็นพลังงานเพียว ๆ แล้วเมื่อมันถูกพุ่งโยนไปมันจะบิดเบือนมิติให้มันแบ่งตัวเองออกเป็นหัวหอกมากกว่าสามสิบหัวเพื่อกำจัดคู่ต่อสู้ในลักษณะของระเบิดปูพรมที่ก่อให้เกิดการทำลายล้างระดับสูง, ซึ่งเพราะว่ามันใช้พลังงานทั้งหมดของแลนเซอร์ในการโจมตี, มันจึงไม่สามารถที่จะถูกหลบหรือปัดป้องได้ตามสถานการณ์ทั่ว ๆ ไป ศาสตราอันนี้แตกต่างจาก หอกหนามสังหารที่แทงทะลุด้วยความตาย ตรงที่ว่ามันจะไม่การันตีความตายของคู่ต่อสู้ด้วยการบิดเบือนกฎของเหตุและผล, แต่ว่าพลังการทำลายล้างและระยะกลับถูกเพิ่มขึ้นมาอย่างมหาศาล (ความเร็วของหอกเมื่อถูกขว้างไปอยู่ที่สองเท่าของความเร็วเสียง, และระยะที่ไกลที่สุดแลนเซอร์เคยโยนนั้นอยู่ที่สี่สิบกิโลเมตร), มากพอที่จะต้องใช้โล่ทีมีความพิเศษในการป้องกันอาวุธขว้างทุกชนิด (โรห์ ไออัส) ถึงจะป้องกันการโจมตีได้ ถึงแม้ว่ามันจะถูกหลบได้ก็ตาม, มันก็ยังมีความสามารถติดตามที่จะตามเป้าหมายไปอยู่ดี และเพราะตรงที่ว่ามันใช้พลังงานเวททั้งหมดในการโจมตี, มันจึงพลาญมานาในตัวของแลนเซอร์ลงไปอย่างฮวบฮาบต่างกับอันแรกที่ยังใช้ติดต่อกันได้ถึงเจ็ดครั้ง
หอก เก โบล์ก นี้นั้นมีที่มาจากหอก กุงเนียร์ (ญี่ปุ่น: グングニル; โรมาจิ: Gunguniru) : คำปฏิญญาของของเทพเจ้าสูงสุด (ญี่ปุ่น: 大神宣言; โรมาจิ: Ōkami Sengen) ของเทพโอดินแห่งปกรณัมนอร์สและ บริโอแนค (ญี่ปุ่น: ブリューナク; โรมาจิ: Buryūnaku) : เบญจดาราคำราม (ญี่ปุ่น: 轟く五星; โรมาจิ: Todoroku Go Sei), หอกของเทพแห่งแสงของชาวเซลติกและเป็นบิดาของคู ฮูลินน์เอง, ลู เนื่องจากขนาดที่ใหญ่โตของมัน, มันจึงถูกเล่าขานว่าไม่มีใครนอกจาก คู ฮูลินน์ ที่ทรงพลังพอที่จะถือมันเป็นอาวุธขว้างได้, และบางเรื่องเล่าก็ยังบอกอีกว่าเขาโยนมันจากง่ามเท้าของตัวเองเพื่อเพิ่มพลังในการโยนอีกด้วย ซึ่งชื่อของท่าโยนนั้นก็คือ "เก โบล์ก" เช่นเดียวกัน
นามของเก โบล์ก นี้มีที่มาจากคำว่า "เก บูล'กา" (อาวุธโยนที่มีคมฟันปลา), ซึ่งจะนำพาภาพของสายฟ้ามาให้
ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือ คู ฮูลินน์ วีรบุรุษชาวเซลติก แห่งอัลสเทอร์ ในตำนานชาวไอริช เขาเป็น เชื้อสายเทพ บุตรของ ลู เทพแห่งแสง และ ดีชไทน์ เจ้าหญิงแห่งอัลสเทอร์ แต่เดิมเขามีชื่อว่า เชดันทา แต่หลังจากที่เขาได้พลั้งมือฆ่าสุนัขที่พุ่งเข้าทำร้ายเขา ซึ่งเป็นสุนัขล่าเนื้อของช่างตีเหล็กชื่อ คูลินน์ เขาจึงได้สาบานต่อช่างตีเหล็กว่าเขาจะทำหน้าที่เฝ้ายามแทนสุนัขตัวนั้น จนกว่าคูลันน์จะหาสุนัขตัวใหม่ได้ จึงเป็นที่มาของคำว่า คู ในชื่อของเขา ซึ่งแปลว่า สุนัขล่าเนื้อ นั่นเอง เขาจึงได้ชื่อใหม่ว่า คู ฮูลินน์ ซึ่งแปลว่า สุนัขล่าเนื้อของคูลินน์ เมื่อเติบโตขึ้น เขาได้ไปฝึกฝนวิชากับนักรบหญิงนาม ซกาฮัคทฺ ซึ่งทำให้เขาได้รับหอกต้องสาป เก โบล์ก มา ทำให้ชื่อเสียงในการต่อสู้ของเขาเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของความโหดร้ายและรุนแรง ถึงแม้ว่าตัวเขาจะเป็นเพียงชายหนุ่มเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจที่เขาบอกกับชิโร่ว่า เขาอาจได้อัญเชิญมาในฐานะของเบอร์เซิร์กเกอร์ เพราะความโหดร้ายของเขานั่นเอง
เดิมทีเขาได้ถูกอัญเชิญมาโดย บาเซตต์ ฟราก้า แม็กเรมินซ์ จอมเวทย์ชาวไอริชผู้มาจากสมาคมจอมเวทย์ แต่เธอได้ถูก โคโตมิเนะ คิเรย์ หักหลังด้วยการสังหารเธอเพื่อชิงเอาแขนซ้ายซึ่งเป็นที่ประทับลายมนตราของเธอเอาไว้ เพื่อใช้เป็นใบเบิกทางให้ตนเองได้เข้าร่วมสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่ 5 โดยมีเขาเป็นข้ารับใช้
ถึงแม้ตัวเขาเองไม่ได้รับใช้มาสเตอร์ที่ขี้ขลาดด้วยความเต็มใจ แต่เขาก็ต้องกระทำตามคำสั่งของคิเรย์ไปในที่สุด คิเรย์ได้มอบหมายให้เขาคอยทำหน้าที่คอยสอดส่องพฤติกรรมของมาสเตอร์คนอื่นๆ และคอยประเมิณความสามารถของข้ารับใช้ตนอื่นๆ ในการต่อสู้ของเขากับ อาเชอร์ เขาได้พบกับ เอมิยะ ชิโร่ ผู้ซึ่งมาพบเห็นการต่อสู้เข้าโดยบังเอิญ เขาจึงได้ไล่ล่าชิโร่และใช้หอกแทงเข้าที่หัวใจเพื่อปิดปากเขาไม่ให้ความลับเรื่องสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์แพร่งพรายออกไป
แต่ชิโร่กลับฟื้นกลับขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เมื่อรู้ เขาจึงตามชิโร่ไปถึงบ้านเพื่อที่จะสังหารเขาอีกครั้ง แต่ชิโร่ก็ได้อัญเชิญ เซเบอร์ ขึ้นมารับมือกับเขาได้อย่างหวุดหวิด เขาจึงเข้าต่อสู้กับเซเบอร์ และหลบหนีไปในเวลาต่อมา โดยไม่ปรากฏตัวออกมาภายหลังการมาของ อาเชอร์ และ เบอร์เซิร์กเกอร์ อีกเลย
ในเนื้อเรื่องทั้ง 3 บท เขาจะไม่ค่อยมีบทบาทมากเท่าใดนัก หนำซ้ำยังถูกสังหารในทุกเนื้อเรื่องของ Fate/Stay Night
ในบท เฟท เขาได้ทรยศต่อโคโตมิเนะ และเข้าต่อสู้กับ กิลกาเมช ตามที่ตัวเองต้องการ เพื่อช่วยเหลือชิโร่ และ เซเบอร์ แต่ก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด ในบท อันลิมิเต็ด เบลด เวิร์คส์ บทบาทของเขาได้ถูกเพิ่มขึ้นมาบ้าง คือเขาได้เข้าช่วยเหลือชิโร่ ริน และเซเบอร์ต่อสู้กับอาเชอร์ ต่อมาคิเรย์ได้ใช้คำสั่งมนตราบังคับเขาให้ฆ่าตัวตาย แต่เขาได้ขัดขืนคำสั่งพร้อมกับสังหารโคโตมิเนะในปราสาทไอนซ์แบร์น และช่วยเหลือรินจากการทำร้ายของ มาโต้ ชินจิ หลังจากที่ช่วยรินได้แล้ว เขาก็ได้ทำลายปราสาทลงไปพร้อมกับตนเอง และในบท เฮฟเว่นส์ ฟีล เขาได้ถูกสังหารไปโดย ซากุระด้านมืด และ ทรู แอสซาซิน ก่อนที่สงครามจะเริ่มต้นขึ้น
แต่ใน เฟท/ฮอลโลว์ อทาราเซีย บทบาทของเขาได้เพิ่มขึ้นมากจากใน เฟท/สเตย์ ไนท์ คือเขากลายเป็นชายตกปลาธรรมดาที่พบเห็นได้ในท่าเรือเมืองฟุยูกิ, เตร็ดเตร่ไปรอบเมือง, รับงานพาร์ทไทม์เป็นคนขายของชำ มักจะเห็นเขาพูดคุยกับเหล่าผู้เข้าร่วมสงครามจอกศักดิ์สิทธ์อยู่บ่อย แต่เขาก็ไม่เข้าไปยุ่งในการต่อสู้กับเงาหมาป่าปิศาจ ซึ่งเป็นฝีมือของอเวนเจอร์ในการเข้าควบคุม เฮฟเว่นส์ ฟีล นั่นเอง
เฟท/สเตรงจ์ เฟค เล่มที่ 3: สถานะเซอร์แวนท์ของอัลซิเดสและฮิปโปลิต้า, แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย You at Beast's Lair
เฟท/แกรนด์ ออเดอร์ แมททีเรียล บุ๊ค I & II: บทความเกี่ยวกับความสามารถของ เซเบอร์ ลิลลี่, คู ฮูลินน์ (โปรโต), สเธโน, คาร์มิลล่า, วลาดที่ III และเดียร์มุด, แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Master of Chaos at Beast's Lair (โพสต์นั้นไม่ได้บรรจุคำแปลที่พออ่านออกเกี่ยวกับความสามารถทั้งหมดของเหล่าเซอร์แวนท์ที่ถูกกล่าวไป)
เฟท/แกรนด์ ออเดอร์ - โปรไฟล์ของอีริค บลัดแอกซ์ กับ คู ฮูลินน์, แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Master of Chaos at Beast's Lair