Loading AI tools
บทความรายชื่อวิกิมีเดีย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นี่คือรายชื่อตัวละครในแฟรนไชส์ สตาร์วอร์ส
เกทท์เป็นผู้บัญชาการ โคลนทรูปเปอร์ในกองทัพแห่งสาธารณรัฐ, ทำหน้าที่ให้กับนายพลเจได อีทาอิน ทัว-มูคัน ไม่เหมือนโคลนตัวอื่นๆ, เขาไม่คิดว่านายพลเจไดของเขาจะสามารถทำได้ทุกสิ่ง, อีทาอินชอบและเคารพเขาในเรื่องนั้น เขาบัญชาการนายทหารของยานจู่โจม แอคคลาเมเตอร์-คลาสชื่อว่า เฟียร์เลซหนึ่งปีหลังจากยุทธการจีโอโนซิส เขาคุมกองร้อยอิมพรอคโคเหนือดาวดินโล
เกเลน เออโซ (อังกฤษ: Galen Erso) รับบทโดย Mads Mikkelsen (Rogue one) นักวิจัยของจักรวรรดิกาแลกติก บิดาของจิน เออร์โซ เป็นผู้ออกแบบหลักของสถานีอวกาศดาวมรณะ และเป็นผู้ถ่ายทอดข้อมูลเกี่ยวกับจุดอ่อนสำคัญของดาวมรณะให้กับฝ่ายกบฎ ทำให้ฝ่ายกบฎสามารถโจมตีสถานีรบอวกาศที่ดูเหมือนจะไม่มีจุดอ่อนนี้ได้
คิท ฟิสโต (Kit Fisto) เป็นอาจารย์เจไดชาวเนาโทลันเพศชายในปีสุดท้ายของสาธารณรัฐกาแลกติก ในปีที่ 41 ก่อนยุทธการยาวิน เขารับพาดาวันชื่อแบนท์ เออรินเป็นศิษย์ ในสงครามโคลน เขารับหน้าที่เป็นนายพลเจไดขั้นสูงในกองทัพแห่งสาธารณรัฐ และยังเป็นสมาชิกของสภาสูงเจได ฟิสโต้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ เชี่ยวชาญการต่อสู้ใต้น้ำ
ฟิสโตมีส่วนร่วมในยุทธการจีโอโนซิสและรอดมาได้ เขาได้นำทีมจู่โจมในยุทธการมอน คาลามาริ ฟิสโตยังได้ปรากฏตัวบนคามิโน่ ที่ซึ่งเขาได้ล่วงเกินกฎของเจไดด้วยการมีความสัมพันธ์กับเพื่อนเจไดชื่อเอย์ล่า ซีคูร่า ผู้ที่เขาช่วยชีวิตเอาไว้ในการรบครั้งนั้น
เมื่อสงครามโคลนมาถึงจุดเดือด เขาได้ช่วยโอบีวัน เคโนบี เคโนบีบนดาวออด เซสตัสในการดวลกับอาซาจจ์ เวนเทรสส์ เพื่อที่จะหยุดการสร้างดรอยด์นักฆ่าเจได ท้ายสุดแล้วหลังจากหลายปีในการได้รับการพิจารณาให้ได้ตำแหน่งในสภาเจได ฟิสโตได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นอาจารย์เจไดผู้อาวุโสจากการปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโคลน
หลังจากที่ได้รับแต่งตั้งเข้าสภา ฟิสโตถูกส่งไปที่คาโต เนโมอีเดียพร้อมกับโอบีวัน เคโนบีและอนาคิน สกายวอล์คเกอร์เพื่อทำภารกิจเข้าจับกุม นูต กันเรย์ แต่กันเรย์หลบหนีไปได้
ในยุทธการคอรัสซัง ฟิสโตได้ช่วยการรบบนท้องฟ้าเพื่อต่อกรกับกองกำลังของฝ่ายแบ่งแยกดินแดน
เมื่ออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ได้รับรู้ว่าพัลพาทีนคือดาร์ธ ซีเดียส ฟิสโตพร้อมกับเมซ วินดู อเจน โคลาร์ และเซซี ทิอินได้เข้าจับกุมสมุหนายก แต่พวกเขาล้มเหลว ในการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับซิธลอร์ด ฟิสโตถูกฆ่าด้วยมือของดาร์ธ ซีเดียส
เครอา (Kreia) เป็นตัวละครในสตาร์ วอร์ส มีบทบาทสำคัญในเกม Star Wars: Knights of the Old Republic II: The Sith Lords
เครอาเป็นมนุษย์หญิงที่ทำหน้าที่เป็นอาจารย์เจไดในช่วงหลายปีก่อนสงครามแมนดาลอเรียน ต่อมาขึ้นเป็นซิธลอร์ดในนามดาร์ธ เทรยา จ้าวแห่งการทรยศ ต่อมาหลังจากได้เข้าสู่ด้านมืดแล้ว ร่องรอยที่เธอเคยแสดงออกเมื่อครั้งยังเป็นอาจารย์เจไดทำให้เธอขึ้นเป็นจ้าวแห่งซิธลอร์ดอย่างเต็มภาคภูมิ หลังจากถูกทรยศทั้งจากเจไดและซิธ เธอก็เฝ้าคิดถึงการแก้แค้น ไม่เพียงต่อเจไดหรือซิธ แต่เป็นการแก้แค้นต่อสิ่งที่เธอเชื่อว่าลิขิตให้เธอต้องรับการทรยศเช่นนั้น คือพลัง
เมื่อเธอพบเจไดผู้ถูกเนรเทศ ผู้ซึ่งเธอเห็นศักยภาพในตัวนาง เพียงพอที่จะยังผลให้กับความฝันของการแก้แค้นของเธอได้ เครอาได้ "ช่วยชีวิต" ผู้ถูกเนรเทศ และฝึกฝนนางใหม่ในมุมมองของเธอ แม้ในขณะที่เธอกำลังวางแผนอยู่เบื้องหลังการกวาดล้างเจไดครั้งแรก เครอายังคงพยายามหล่อหลอมผู้ถูกเนรเทศ รวมทั้งเหล่าผู้เดินทางร่วมบนยานเอบอน ฮอว์ค ขึ้นใหม่ หลังจากเสร็จยุทธการทีลอส 4 ผู้ถูกเนรเทศเดินทางไปยังมาลาคอร์ 5 เพื่อเผชิญหน้ากับเครอา ซึ่งได้เปิดเผยตัวเองในฐานะดาร์ธ เทรยา และประลองกระบี่แสงกัน จนเครอาเสียชีวิตในที่สุด ในส่วนลึกที่สุดของวิทยาลัยเทรยัส
คิ อดิ มันดิ (Ki-Adi-Mundi) เป็นตัวละครในสตาร์ วอร์ส ในภาพยนตร์ คิ อดิ มันดิปรากฏตัวครั้งแรกในภัยซ่อนเร้นและมีบทบาทตลอดจนถึงซิธชำระแค้น
คิ อดิ มันดิ เป็นอาจารย์เจไดชาวซีเรียน และสมาชิกของสภาสูงเจได เขามาจากดาวซีเรีย เนื่องมาจากอัตราการเกิดของชาวซีเรียนกำลังลดมาก เขาจึงได้รับอนุญาตจากนิกายเจไดให้แต่งงานได้ เขามีภรรยาสี่คน ลูกชายคนเดียว และลูกสาวอีกเจ็ดคน
มันดิเป็นคนแปลกใจที่สุดกับรายงานการกลับมาของซิธของไควกอน จินน์ เพราะเขาแน่ใจว่าซิธได้ถูกกำจัดไปหมดแล้ว ในฐานะนายพล เขาได้ทำการต่อสู้มากมายในช่วงสงครามโคลน เขาถูกฆ่าบนไมกีโตในช่วงคำสั่งที่ 66
คาล เคสติส(Cal Kestis) เป็นตัวละครในเกมส์ชุดสตาร์ วอร์ส ซึ่งปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเกมส์ สตาร์ วอร์ส เจได:ฟอลเลน ออร์เดอร์
คาล เคสติส เป็นตัวละครที่เป็นมนุษย์เพศชาย ผู้ซึ่งมีสัมผัสแห่งพลัง และเป็นอัศวินเจไดพาดาวันที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์คำสั่งที่ 66 ในช่วงสงครามโคลน เขาเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เจไดนามว่า จาโร ทาปัล ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ และได้มอบกระบี่แสงไว้ให้คาลก่อนสิ้นใจ คาลได้มาหลบซ่อนอยู่ที่ดาวบรักกา เพื่อปกปิดตัวตนจากจักรวรรดิกาแลกติกที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่มาเป็นเวลา 5 ปี(14 ปีก่อนยุทธการยาวิน) เขาได้กลายเป็นสมาชิกของสมาคมแยกชิ้นส่วนยานบนสถานีดาวบรักกา โดยทำงานเป็นริกเกอร์(ช่างแยกชิ้นส่วนและรื้อถอนยาน)ในช่วงยุคสมัยจักรวรรดิ
ในช่วงที่เขายังคงทำงานบนดาวบรักกา ซึ่งได้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด เพื่อนร่วมงานของเขากำลังจะตกสู่เบื้องล่างแห่งความตาย คาลจึงตัดสินใจใช้พลังที่ไม่ได้ใช้มานาน เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนเอาไว้ได้ทัน ภายหลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้จักรวรรดิกาแลคติกรับรู้ และได้ส่งผู้สอบสวนจักรวรรดิ( Inquisitors) 2 คน มาตามล่าคาล กระทั่งผู้สอบสวน เซคคันด์ซิสเตอร์ ได้สังหารเพื่อนของเขา กระบี่แสงของอาจารย์ที่เขาเก็บซ่อนไว้ก็ได้ถูกชักออกมาอีกครั้ง ทว่าคาลที่ห่างหายจากการฝึกฝนมานาน ไม่สามารถรับมือผู้สอบสวนจักรวรรด์ทั้ง 2 คนพร้อมกันได้ แต่ด้วยความช่วยเหลือจากสองบุคคลปริศนาคาลจึงสามารถหนีออกจากดาวบรักกาได้สำเร็จ สองบุคคลปริศนาที่ช่วยคาลไว้คือ อดีตอาจารย์เจได เซียร์ จันดา และนักบินที่มีชื่อว่า กรีซ ไดรตัส ซึ่งทั้งสองคนได้มาพร้อมกับภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่มอบให้แก่คาล ก็คือ การตามหา เจไดโฮโลครอน เพื่อฟื้นฟูนิกายเจไดขึ้นมาใหม่ และ โค่นล้มอำนาจจักรวรรดิซิธให้จงได้
แม้จะไม่ได้ฝึกฝนวิชาเป็นเวลา 5 ปี แต่คาลก็ยังคงมีพรสวรรค์ในด้านพลังอยู่ หลังจากฟื้นฟูการเชื่อมต่อกับพลังได้อย่างสมบูรณ์แล้ว คาลยังแสดงให้เห็นถึงทักษะการใช้กระบี่แสงที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าที่เกิดจากการผสมผสานทั้ง 6 รูปแบบเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังสามารถใช้กระบี่แสง 2 ปลาย และ กระบี่แสงคู่ได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
หลังเผชิญบททดสอบต่าง ๆ ในการผจญภัยและสามารถก้าวข้ามมาได้สำเร็จ คาลก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินเจไดเต็มตัว อย่างเป็นทางการ จากเซียร์ จันดา ในฐานะอาจารย์ใหม่ของเขา เนื่องจากในอดีตคาลสูญเสียอาจารย์ไประหว่างเหตุการณ์คำสั่งที่ 66 สถานะพาดาวันจึงยังติดตัวเขาตั้งแต่นั้นมา
ไจนา โซโล เป็นอัศวินเจไดของนิกายเจไดใหม่ และเป็นพี่สาวฝาแฝดของจาเซน โซโล เธอเป็นบุตรสาวของฮันและเลอา ออร์กานา โซโล จึงได้รับความสามารถทางเครื่องกลมาจากพ่อ และสัมผัสแห่งพลังมาจากแม่ ทำให้เธอได้เข้ารับการฝึกในเจไดพราเซียม ระหว่างที่เข้ารับการฝึกอยู่นั้นเธอได้เข้าร่วมในการผจญภัยจำนวนมาก และมีส่วนในการขัดขวางจักรวรรดิที่สองขึ้นด้วย
เมื่อครั้งพวกยูซาน วอง รุกรานกาแลกซี ไจนาได้เข้าร่วมกับกองทัพแห่งสาธารณรัฐใหม่ในฐานะนักบินในฝูงบินโร้ก และเข้าร่วมการสู้รบในแนวหน้าระหว่างสงครามยูซาน วอง เสมอ จนได้รับตำแหน่งดาบแห่งเจไดจากลุค สกายวอล์คเกอร์ ผู้เป็นลุงของเธอ และเป็นที่รู้จักในหมู่พวกยูซาน วอง ในฐานะของ ยุน-ฮาร์ลา เทพธิดาแห่งการหลอกลวง อย่างไรก็ดี การเสียชีวิตของอนาคิน น้องชายของเธอ ทำให้ไจนาเฉียดเข้าใกล้ด้านมืดอย่างมาก ก่อนที่จะดึงตัวกลับมาได้และเข้าร่วมฝูงบินสุริยะคู่ ในขณะที่สงครามกำลังดำเนินไป ไจนาค้นพบหนทางที่จะใช้ยานรบและเทคโนโลยีชีวภาพของพวกยูซาน วอง เพื่อทำให้พันธมิตรเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งนำไปสู่บทสรุปของสงคราม ภายหลังในฐานะของผู้รอดชีวิตจากภารกิจสู่มิร์คร์ ไจนาเข้าร่วมกับสังคมกิลลิก และเข้าไปเกี่ยวพันกับวิกฤตการณ์ดาร์คเนสท์และสงครามสวอร์มในเวลาต่อมา
จาโร ทาปัล (Jaro Tapal) เป็นตัวละครในเกมส์ชุดสตาร์ วอร์ส ซึ่งปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเกมส์ สตาร์ วอร์ส เจได:ฟอลเลน ออร์เดอร์
ในการทดสอบบนดาวดาโธเมียร์ จิตของจาโรได้หลอมรวมกับพลังและมาปรากฏตัวต่อหน้าคาลอีกครั้ง คาลได้ต่อสู้กับอาจารย์และพบว่า พลังไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง ความมุ่งมั่นเท่านั้นที่จะนำทางได้ การต่อสู้ครั้งนี้จึงเป็นเสมือนการสั่งสอนและเตือนสติลูกศิษย์ของจาโร
ซอร์ส แบนดีมเป็นตัวละครในภาพยนตร์และนวนิยายชุดสตาร์ วอร์ส ซอร์สปรากฏตัวครั้งแรกในซิธชำระแค้น การปรากฏตัวของเขาเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนถูกฆ่าโดยดาร์ธ เวเดอร์
ซอร์ส แบนดีม (อังกฤษ: ภาษาอังกฤษ: Sors Bandeam) เป็นยังลิ่งที่เป็นมนุษย์ซึ่งเรียนอยู่ในวิหารเจไดบนคอรัสซัง
ซอว์ เกอร์เรร่า รับบทโดย Forest Whitaker (Rogue One) และให้เสียงโดย Andrew Kishino (The Clone Wars), Forest Whitaker (Rebels) เป็นอดีตทหารที่เคยรบในสงครามโคลน ต่อมาในบั้นปลายได้เป็นผู้นำนักรบกบฎหัวรุนแรง ต่อต้านจักรวรรดิกาแลกติก
เซียร์ จันดา (Cere Junda) เป็นตัวละครในเกมส์ชุดสตาร์ วอร์ส ซึ่งปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในเกมส์ สตาร์ วอร์ส เจได:ฟอลเลน ออร์เดอร์
ดอลเทย์ ดอไฟน์เป็นตัวละครในภาพยนตร์ นวนิยาย และหนังสือการ์ตูนชุดสตาร์ วอร์ส ในภาพยนตร์ ดอลเทย์ ดอไฟน์ได้ปรากฏตัวครั้งแรกในภัยซ่อนเร้น
ดอลเทย์ ดอไฟน์ (Daultay Dofine) เป็นกัปตันชาวเนโมอีเดียนประจำยานประจัญบาน ลูเคอร์ฮัล์ค-คลาสซาอัคอัคของสมาพันธ์การค้าในช่วงการปิดกันและรุกรานบนนาบู ก่อนหน้านี้เขาได้บัญชาการยานประจัญบานชื่อรีวีนิวและแอคควิซิเตอร์ นอกจากอุปราชนูต กันเรย์ รูน ฮาอาโค และฮัธ มอนชาร์ ดอลเทย์เป็นหนึ่งในเนโมอีเดียนสี่คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดาร์ธ ซีเดียส
เขาเป็นคนรอบคอบและมักกังวลใจ ผู้ซึ่งได้รับตำแหน่งอันสูงส่งผ่านทางครอบครัวของเขาและหักหลังเพื่อนร่วมงาน ดอไฟน์เสียใจที่นูต กันเรย์ร่วมมือกับซิธลอร์ด เขาและฮาอาโคแนะนำให้กันเรย์จบการต่อรอง อย่างไรก็ตาม กันเรย์ไม่สนใจดอไฟน์ ทำให้เขาต้องกลัดกลุ้มในการปฏิบัติหน้าที่อย่างการรุกรานนาบู
ดาร์ธ เพลกิส (Darth Plagueis) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น
ดาร์ธ เพลกิส หรือรู้จักในนาม ดาร์ธ เพลกิส ผู้ทรงปัญญา มีชีวิตอยู่ในช่วงปีที่ 52 - 46 ก่อนยุทธการยาวิน เป็นลอร์ดมืดแห่งซิธชาวมุน ทายาทของนิกายซิธลอร์ดของดาร์ธ เบน และเป็นปรมาจารย์แห่งการควบคุมมิดิคลอเรียน มีชีวิตในช่วงร้อยปีก่อนเหตุการณ์ยุทธการนาบู เพลกิสผู้หลงใหลในชีวิตอมตะได้ทำการทดลองหาหนทางโกงความตายและสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมาจากมิดิคลอเรียน
เพลกิสมีบทบาทมากในประวัติศาสตร์ของกาแลกซีผ่านทางการผลักดันดาร์ธ ซิเดียส ผู้เป็นศิษย์ ให้เข้าครอบครองกาแลกซี และสร้างยุคแห่งซิธขึ้น ซิเดียสผู้กังวลว่าจะถูกแทนที่ในฐานะศิษย์ของเพลกิส ได้ลอบสังหารเพลกิสในยามหลับ ตำนานของดาร์ธ เพลกิส ถูกซิเดียสใช้เพื่อล่อลวงอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ เข้าสู่ด้านมืดของพลัง แม้ในขณะนั้นตัวตนของเพลกิสยังเป็นปริศนาสำหรับเจไดและแม้กระทั่งล่วงเลยมาถึงยุคของพันธมิตรในช่วงเวลาของสหพันธ์กาแลกติก
ดาร์ธ มาลัก (Darth Malak) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในวิดีโอเกม Star Wars: Knights of the Old Republic ซึ่งได้รับการจัดจำหน่ายในปี พ.ศ. 2546 บนเครื่อง Xbox และ PC เหตุการณ์ในเกมนี้เกิดขึ้นตามเวลาในท้องเรื่องก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 4: ความหวังใหม่ เป็นเวลา 3,956 ปี นับเป็นปีที่ 3,956 ก่อนยุทธการยาวิน
ดาร์ธ มาลัก เป็นมนุษย์เพศชาย ถือกำเนิดบนดาวเควลิไอ ต่อมาถือตำแหน่งขึ้นเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธในช่วงสงครามภายในนิกายเจได ก่อนที่จะใช้ชื่อมาลัก อาเลก สควินควาร์เจซิมุส หรือสควินท์ เป็นอัศวินเจไดและผู้บัญชาการทางทหารที่มีชื่อเสียง ในช่วงสงครามแมนดาลอเรียน อาเลกถูกมองว่าเป็นนักรบที่ดื้อรั้นและบ้าบิ่น เขาได้ผูกมิตรกับพาดาวันเซย์น คาร์ริก ซึ่งอาเลกได้ร่วมมือช่วยในการล้มล้างกลุ่มสัญญาเจได ไม่นานก่อนที่จะเริ่มใช้ชื่อมาลัก ซึ่งมีที่มาจากชื่อหมู่บ้านที่เขาเกิด ต่อมาได้ค่อยๆ เข้าใกล้ด้านมืด และในที่สุดก็ถูกล่อลวงด้วยคำสอนของซิธที่ถูกมอบให้โดยเพื่อนสนิท เรวาน
ในฐานะศิษย์ของเรวาน ดาร์ธ มาลักได้ช่วยอาจารย์ของตนไล่ตามหาเครื่องมือที่จะนำไปสู่เตาหลอมดารา และเข้ามีส่วนร่วมในความพยายามที่จะสร้างจักรวรรดิซิธขึ้นใหม่ ซึ่งจะเป็นปฏิปักษ์อันน่ากลัวต่อสาธารณรัฐกาแลกติกและนิกายเจไดที่ต่างกำลังอยู่ในภาวะอ่อนแอ
หลังจากได้ "สังหาร" ดาร์ธ เรวาน ผู้เป็นอาจารย์ และชิงตำแหน่งมา ในปีที่ 3,957 ก่อนยุทธการยาวิน มาลักบังคับบัญชาการกองกำลังซิธได้อย่างไม่มีใครต้าน เข้ายึดครองดินแดนแล้วดินแดนเล่าอย่างโหดร้าย ในที่สุดก็ได้ฝึกศิษย์ของตนเองคือดาร์ธ แบนดอน อดีตเจได และต่อมาก็ได้ครอบงำพาดาวันเจได บาสติลา ชาน
ดาร์ธ มอล เป็นลอร์ดมืดแห่งซิธ และเป็นศิษย์คนแรกเท่าที่ทราบของดาร์ธ ซิเดียส ในวัยเด็กนั้น มอลถูกลักพาตัวมาโดยซิเดียส และถูกฝึกสอนในวิถีแห่งด้านมืดของพลังอย่างลับๆ ด้วยความที่เขาเติบโตมาภายใต้การสั่งสอนของดาร์ธ ซิเดียส ทำให้ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวที่มอลได้เรียนรู้ก็คือความกระหายเลือดและความโกรธเกรี้ยว แท้จริงแล้วถื่นกำเนิดของมอลคือ ดาว ดาโธเมียร์ และเผ่าพันธ์ของเขาก็คือ ไนท์บราเธอร์ บุตรแห่งมาเธอร์ทัลซิน ในด้านความสามารถ มอลถนัดใช้กระบี่แสง 2 ปลาย ซึ่งเข้ากันได้ดีกับกระบวนท่ารูปแบบที่ 6 ที่เขาเชี่ยวชาญ ในภาค : 1 ภัยซ่อนเร้น จากการต่อสู้กับเคโนบี มอลถูกฟันตัดครึ่งลำตัว และหายสาบสูญไปหลังร่วงลงไปในปล่องระบายอากาศ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขารอดชีวิต มอลปรากฎตัวอีกครั้งในสภาพครึ่งล่างคล้ายแมงมุม ที่เกิดจากการใช้พลังดึงเอาเศษเหล็กมาต่อกับร่างกาย และสติฟั่นเฟือน โดยเผยว่าเขาถูกช่วยเหลือโดยกลุ่มไนท์ซิสเตอร์ กลับไปทำการรักษาที่ดาโธเมียร์ อันเป็นบ้านเกิด กระทั่งต่อมาเขาก็กลับเป็นปกติ และได้รับการผ่าตัดดัดแปลงร่างกายท่อนล่างด้วยขาจักรกล เป้าหมายของเขามีเพียงหนึ่งเดียว แก้แค้นและกำจัดโอบีวัน ตั้งแต่นั้นมา มอลก็ไล่ตามหาโอบีวันทั่วทุกดวงดาว แต่ก็ยังคงไม่พบ เวลาล่วงเลยมานับปี ในที่สุดเขาก็เจอกับโอบีวันที่ ทาทูอีน มอลสัมผัสได้ว่าโอบีวันไม่ได้มาที่นี่แบบไร้จุดประสงค์ หากว่ากำลังปกป้องบางสิ่ง หรือบางคนอยู่ นักรบซิธไม่รอช้า ชักกระบี่แสงพร้อมพุ่งเข้าโจมตีโอบีวัน แต่โอบีวันที่ในขณะนั้นมีฝีมือเทียบเท่าปรมาจารย์ สามารถเอาชนะมอลได้ภายใน 3 เพลงดาบ มอลล้มลงทันที แต่โอบีวันเข้าไปประคองไว้ ด้วยความที่เขาให้เกียรติมอลในฐานะคู่ต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรี มอลที่กำลังจะสิ้นใจ เห็นว่าโอบีวันที่เขาเคียดแค้นมาตลอด ท้ายที่สุดกลับปฏิบัติต่อเขาอย่างดี จึงคลายความอาฆาตและจากไปอย่างสงบ
ดิน จาริน (Din Djarin) ชาวแมนดาลอเรียนเพศชาย เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในภาพยนตร์เดอะแมนดาลอเรียน
ดิน จาริน เป็นที่รู้จักในนาม เดอะแมนดาลอเรียน หรือ แมนโด มีชีวิตอยู่ในช่วงปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน เป็นนักล่าเงินรางวัลชาวแมนดาลอเรียนผู้มากความสามารถ มีฝีมือการต่อสู้ และทักษะการยิงปืนที่เยี่ยมยุทธ์ ในอดีตดินเป็นเด็กกำพร้าที่สูญเสียพ่อแม่ในสงครามกลางเมืองแมนดาลอร์ และถูกรับเลี้ยงโดยชาวแมนดาลอเรียนในเวลาต่อมา เขาได้รับการปฏิบัติและเลี้ยงดูเยี่ยงชาวแมนดาลอเรียนทุกอย่าง รวมถึงได้รับการฝึกฝนต่อสู้ การใช้อาวุธ รวมถึงการใช้เจ็ทแพ็ค ดินเติบโตมาในกลุ่มชาวแมนดาลอเรียนที่ชื่อว่า เดธวอทช์ (Death Watch) ซึ่งเคร่งครัดในกฎดั้งเดิมมากกว่าชาวแมนดาลอเรียนกลุ่มไหน ๆ โดยเฉพาะการไม่ถอดหมวกต่อหน้าผู้อื่น เพราะตามกฎถ้าหากถูกคนเห็นตอนถอดหมวกแล้ว จะไม่มีสิทธิกลับไปใส่ได้อีก จึงไม่มีใครเคยได้เห็นใบหน้าจริงของเขาเลย ดินยึดอาชีพเป็นนักล่าเงินรางวัลมาตลอด จนกระทั่งได้รับการกล่าวขานว่า เป็นนักล่าค่าหัวฝีมือระดับพระกาฬ ที่ค่าตัวแพงเป็นอันดับต้น ๆ ของวงการ แต่แล้วชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อได้รับภารกิจที่ต้องไปนำตัวเด็กทารกเผ่าพันธุ์เดียวกับ ปรมจารย์โยดา ไปมอบให้ฝ่ายจักรวรรดิ ซึ่งระหว่างภารกิจเขาก็ได้สัมผัสถึงสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่ามีในตัวเองมาก่อน ซึ่งก็คือ ความอ่อนโยน นั่นเอง
หลังจากที่เอาชนะมอฟ กีเดี้ยน ได้แล้ว ดินตั้งใจจะนำ ดาร์คเซเบอร์ มาคืนให้กับ โบ คาทาน ครีซ แต่เธอไม่ยอมรับมัน เนื่องด้วยชาวแมนดาลอเรียนมีธรรมเนียมที่ว่า การจะครอบครอง ดาร์คเซเบอร์ ได้ ต้องมาจากการดวลเพื่อชิงมาเท่านั้น ดินจึงเป็นผู้ครอบครองดาร์คเซเบอร์จนถึงปัจจุบัน และได้นำมาใช้เป็นอาวุธหลัก
ทิออน มีดอน (Tion Medon) เป็นชาวเปาอันเพศชายและเป็นผู้จัดการท่ายานของเปาซิตี้ เขาตัวผอม ผิวหนังคล้ายมนุษย์สีเทา ทิออน มีดอนสวมชุดคลุมสีแดงที่ดูสง่าและมีไม้เท้าของทางสำนักงานถืออยู่ในมือ เขาได้ช่วยเหลือโอบีวัน เคโนบีในช่วงสงครามโคลน
ทารอน มาลิคอส (Taron Malicos) เป็นมนุษย์เพศชาย ในสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในเกมสตาร์ วอร์ส: การล่มสลายของภาคีเจได อดีตอาจารย์เจไดที่มาอาศัยอยู่บนดาว ดาโธเมียร์ อันเป็นที่อยู่ของเหล่า ไนท์ซิสเตอร์ และ ไนท์บราเธอร์ มาลิคอสมีจุดประสงค์ต้องการศึกษาเวทมนตร์ของเหล่าไนท์ซิสเตอร์ เพื่อให้ตนแข็งแกร่งและมีอำนาจมากขึ้น โดยตกลงกับพวกเขาว่าจะคุ้มครองให้พ้นจากจักรวรรดิ หลังจากที่จักรวรรดิมารุกรานดาโธเมียร์ และแล้วไนท์ซิสเตอร์ เมอร์รินก็หลงเชื่อ กระทั่งคาล เคสติส เดินทางมาค้นหา แอสเทรียม ที่ดาโธเมียร์ ความจริงจึงเปิดเผยว่า มาลิคอส คือเจไดที่ตกสู่ด้านมืด และพยายามชักชวนคาลให้มาเป็นพวก แต่คาลปฏิเสธ มาลิคอสจึงโกรธมาก ชักกระบี่แสงคู่ออกมา หมายเอาชีวิตคาล 2 เจไดเข้าปะทะกัน คาลตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในด้านพลัง แต่ด้วยความช่วยเหลือของเมอร์ริน คาลจึงสามารถเอาชนะได้ สุดท้ายมาลิคอสก็ถูกเมอร์รินร่ายเวทมนตร์ให้ธรณีสูบลงไปจนถึงแก่ความตาย
ทริลลา (Trilla Suduri) เป็นตัวละครมนุษย์เพศหญิงใน สตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในเกมสตาร์ วอร์ส: การล่มสลายของภาคีเจได อดีตเจไดพาดาวันหญิง ลูกศิษย์ของ เซียร์ จันดา ที่รอดชีวิตจากหลบหนีทหารโคลนในเหตุการณ์ คำสั่งที่ 66 เหล่าเจไดถูกกวาดล้าง ทำให้พวกเธอต้องหนีไปซ่อนตัว แต่เซียร์ถูกจับไปและถูกทรมานจนหลุดปากคายความลับที่ซ่อนของพวกลูกศิษย์ ทริลลาจึงถูกจับตัวมาเข้ากระบวนการทรมานเพื่อกระตุ้นด้านมืดในจิตใจ จนกลายเป็น เซคคันด์ซิสเตอร์ อินควิซิเตอร์ ผู้ติดตามรับใช้ซิธลอร์ด ดาร์ธ เวเดอร์ เธอได้รับกระบี่แสงเล่มใหม่ ที่มีปลาย 2 ด้านและสามารถหมุนใบมีดโจมตีได้ ทริลลาได้รับคำสั่งให้ตามหาเจไดที่หลบหนีอยู่บนดาวบรักกา ซึ่งก็คือ คาล เคสทิส แต่คาลหลบหนีไปได้พร้อมกับลูกเรือยานแมนทิสที่มีอดีตอาจารย์ของเธอในนั้นด้วย ต่อมาเธอสืบพบว่า พวกคาลกำลังตามหาเจไดโฮโลครอนซึ่งมีรายชื่อเด็กผู้มีสัมผัสในพลังบรรจุอยู่ เธอจึงพยายามชิงมันมา แต่คาล เคสทิส เข้ามาขัดขวางเสียก่อน จึงเกิดการต่อสู้กัน หลังจากที่คาลสามารถไขปริศนาของ อีโน คอร์โดวา ได้สำเร็จและได้โฮโลครอนมาไว้ในมือ ทริลลาที่รอโอกาสอยู่ก็มาชิงมันไป พวกคาลจึงตามเธอไปจนถึงฐานใต้ทะเลสาบของจักรวรรดิ กระทั่งพบทริลลาและประดาบกัน ระหว่างนั้นคาลก็พยายามโน้มน้าวทริลลาให้กลับมาสู่ด้านสว่าง จึงเกิดความขัดแย้งขึ้นในใจเธอ จนในที่สุดคาลก็เอาชนะเธอได้ เซียร์ที่ตามมาก็เข้าไปเจรจาและสำนึกผิดที่ทอดทิ้งศิษย์อย่างเธอไป ทริลลาได้ฟังดังนั้นจึงลดโทสะลงและกำลังจะกลับสู่ด้านสว่าง ขณะที่ทุกอย่างกำลังจะจบลงด้วยดี ดาร์ธ เวเดอร์ ก็ปรากฏตัวขึ้นและลงดาบสังหารทริลลาโทษฐานที่เธอทำงานล้มเหลว
เบรู ลาร์ส (Beru Lars)หรือ เบรู ไวท์ซัน (Beru Whitesun) เป็นตัวละครรองปรากฏตัวครั้งแรกในสตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 4: ความหวังใหม่ เป็นภรรยาของโอเวน ลาร์สและเป็นป้าของลุค สกายวอล์คเกอร์ เขาถูกพวกสตอร์มทรูปเปอร์ฆ่าตายที่บ้านขณะที่ลุคอยู่กับเบน เคโนบี
เบล เพรสเตอร์ ออร์กานา (Bail Prestor Organa) : เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 2: กองทัพโคลนส์จู่โจม และสตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น มีชีวิตตามเวลาในท้องเรื่องระหว่างปีที่ 69 ก่อนยุทธการยาวิน ถึงปีที่ 0 ก่อนยุทธการยาวิน
เบลเป็นบิดาบุญธรรมของเจ้าหญิงเลอา ออร์กานา และมิตรของอาจารย์เจได โอบีวัน เคโนบี สมรสกับเจ้าหญิงเบรฮา ออร์กานา แห่งอัลเดอราน และดำรงตำแหน่งเจ้าแห่งราชวงศ์ออร์กานาในฐานะพระสวามีของสมเด็จพระราชินีนาถ มีนามอย่างเป็นทางการคือ เบล ออร์กานา อุปราชและเจ้าชายแห่งอัลเดอราน เขาได้รับการเคารพนับถือในฐานะผู้สละชีพในหน้าที่ในพันธมิตรกบฏ(เบล ออร์กาน่าเสียชีวิตจากการถูกทำลายของดาวอัลเดอรานโดยลำแสงจากสถานีอวกาศดาวมรณะโดยคำสั่งของทาร์คิน)และรัฐสืบเนื่องอันได้แก่สาธารณรัฐใหม่และสหพันธรัฐพันธมิตรอิสระ
บีบีเอท (อังกฤษ: BB-8) เป็นตัวละครหุ่นยนต์ประเภทดรอยด์ในสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส: อุบัติการณ์แห่งพลัง โดยเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้รีโมตคอนโทรลในการบังคับ ซึ่งต่างจากตัวละครที่ใช้นักแสดงเชิดหรือสวมชุดในภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ มีลักษณะลำตัวท่อนล่างเป็นทรงกลม และเคลื่อนไหวโดยการกลิ้ง มีอุปกรณ์สารพัดประโยชน์เก็บไว้ในตัว เดิมที บีบีเอท เป็นหุ่นดรอยด์คู่หูของ โพ ดาเมรอน แต่พลัดหลงกันขณะที่ปฐมภาคีบุกโจมตีดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง บีบีเอทได้ไปพบกับ ฟิน และ เรย์ เข้า จึงได้ติดตามทั้ง 2 มาจนสามารถกลับมาที่ฐานทัพกลุ่มต่อต้านได้สำเร็จ ฝ่ายปฐมภาคีต้องการตัว บีบีเอท เนื่องจาก โพได้ซ่อนแผนที่ระบุตำแหน่งของปรมาจารย์เจได ลุค สกายวอล์คเกอร์ เอาไว้ ไคโลเร็น จึงต้องการหาตัวเขาเพื่อกำจัดเสีย
บีดีวัน (อังกฤษ: BD-1) เป็นตัวละครหุ่นยนต์ประเภทดรอยด์ในสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในเกมสตาร์ วอร์ส: การล่มสลายของภาคีเจได ในอดีตเป็นหุ่นยนต์ของปรมาจารย์ อีโน คอร์โดวา โดยก่อนที่จะหายตัวไป อาจารย์เจไดผู้นี้ได้ฝังข้อความลับไว้ในบีดีวัน ซึ่งจะนำทางไปสู่คลังข้อมูลใน เจได-โฮโลครอน มีเพียงเจไดที่หุ่นตัวนี้เห็นว่าคู่ควรเท่านั้น ที่จะเข้าถึงข้อมูลได้ จากนั้นคอร์โดวาก็ทำการลบความจำ บีดีวันถูกนำมาปล่อยไว้ที่ดาวโบกาโน่หลังจากนั้น ก่อนที่คาล เคสติส จะเดินทางมาพบเข้า
บารอนปาปานอยดา (อังกฤษ: Papanoida) เป็นชายชาวแพนทอราน ประธานแห่งดาวเคราะห์แพนทอราในช่วงปลายยุคสาธารณรัฐ วุฒิสมาชิกชี อีคเวย์ผู้เป็นบุตรสาว เคยกล่าวว่าเขาเป็นคนที่มีอำนาจมาก
ตัวละครนี้แสดงโดยจอร์จ ลูคัส ผู้สร้างสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวในภาพยนตร์ซิธชำระแค้น ต่อมาจึงมีบทบาทเพิ่มเติมในซีรีส์ Star Wars: The Clone Wars ตอน "Sphere of Influence ให้เสียงโดย Corey Burton
โพล คูนเป็นชาวเคล ดอร์เพศชายจากดอรินซึ่งต่อมาได้เป็นอาจารย์เจไดและสมาชิกถาวรของสภาสูงเจได โพล คูนเข้ารับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์การรุกรานนาบูจนถึงการล่มสลายของสาธารณรัฐในปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน ในช่วงสงครามโคลน คูนได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายพลใหญ่ของกองทัพใหญ่สาธารณรัฐ นอกจากนั้นแล้วโพล คูนยังเป็นนักบินยานรบที่มีฝีมือคนหนึ่ง
โพลมีหลานสาวคนหนึ่งคือชา คูน ซึ่งเป็นสมาชิกนิกายเจไดเช่นกัน และยังปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สื่อสารส่วนตัวระหว่างกองกำลังเจไดจู่โจมกับสาธารณรัฐในช่วงสงครามสตาร์กไฮเปอร์สเปซ โพล คูนเป็นเพื่อนสนิทของอาจารย์เจไดไควกอน จินน์ (ซึ่งทั้งสองได้ร่วมรบกันในสงครามสตาร์กไฮเปอร์สเปซ) มิคาห์ กิเอตต์ และนักบินที่เก่งกาจอีกคนหนึ่งคือแซสซี ทีน เขาถูกสังหารขณะบังคับยานรบบนดาวคาโต้ เนโมเดียโดยทหารโคลนทรูปเปอร์ในสังกัดในช่วงที่มีการประกาศใช้คำสั่งที่ 66
ชื่อจริงคือ ชีฟว์ พัลพาทีน หรือ ดาร์ธ ซิเดียส (Darth Sidious)เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลพัลพาทีน จากดาวนาบู เป็นสมุหนายกคนสุดท้ายของสาธารณรัฐกาแลกติก(ปีที่ 32 ก่อนยุทธการยาวินถึงปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน)และผู้ตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิกาแลกติก (ปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวินถึงปีที่ 4 หลังยุทธการยาวิน และปีที่ 10 หลังยุทธการยาวินถึงปีที่ 11 หลังยุทธการยาวิน) เขาเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระดับกาแลกซีอย่างสงครามโคลนเพื่อที่จะกุมอำนาจโดยใช้กฎอัยการศึกที่ประกาศโดยสภากาแลกติกในระหว่างสงครามโคลน พัลพาทีนเป็นผู้นำที่แท้จริงของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในฐานะของซิธลอร์ด ดาร์ธ ซิเดียส ทั้งยังเป็นผู้นำตามกฎหมายของฝ่ายสาธารณรัฐอีกด้วย ทำให้เขาสามารถวางแผนความเป็นไปของสงครามทั้งหมดได้ ยังผลให้พัลพาทีนได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่คือการถือกำเนิดของจักรวรรดิกาแลกติก
เมอร์ริน (Merrin) เป็นตัวละครหญิงชาวซาบรัค ผิวกายสีเทา และผมสีเงิน อาศัยอยู่บนดาว ดาโทเมียร์ หรือที่รู้จักกันในนาม ไนท์ซิสเตอร์ ปรากฏตัวครั้งแรกในเกม สตาร์ วอร์ส: การล่มสลายของภาคีเจได เธอคือไนท์ซิสเตอร์คนสุดท้ายของเผ่า หลังจากเหตุการณ์กวาดล้างของจักรวรรดิได้ผ่านไป พี่น้องและครอบครัวของเธอถูกสังหารจนสิ้น เธอจึงอาศัยอย่างเดียวดายอยู่บนดาวบ้านเกิด แต่แล้ววันหนึ่ง กลุ่มลูกเรือยานแมนทิส ก็เดินทางมาที่ดาโทเมียร์ เมอร์รินคิดว่าพวกเขาเป็นผู้บุกรุก จึงแอบซุ่มโจมตี และปะทะเข้ากับเจไดหนุ่ม คาล เคสติส แต่คาลก็ไม่ได้ตอบโต้ และพยายามพูดคุยเจรจากับเธอ ทีแรกเมอร์รินไม่คิดเจรจาด้วย แต่เมื่อคาลได้พบกับเจไดมืด มาลิคอส และพยายามพูดคุยกับเมอร์ริน เธอจึงเริ่มยอมปรับความเข้าใจทีละน้อย และเล่าถึงความจริงที่เกิดขึ้นกับเผ่าของเธอ จนในที่สุด คาลก็ได้ประดาบกับมาลิคอส และได้เมอร์รินคอยสนับสนุน จนสามารถปราบมาลิคอสลงได้ เมื่อได้ทราบจุดประสงค์ของคาล เมอร์รินก็ตัดสินใจร่วมเดินทางไปกับคาลด้วย หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับคาลก็เริ่มสนิทสนมขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งในเกม สตาร์ วอร์ส: เจไดเซอร์ไวเวอร์ ช่วง 9 ปีก่อนยุทธการยาวิน ก็ได้เผยว่า เธอกับคาล ได้สานสัมพันธ์กันจนถึงขั้นโรแมนติก และกลายเป็นคู่รักในที่สุด โดยมีจุมพิตแรกของทั้งคู่เป็นสิ่งยืนยัน
เรวา เซแวนเดอร์ (Reva Sevander) หรือ ภคนีที่ 3 แห่งกลุ่มนักสอบสวนจักรวรรดิ (Third Sister Inquisitor) เป็นตัวละครหญิงผู้มีสัมผัสแห่งพลัง ในอดีตเธอคือหนึ่งในยังลิ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เหตุการณ์คำสั่งที่ 66 ซึ่งขณะนั้นเธออยู่ในวิหารเจไดในขณะที่ อนาคินหรือ เวเดอร์ พร้อมด้วยกองพัน 501 กำลังทำการกวาดล้างเจไดอยู่ และเวเดอร์ก็มาพบเธอและเพื่อน ๆ เข้า และสังหารยังลิ่งทุกคนยกเว้นเรวา ต่อมาเวเดอร์ก็นำตัวเธอไปทรมาน และเปลี่ยนให้กลายเป็น อินควิซิเตอร์ ลำดับที่ 3 เธอใช้กระบี่แสง 2 ปลายแบบหมุนใบมีดได้ (Double Bladed Spinning Lightsaber) เช่นเดียวกับอินควิซิเตอร์คนอื่น ๆ แต่กระบี่แสงของเธอจะมีเอกลักษณ์เฉพาะคือ ด้ามสามารถถอดแยกออกเป็น 2 เล่มได้
ลัชนอส ดอไฟน์ (Lushros Dofine) เป็นกัปตันของยานพิฆาต/บรรทุกเครื่องบิน โพรวิเดนซ์-คลาสอินวิซิเบิลแฮนด์ในช่วงสงครามโคลน เขาเกิดในครอบครัวดอไฟน์แห่งเนโมอีเดีย เขาแสดงให้เห็นพฤติกรรมอันสงบเยือกเย็นต่างจากชาวเนโมอีเดียนคนอื่นๆ และดังนั้นเขาจึงได้ตำแหน่งทางสังคมมาอย่างง่ายดาย เขาถูกฝึกให้เป็นกัปตันยานโดยสมาพันธ์การค้า และในเวลานั้นเอง เขาได้บัญชาการยานประจัญบาน ลูเคอร์ฮัล์ค-คลาส ในปีที่ 22 ก่อนยุทธการยาวิน เขาได้ปรากฏตัวในยุทธการจีโอโนซิส และเขาได้ช่วยนายพลกรีวัสในการล่าถอยจากการโจมตีของสาธารณรัฐกาแลกติก
การกระทำของดอไฟน์ที่จีโอโนซิสได้สร้างความเคารพจากกรีวัส ผู้ซึ่งให้เขาเป็นผู้บัญชาการอินวิซิเบิลแฮนด์ ดอไฟน์ได้เข้าร่วมการรบมากมายในสงครามโคลน และความใจเย็นของเขาที่เขาสร้างมาตลอดทั้งชีวิตก็ช่วยเขาได้มาก เนโมเดียนได้ทำการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ดาวหลักของสาธารณรัฐ คอรัสซัง หลังจากที่กรีวัสได้ลักพาตัวสมุหนายกพัลพาทีน ดอไฟน์เริ่มทำการล่าถอย แต่ก็ถูกก่อกวนโดยอัศวินเจไดทั้งสองซึ่งขึ้นมาบนยาน และยานพิฆาตดาราลัชรอส ดอไฟน์ ได้หลบหนีกลับเข้าไปในสภาแบ่งแยกดินแดนและวางแผนในที่ปลอดภัย
ลูมิยาหรือชื่อเดิมคือชิรา เอลาน คอลลา บริเอ (Shira Elan Colla Brie) : เป็นมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งด้านมืด (Dark Side adept) ที่ได้รับการฝึกโดยดาร์ธ เวเดอร์ (Darth Vader) และต่อมาได้เป็นเลดี้มืดแห่งซิธ (Dark Lady of the Sith) มีชื่อเสียงในด้านการใช้แส้แสง (lightwhip) เป็นอาวุธ
บริเอเป็นสมาชิกของหน่วยสืบราชการลับแห่งจักรวรรดิ (Imperial Intelligence) ได้รับคำสั่งจากเวเดอร์ให้แทรกซึมเข้าไปในพันธมิตรกบฏและคอยเป็นบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของลุค สกายวอล์คเกอร์ (Luke Skywalker) ผู้เป็นบุตรของเวเดอร์ แต่อย่างไรก็ตามเธอและลุคมีความสัมพันธ์แบบคนรักแต่ก็ต้องจบลงเมื่อลุครู้ว่า เธอคือสายลับแห่งจักรวรรดิ หลังจากบริเอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการยิงของสกายวอล์คเกอร์ เวเดอร์ได้ช่วยชีวิตเธอไว้ และต่อเติมร่างกายด้วยอวัยวะเทียมหลายส่วน
บัดนี้บริเอเรียกตนเองว่าลูมิยา เธอได้รับการฝึกสอนในความรู้บางส่วนของซิธ (Sith) โดยเวเดอร์ และได้รับการเสนอต่อพัลพาทีน (Palpatine) ให้ขึ้นเป็นหัตถ์จักรพรรดิ (Emperor's Hand) หลังจากการเสียชีวิตของพัลพาทีนและเวเดอร์ในยุทธการเอนดอร์ (Battle of Endor) ลูมิยาได้ถือตนเองขึ้นเป็นเลดี้มืดแห่งซิธ หลังจากนั้นได้ฝึกจาเซน โซโล (Jacen Solo) ให้เป็นซิธ และจุดชนวนสงครามสหพันธ์-พันธมิตรกาแลกติก (Confederation-Galactic Alliance War) ก่อนที่จะพ่ายแพ้ให้แก่กระบี่แสง (Lightsaber) ของลุค สกายวอล์คเกอร์ อดีตคนรักในปีที่ 40 หลังยุทธการยาวิน เป็นการเปิดโอกาสให้จาเซนถือตนเองขึ้นเป็นลอร์ดมืดแห่งซิธและใช้ชื่อใหม่ว่าดาร์ธ เคดัส
ผู้นำสูงสุดสโนค (อังกฤษ: Supreme Leader Snoke) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุดสตาร์ วอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์อุบัติการณ์แห่งพลัง สโนคเป็นชายผู้มีสัมผัสแห่งพลัง ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของปฐมภาคีในช่วงเวลาประมาณ 30 ปี หลังยุทธการเอนดอร์ เขาเป็นผู้มีอำนาจ เก่งกาจในด้านมืดของพลัง เคยได้ฝึกไคโล เร็น และศิษย์อีกอย่างน้อยหนึ่งคน ต่อมาสโนคก็ได้ถูกไคโล เร็นสังหารโดยใช้พลังเปิดกระบี่แสงที่อยู่ข้างตัวตัดลำตัวจนขาดในภาคปัจฉิมบทเจได
ในภาพยนตร์อุบัติการณ์แห่งพลัง สโนคเป็นตัวละครที่ถูกสร้างจากคอมพิวเตอร์กราฟิกด้วยเทคนิกการจับการเคลื่อนไหว (โมชั่นแคปเจอร์) จากการแสดงของแอนดี้ เซอร์กิส
ลักษณะของตัวละครสโนคถูกเปลี่ยนแปลงมาหลายต่อหลายครั้งระหว่างการพัฒนาภาพยนตร์ จนได้รูปลักษณ์สุดท้ายเมื่อตุลาคม พ.ศ. 2558 หรือเพียง 2 เดือน ก่อนภาพยนตร์จะออกฉาย เจเจ อับรามส์และนีล สแกนแลนไม่อยากให้ตัวละครนี้ดูชราและเสื่อมสังขารเหมือนดาร์ธ ซิเดียส นอกจากนี้ยังเคยพิจารณาให้ตัวละครนี้เป็นผู้หญิงด้วย
ในภาพยนตร์ กำเนิดใหม่สกายวอลเกอร์ ต้นกำเนิดของสโนคได้รับการเปิดเผยว่า สโนคคือร่างโคลนของดาร์ธ ซีเดียส ซึ่งผู้ที่สร้างขึ้นมาคือดาร์ธ ซีเดียสที่ฟื้นคืนชีพโดยการใช้ร่างโคลนจากความช่วยเหลือของเหล่าบรรดาผู้ภัดดีต่อซีเดียส ซิธอันเป็นนิรันดร์(Sith Eternal) ด้วยการตัดต่อพันธุกรรมที่ผิดพลาดทำให้เขามีรูปร่างที่อัปลักษณ์ แต่กลับมีพลังที่เทียบเท่ากับดาร์ธ ซีเดียส หลังจากนั้นดาร์ธ ซีเดียสได้ใช้สโนคเข้าหาเบนโซโลและชักชวนเข้าสู่ด้านมืด จากนั้นก็ก่อตั้งกลุ่มปฐมภาคีเพื่อที่ได้ควบคุมกาแลคซี่อีกครั้งหนึ่ง
เอกซาร์ คุนเป็นผู้ฝึกเจไดที่มีพรสวรรค์มากคนหนึ่งของอาจารย์เจไดโวโดซิออสก์ บาส หลังจากพลัดเข้าสู่ด้านมืดของพลังก็กลายเป็นซิธลอร์ดที่ทรงพลังและเป็นอันตรายที่สุดคนหนึ่งของกาแลกซี ได้ชักนำเอาอูลิก เคลโดรมามาเป็นศิษย์ของตน หลังจากนั้นได้เริ่มสงครามซิธครั้งใหญ่ขึ้นจนทำให้สาธารณรัฐกาแลกติกแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยสงครามย่อยหลายต่อหลายครั้ง จนสุดท้ายเขาได้ปิดผนึกวิญญาณของตัวเองไว้ในวิหารมาสซาสซีบนดวงจันทร์ยาวิน 4
หลายพันปีต่อมา วิญญาณของคุนได้ย้อนกลับไปยัง wreak havoc ในเจไดพราเซียมของลุค สกายวอล์คเกอร์ และได้ยึดร่างของนักเรียนสองคนคือแกนโทริสและคิป ดูร์รอน นำทั้งสองเข้าสู่ด้านมืดของพลังและสังหารแกนโทริสลงในที่สุด นอกจากนั้นยังประสบความสำเร็จในการดึงเอาวิญญาณของลุคออกจากร่าง แต่สุดท้ายก็ถูกปราบลงด้วยการร่วมมือกันของเหล่านักเรียนของลุค
โอเวน ลาร์สเป็นบุตรชายของชาวไร่ความชื้นคลี้ก ลาร์ส และน้องชายต่างบิดาของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ สมรสกับเบรู ไวท์ซัน หลังจากที่บิดาเสียชีวิต โอเวนได้สืบทอดงานชาวไร่ความชื้นต่อมา ในปีที่ 19 ก่อนยุทธการยาวิน เบรูโน้มน้าวให้โอเวนรับบุตรชายของอนาคิน ลุค สกายวอล์คเกอร์มารับเลี้ยงในฐานะหลานลุง หลังจากที่อนาคินหันเข้าสู่ด้านมืด กลายเป็นดาร์ธ เวเดอร์
สองสามีภรรยา โอเวนและเบรู เลี้ยงหลานชายคนเดียวอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เนื่องจากโอเวนหวาดกลัวในศักยภาพของลุค และระแวงภัยจากกาแลกซีภายนอกเขาจึงพยายามที่จะกีดกันไม่ให้ลุคได้เปิดหูเปิดตา และปิดเรื่องครอบครัวของเขาไว้เป็นความลับจากเจ้าตัว โอเวนยังกลัวอีกว่าเบน เคโนบีจะดึงลุคเข้าสู่วิถีแห่งเจไดเหมือนกับผู้เป็นพ่อ เขาจึงไม่ค่อยอยากให้เบนมายุ่งย่ามกับลุคเท่าไรนัก แต่เมื่อมีภัย พวกเขาก็ได้รับการช่วยเหลือเบนจากอยู่บ่อยครั้ง
ในช่วงสงครามกลางเมืองกาแลกติค โอเวนได้ซื้อหุ่นยนต์ อาร์ทูดีทู และซีทรีพีโอ จากกลุ่มพวกจาว่าและมอบให้ลุค ต่อมา
ลุคก็ได้รับข้อความจากโฮโลแกรม และออกตามหา เบน พร้อมกับหุ่นยนต์ 2 ตัว ในขณะนั้นพวกสตอร์มทรูปเปอร์ได้ตามรอยอาร์ทูดีทู และซีทรีพีโอมาถึงบ้านของโอเวน โอเวนถูกกองทหารสตอร์มทรูปเปอร์ฆ่าตายพร้อมภรรยาของเขาในช่วงปีที่ 0 แห่งยุทธการยาวิน เป็นเหตุทำให้ลุคตัดสินใจออกเดินทางไปช่วยเจ้าหญิงเลอาพร้อมกับเบน
นายพลอาร์มิทาจ ฮักซ์ (อังกฤษ: Armitage Hux) รับบทโดย โดนัลล์ กลีสัน (อุบัติการณ์แห่งพลัง) เป็นมนุษย์เพศชาย ดำรงตำแหน่งนายพลแห่งปฐมภาคีในช่วงเวลาประมาณ 30 ปีหลังยุทธการเอนดอร์ เขาเป็นเจ้าหน้าที่หนุ่มผู้โหดเหี้ยม เชื่อมั่นในแสนยานุภาพของกองทัพ กระบวนการฝึกสอน และอาวุธยุทโธปกรณ์ เขาเป็นสมาชิกลำดับสูงสุดคนหนึ่งของปฐมภาคี ภายใต้การนำของผู้นำสูงสุดสโน้ก นอกจากนี้ยังเป็นผู้บังคับบัญชาของอาวุธมหาประลัยฐานทัพสตาร์คิลเลอร์อีกด้วย
รองผู้การยาน เอมิลิน โฮลโด (อังกฤษ: Amilyn Holdo) รับบทโดย Laura Dern (ปัจฉิมบทแห่งเจได) เป็นมนุษย์เพศหญิง ผู้เคยร่วมปฏิบัติหน้าที่กับเลอา ออร์กานา มานาน และเป็นรองผู้การยานของกองยานฝ่ายต่อต้านปฐมภาคี เธอได้ขึ้นบังคับบัญชากองยานฝ่ายต่อต้านเมื่อครั้งเลอาบาดเจ็บหนัก และได้ออกคำสั่งให้ทุกคนอพยพไปยังดาวเคราะห์เครต หลังจากนั้นจึงได้เสียสละตัวเอง บังคับยานรบ Raddus แห่งฝ่ายต่อต้าน โจนเข้าไฮเปอร์สเปซเพื่อทำลายยานเมกาสตาร์เดรดนอท Supremacy ของปฐมภาคี ทำให้ยานดังกล่าวเสียหายหนัก และฝ่ายต่อต้านจำนวนมากสามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.