คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

เดอะวอยซ์ไทยแลนด์

รายการประกวดร้องเพลงทางโทรทัศน์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

เดอะวอยซ์ไทยแลนด์ เสียงจริง ตัวจริง (อังกฤษ: The Voice Thailand) เป็นรายการประกวดร้องเพลง โดย บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ซื้อลิขสิทธิ์รายการ เดอะวอยซ์ จากทัลปามีเดียกรุป ประเทศเนเธอร์แลนด์ (ปัจจุบันอยู่ในเครือไอทีวีสตูดิโอส์) มาผลิตในรูปแบบของประเทศไทย ผ่านบริษัท เอ็กซ์ซิท สาม หก ห้า จำกัด ออกอากาศทางช่องวัน 31 (ซีซั่น 9 ได้มีการออกอากาศให้รับชมย้อนหลังบนแพลตฟอร์มเน็ตฟลิกซ์ด้วย) ก่อนหน้านี้รายการถูกซื้อลิขสิทธิ์โดย ทรู มิวสิค และ พีพีทีวี และผลิตรายการโดย โต๊ะกลมโทรทัศน์ และ เอพีแอนด์เจ โปรดักชัน ออกอากาศทางช่อง 3 และพีพีทีวี ตามลำดับ เริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555 มาจนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลเบื้องต้น เดอะวอยซ์ไทยแลนด์, ประเภท ...
Remove ads
Remove ads

กติกา

สรุป
มุมมอง

เดิมทีการแข่งขันประกอบด้วย 3 รอบ คือ The Blind Audition, Battle และ Live Show

● รอบ Blind Audition

 ผู้เข้าประกวดจะถูกคัดเลือกจากเสียงร้องเพียงอย่างเดียว โดยเหล่าโค้ชจะนั่งหันหลังให้กับผู้เข้าแข่งขันและเมื่อได้ยินเสียงร้องที่ถูกใจ โค้ชจะกดปุ่มเพื่อหมุนเก้าอี้หันหน้ากลับมาหาผู้เข้าแข่งขันเพื่อรับเข้าสู่ทีม

1. กรณีโค้ชกดปุ่มหันเก้าอี้มาเพียงคนเดียว ผู้เข้าแข่งขันจะเข้าสู่ทีมของโค้ชคนนั้นทันที

2. กรณีมีโค้ชกดปุ่มหันเก้าอี้มามากกว่า 1 คน สิทธิในการเลือกร่วมทีมจะเป็นของผู้เข้าแข่งขัน

3. กรณีผู้เข้าแข่งขันร้องเพลงจบ โดยที่ไม่มีโค้ชคนใดหันมา ถือว่าตกรอบ Blind Audition โดยโค้ชทั้งสี่คนจะหันกลับมาหา ทักทายและพูดคุยกัน ก่อนที่ผู้เข้าแข่งขันจะลงจากเวที (ในฤดูกาลที่ 6-8 เมื่อไม่มีโค้ชหันมา ผู้เข้าแข่งขันจะลงจากเวทีทันทีโดยไม่มีการหันกลับมาพูดคุยของโค้ช)

  • กติกา Block
 ในฤดูกาลที่ 7 ของรายการ ได้มีการเพิ่มกติกาพิเศษคือปุ่ม "บล็อก (Block)" ซึ่งจะให้โค้ชทุกคนมีสิทธิ์กีดกันโค้ชคนอื่นในการนำผู้เข้าแข่งขันเข้าทีมตัวเอง ทำให้รายการมีสีสันมากขึ้น

- ในกรณีที่มีโค้ชกดปุ่มหันเก้าอี้มาแต่ถูกโค้ชคนที่หันก่อนหน้าใช้สิทธิ์บล็อกไว้ ผู้เข้าแข่งขันจะไม่มีสิทธิ์เลือกไปอยู่ทีมโค้ชคนนั้น และกรณีที่หันมาแค่สองคนแต่คนที่สองถูกบล็อก ผู้เข้าแข่งขันจะเข้าสู่ทีมของโค้ชที่ใช้สิทธิ์บล็อกโดยอัตโนมัติ โค้ชแต่ละท่านจะใช้สิทธิ์บล็อกได้ 3 ครั้ง (2 ครั้ง ในฤดูกาลที่ 7) ตลอดการคัดเลือกรอบ Blind Audition

- ตั้งแต่ฤดูกาลที่ 9 ปุ่มบล็อกถูกปรับเปลี่ยนเป็นปุ่ม "ซูเปอร์บล็อก" โดยโค้ชสามารถใช้สิทธิ์บล็อกได้หลังจบการร้องเพลงเท่านั้น และบล็อกเฉพาะโค้ชที่หันมาแล้วได้เพียง 1 ครั้ง โดยเก้าอี้ของโค้ชที่ถูกบล็อกจะหมุนกลับหลังหันและถูกตัดเสียงพูดออก (ในรายการระบุไว้ว่าจะตัดเสียงไมค์ แต่ในความเป็นจริงโค้ชที่ถูกบล็อกก็ยังเดินออกจากเก้าอี้และพูดปั่นป่วนการเลือกโค้ชของผู้เข้าแข่งขันได้)

เมื่อเหล่าโค้ชได้รวบรวมสมาชิกในทีมแล้ว โค้ชจะคอยเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการขับร้องแก่ผู้เข้าแข่งขันเพื่อเข้าสู่รอบ Battle

● รอบ Battle

 ซึ่งในรอบนี้โค้ชจะทำการจับลูกทีม 2 คนมาประชันกันโดยให้ร้องเพลงเดียวกัน และโค้ชจะเป็นผู้ตัดสินเข้ารอบโดยเลือกแค่ 1 คน

- กติกา Steal

 ในฤดูกาลที่ 2 มีการเพิ่มกติกา Steal หรือการขโมยลูกทีมที่ตกรอบ Battle ของทีมอื่นได้ โดย Steal ได้ 2 ครั้ง ในฤดูกาลที่ 2-5 และ 1 ครั้ง ในฤดูกาลที่ 9 (ในฤดูกาลที่ 6-8 ใช้กติกา Steal ในรอบ Knock out แต่ในฤดูกาลที่ 8 Steal ได้แค่ 1 ครั้ง) และในฤดูกาลออลสตาร์ไม่มีกติกา Steal

● รอบ Live Show

 โดยในรอบ Live Show ผู้เข้าแข่งขันของแต่ละทีมจะประชันกับผู้เข้าแข่งขันจากทีมอื่นๆ ในการแสดงถ่ายทอดสด โดยผู้ชมทางบ้านจะลงคะแนนโหวตเพื่อเลือกผู้เข้าแข่งขันที่ชื่นชอบให้ผ่านเข้ารอบ และโค้ชเองจะเลือกผู้ที่ผ่านเข้ารอบต่อไปเช่นกัน จนรอบสุดท้ายโค้ชแต่ละคนจะเหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียว และผลตัดสินสุดท้ายจากการโหวตหลังการแสดงถ่ายทอดสดจะเป็นกำหนดว่าใครคือผู้ชนะ

- ในฤดูกาลที่ 7-8 จะมีการ Live Show ในลักษณะที่เรียกว่า รอบตัดเชือก ซึ่งเป็นการจับคู่ลูกทีม 2 คนจากคนละทีม ร้องกันคนละเพลง ผู้ที่มีคะแนนโหวตจากผู้ชมทางบ้านมากกว่าเป็นผู้ชนะ

● รอบ Knock out

 ในฤดูกาลที่ 2 ได้เพิ่มรอบ Knockout ซึ่งสืบเนื่องมาจากรอบ Battle ได้มีกติกา Steal เพิ่มให้โค้ชสามารถช่วยลูกทีมจากทีมอื่นที่ต้องตกรอบ ให้สามารถเข้ารอบได้แล้วย้ายมาอยู่ทีมของตนเอง จึงทำให้เกิด Knockout ขึ้น ซึ่งจะทำการจับคู่ 2 คนบนเวทีเดียวกันโดยร้องคนละเพลงกันแล้วตัดเชือกคัดออกกัน ณ จุดนั้นเลย ต่างจาก Battle ที่จะสลับกันร้องในเพลงเดียวกัน และในรอบนี้ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเป็นคนเลือกเพลงเองซึ่งก็ต่างกับรอบ Battle อีกเช่นกันที่โค้ชจะเลือกเพลงให้[1]

- ในฤดูกาลที่ 3-5 รอบ Knockout เปลี่ยนกติกาจากจับคู่มาสองคนเป็นจับกลุ่ม 4 คนบนเวทีเดียวกันร้องคนละเพลงแล้วโค้ชจะเลือกคนที่เข้ารอบเพียง 2 คนจากกลุ่มเข้ารอบต่อไป

- ในฤดูกาลที่ 6 และ 7 รอบ Knock out สลับมาแข่งก่อนหน้ารอบ Battle โดยเป็นการจับคู่ 2 คน

- ในฤดูกาลที่ 8 รอบ Knock out จะเพิ่มจาก 2 คน เป็น 4 คน เลือกผู้ชนะเพียงคนเดียว แตกต่างกับในฤดูกาล 3-5 ที่เลือกผู้เข้ารอบ 2 คน

- ในฤดูกาลที่ 9 สลับรอบ Knock out กละบไปแข่งหลังรอบ Battle โดยใช้กติกาคล้ายกับ Knock out twisted คือ ผู้เข้าแข่งขัน 7 คนจะขึ้นร้องเพลงตามลำดับและโค้ชจะต้องตัดสินทันทีหลังร้องจบ ว่าจะให้ผ่านเข้ารอบไปเลย ไม่ผ่านทันที หรือนั่งรอการตัดสินที่ Red Zone โดยที่นั่งใน Red Zone มีทั้งหมด 3 ที่นั่ง และสามารถเปลี่ยนคนนั่งได้ตลอดเวลา โดยมีผู้ผ่านเข้ารอบ Semi Final เพียง 4 คนเท่านั่น

● รอบ Semi Final

 รอบ Semi Final ถูกนำเข้ามาแทนที่รอบ Knock out ในฤดูกาลออลสตาร์ จะผ่านเข้ารแบเพียง 2 คน จาก 5 คน โดยผู้เข้าแข่งขันทั้ง 5 คนจะขึ้นร้องเพลงตามลำดับ หลังร้องจบโค้ชทั้งสี่ท่านจะร่วมกันให้คะแนนทันที (เป็นครั้งแรกของเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ที่โค้ชมีสิทธิ์ร่วมตัดสินลูกทีมของโค้ชคนอื่น) เมื่อร้องจบทั้ง 5 คน ผู้เข้ารอบ Live Show 1 คน มาจากการ Save โค้ชเจ้าของทีมมีสิทธิ์ และอีก 1 คน คือ คนที่ได้รับคะแนนรวมสูงสุดจากโค้ชทั้งสี่ท่าน

- ต่อมาได้มีการเพิ่มรอบ Semi Final ในฤดูกาลที่ 9 มีผู้เข้ารอบ 2 คน จาก 4 คน ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 4 คนจะร้องเพลงคนละเพลง หลังจบทั้งสี่คน ผู้ชมในห้องส่งและโค้ชเจ้าของทีมจะร่วมกันลงคะแนนให้ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 4 คน ผู้เข้ารอบ Live Show 1 คนมาจากการ Save ของโค้ชเจ้าของทีม และอีก 1 คน คือผู้ที่มีคะแนนรวมผลโหวตของผู้ชมในห้องส่ง 50% และโค้ชเจ้าของทีม 50% สูงสุด

Remove ads

พิธีกรและโค้ช

สรุป
มุมมอง

ใน3 ฤดูกาลแรกมีการเปิดตัวโค้ช 4 คนได้แก่ โค้ชก้อง - สหรัถ สังคปรีชา, โค้ชคิ้ม - เจนนิเฟอร์ คิ้ม, โค้ชโจอี้ บอย - อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต และ โค้ชสแตมป์ - อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข

ต่อมาในฤดูกาลที่ 4 ได้มีการเปลี่ยนตัวโค้ชเป็นครั้งแรกจากโค้ชสแตมป์ เป็น โค้ชสิงโต - สิงโต นำโชค

ในฤดูกาลที่ 5 โค้ชดา เอ็นโดรฟิน - ธนิดา ธรรมวิมล ได้เข้ามาทำหน้าที่แทนโค้ชคิ้ม

ในฤดูกาลที่ 7 โค้ชคิ้มได้กลับมาทำหน้าที่โค้ชอีกครั้งแทนโค้ชดา อีกทั้งยังมี โค้ชป๊อป - ปองกูล สืบซึ้ง มาทำหน้าที่แทนโค้ชสิงโต

ต่อมาในฤดูกาลที่ 9 โค้ชจ๋าย ไททศมิตร - อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ได้เข้ามาทำหน้าที่แทนโค้ชโจอี้ บอย และ โค้ชโอ๊ต - ปราโมทย์ ปาทาน ได้เข้ามาทำหน้าที่แทนโค้ชป๊อบ และได้เปิดตัวโค้ชคนที่ 5 ครั้งแรกของรายการกับโค้ชโบกี้ไลอ้อน - ณิชชาฎา วีระสุทธิมาศ[2]

ในฤดูกาลแรกมีพิธีกรเพียงคนเดียวคือ กบ - ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่มาอย่างต่อเนื่องจนถึงฤดูกาลปัจจุบัน ในฤดูกาลที่ 2-6 ได้มีการเพิ่มบทบาทพิธีกรหญิงขึ้นมาคือ จอย - รินลณี ศรีเพ็ญ ตั้งแต่ในฤดูกาลที่ 7 เป็นต้นมา บทบาทของพิธีกรหญิงก็ได้ถูกยุติลง

Remove ads

ฤดูกาล

ข้อมูลเพิ่มเติม ฤดูกาล, เริ่มออกอากาศ ...
ข้อมูลเพิ่มเติม ฤดูกาล, ก้อง สหรัถ ...
Remove ads

ภาพรวมของรายการ

สรุป
มุมมอง

สัญลักษณ์สี

ข้อมูลเพิ่มเติม ฤดูกาล, ผู้ชนะ ...
Remove ads

The Voice Hall of Fame

ข้อมูลเพิ่มเติม ปี พ.ศ., ศิลปิน ...

เกียรติประวัติ

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

Loading content...
Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads