Remove ads
พรรณไม้เทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิรินธรวัลลี หรือ สามสิบสองประดง[1] (ชื่อวิทยาศาสตร์: Phanera sirindhorniae) พืชตระกูลเสี้ยว (Bauhinia ) เป็นหนึ่งในสมาชิกพืชวงศ์ถั่ว (Leguminosae-Caesalpinioideae ) สิรินธรวัลลีเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็งในสกุลชงโค วงศ์ถั่ว มีการกระจายพันธุ์ในเขตร้อนทั่วโลกกว่า 300 ชนิด กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดง เมื่อแก่ เปลือกเถาเรียบ บิดตามยาวเล็กน้อย เนื้อไม้เมื่อตัดตามขวาง สีน้ำตาลเข้มออกแดง มีลวดลายสีน้ำตาลอ่อนเป็นกลุ่มเหมือนกลีบดอกไม้[2] ดอกออกเป็นช่อสีน้ำตาล ออกดอกตลอดปี แต่ดอกจะบานมากในช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เป็นไม้ถิ่นเดียวในประเทศไทย พบครั้งแรกโดย ดร.ชวลิต นิยมธรรม เมื่อ 20 กันยายน พ.ศ. 2538 ที่ภูทอกน้อย จากบริเวณป่าภูทอกน้อย อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดหนองคาย (ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดบึงกาฬ) ดอกสิรินธรวัลลี ดอกไม้ประจำจังหวัดบึงกาฬ[3] ชื่อของพืชชนิดนี้ตั้งตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และตีพิมพ์โดย ศาสตราจารย์ ไค ลาร์เซน (Kai Larsen) และอาจารย์สุพีร์ ศักดิ์สุวรรณ ลาร์เซน (Supee Larsen)[4] โดยทั้งสองท่านร่วมกับกรมป่าไม้ ขอพระราชทานพระราชานุญาต ใช้พระนามาภิไธยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเทิดพระนามพระองค์ท่านที่ทรงสนพระทัย และให้การสนับสนุนงานทางพฤกษศาสตร์ตลอดมา โดยใช้ชื่อ Bauhinia sirindhorniae K.& S.S. Larsen หรือ สิรินธรวัลลี อันหมายถึง วัลยชาติแห่งองค์สมเด็จพระเทพฯ ในปี พ.ศ. 2540[5][6]
สิรินธรวัลลี | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Rosids |
อันดับ: | Fabales |
วงศ์: | Fabaceae |
สกุล: | Bauhinia |
สกุลย่อย: | Phanera |
สปีชีส์: | P. sirindhorniae |
ชื่อทวินาม | |
Phanera sirindhorniae | |
สิรินธรวัลลีเป็นไม้เถาเนื้อแข็งขนาดใหญ่ในวงศ์ถั่ว[7] เป็นไม้ถิ่นเดียวในประเทศไทย[8] พบขึ้นกระจายตามป่าดิบแล้ง[9]ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ลำต้น: กิ่งอ่อนมีขนสีน้ำตาลอมแดง กิ่งแก่ไม่มีขน กิ่งเกลี้ยงเรียบมีใบพัน
ใบ: ใบเป็นลักษณะใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่จนเกือบกลม โดยใบอ่อนจะมีสีเขียวอ่อน และใบแก่มีสีเขียวแก่ ปลายใบฉีก ฐานใบรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ ปลายใบพูมน มีขนบริเวณเส้นกลางใบ แผ่นของใบหนาคล้ายแผ่นหนัง ผิวใบด้านบนเข้มเป็นมัน เส้นใบข้างละ 9–11 เส้น จากโคนใบ ก้านใบยาว 2–7 เซนติเมตร
ดอก: ออกดอกช่วงเดือนพฤษภาคม – กันยายน ดอกมีสีน้ำตาลแดงหรือสีส้มเข้ม ดอกออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกจำนวนมาก ดอกออกเป็นช่อ ดอกย่อยสีน้ำตาลหรือสีส้มแดง กลีบดอก 5 กลีบ ไม่สมมาตรและหลุดร่วงง่าย เกสรผู้ 3 อัน ดอกตูมรี ช่อดอกยาวได้ถึงประมาณ 15 เซนติเมตร ดอกบานเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 – 3 เซนติเมตร[10]
ผล: เป็นฝักแบน กว้าง 3 – 5 เซนติเมตร ยาว 10 – 18 เซนติเมตร มีขนอ่อนปกคลุม ภายในมี 5 – 7 เมล็ด
การขยายพันธุ์: ตอนกิ่งและเพาะเมล็ด ชอบน้ำปานกลาง และชอบแสงแดดตลอดวัน ดินปลูกควรเป็นดินร่วนระบายน้ำดี
ตำรายาไทย:
เนื้อไม้: ใช้รักษาอาการประดงที่เกิดจากระบบโลหิตในร่างกายชนิดต่าง ๆ รวมเรียกว่า ประดงทั้งสามสิบสองประการ อาการโดยรวมคือเป็นเม็ด ผื่นคัน ปวดแสบปวดร้อน แก้น้ำเหลืองเสีย แก้ลมพิษ หรือภูมิแพ้ต่าง ๆ[11]
ผลอ่อน: ขับปัสสาวะ แก้โรคหนองใน กามโรค ขับพยาธิในเด็ก ทำให้แท้งได้[12]
ใบ: เป็นยาขับพยาธิ
ลำต้นและรากแห้ง: ทารักษาอาการฝีและหนอง[13]
ตำรายาโบราณ:
เนื้อไม้: เนื้อไม้ของสิรินธรวัลลีใช้รักษาโรคที่ในตำรายาโบราณเรียกว่า ประดงทั้งสามสิบสองประการ อาการโดยรวมคือเป็นเม็ด ผื่นคัน ปวดแสบปวดร้อน แก้น้ำเหลืองเสีย แก้ลมพิษ หรือภูมิแพ้ต่าง ๆ ในจังหวัดมุกดาหารใช้แก้โรคประดง บำรุงกำลัง[2]
สิรินธรวัลลีมีลำต้นเป็นเถาเลื้อยหนา และแตกใบดก จึงปลูกเพื่อทำซุ้มสำหรับเป็นร่มเงาบังแดด ส่วนดอกสิรินธรวัลลีออกดอกเป็นช่อใหญ่ ตัวดอกมีสีน้ำตาลแดงสวยงาม จึงใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับตามบ้านเรือนและสถานที่ต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม[14]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.