สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย

สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย (อังกฤษ: Franco-Prussian War) หรือ สงครามฝรั่งเศส-เยอรมัน ในฝรั่งเศสเรียกกันว่า สงครามปี 1870[10] (1870 War) เป็นความขัดแย้งระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศสที่สอง(และต่อมากลายเป็นสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3) และรัฐเยอรมันแห่งสมาพันธรัฐเยอรมันเหนือภายใต้การนำโดยราชอาณาจักรปรัสเซีย กินเวลาตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 ถึง 28 มกราคม ค.ศ. 1871 ความขัดแย้งครั้งนี้มีสาเหตุมาจากความทะเยอทะยานของปรัสเซียที่จะขยายอำนาจในการรวมชาติเยอรมันและความเกรงกลัวของฝรั่งเศสในการเปลี่ยนแปลงสมดุลแห่งอำนาจในยุโรปที่จะส่งผลลัพธ์ หากปรัสเซียทำสำเร็จ นักประวัติศาสตร์บางคนได้โต้แย้งว่า นายกรัฐมนตรีปรัสเซีย อ็อทโท ฟ็อน บิสมาร์ค ได้มีความจงใจในการยั่วยุฝรั่งเศสให้ประกาศสงครามกับปรัสเซีย เพื่อที่จะชักนำให้รัฐทางใต้ของเยอรมันที่เป็นอิสระ ได้แก่ บาเดิน เวือร์ทเทิมแบร์ค บาวาเรีย และเฮ็สเซิน - ดาร์มชตัดท์ เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสมาพันธรัฐเยอรมันเหนือซึ่งถูกปกครองโดยปรัสเซีย ในขณะที่คนอื่นยืนยันว่า บิสมาร์คไม่ได้วางแผนและใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ครั้งนี้ในขณะที่พวกเขาได้แฉออกไป อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครโต้แย้งความจริงที่ว่าบิสมาร์คต้องยอมรับศักยภาพของพันธมิตรเยอรมันใหม่ในการรับมือสถานการณ์โดยรวม[11]

ข้อมูลเบื้องต้น สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย, วันที่ ...
สงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย
ส่วนหนึ่งของ การรวมชาติเยอรมัน

(ตามเข็มนาฬิกาจากบนขวา)
  • ยุทธการมารส์-ลา-ตูร์, 16 สิงหาคม ค.ศ. 1870
  • กรมทหารราบเบาที่ 9 เลาเอินบวร์คที่กราฟลอต
  • กระสุนปืนนัดสุดท้าย
  • การป้องกันช็องปีญนี
  • การปิดล้อมกรุงปารีสใน ค.ศ. 1870
  • การประกาศสถาปนาจักรวรรดิเยอรมัน
วันที่19 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 – 28 มกราคม ค.ศ. 1871
(6 เดือน 1 สัปดาห์ 2 วัน)
สถานที่
ฝรั่งเศสและจังหวัดไรน์ ปรัสเซีย
ผล

ฝ่ายเยอรมนีชนะ

ดินแดน
เปลี่ยนแปลง
คู่สงคราม

ก่อนวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1871:
 สมาพันธรัฐเยอรมันเหนือ

 บาวาเรีย
เวือร์ทเทิมแบร์ค
 บาเดิน


หลังวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1871:
 จักรวรรดิเยอรมันc

ก่อนวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870:
 จักรวรรดิฝรั่งเศสa


หลังวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870:
 สาธารณรัฐฝรั่งเศสb

  • อาสาสมัครต่างชาติ
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
กำลัง

รวม:

  • 1,494,412 นาย[1]

กำลังเดิม:

  • 938,424 นาย
  • ทหารทั่วไปและสำรอง 730,274 นาย[2]
  • Landwehr 208,150 นาย[2]

กำลังของกองทัพภาคสนามช่วงสูงสุด:

รวม:

  • 2,000,740 นาย[2]

กำลังเดิม:

  • 909,951 นาย
  • ใช้งาน 492,585 นาย รวมตัวสำรอง 300,000 นาย[3][2]
  • Garde Mobile 417,366 นาย[3]

กำลังของกองทัพภาคสนามช่วงสูงสุด:

  • 710,000 นาย[2]
ความสูญเสีย

144,642 นาย[4]

  • เสียชีวิต 44,700 นาย[5]
  • บาดเจ็บ 89,732 นาย
  • หายตัวหรือถูกจับกุม 10,129 นาย

1,005,427 นาย[6]

  • เสียชีวิต 138,871 นาย[7][8]
  • บาดเจ็บ 143,000 นาย
  • ถูกจับกุม ยอมจำนน หรือกักขัง 723,556 นาย[9]
พลเมืองเสียชีวิตประมาณ 250,000 คน รวมชายเยอรมัน 162,000 ที่เสียชีวิตด้วยโรคฝีดาษจากเชลยศึกชาวฝรั่งเศส[4]
  • a จนถึงวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870
  • b ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1870
  • c ตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1871
ปิด

ฝรั่งเศสได้ระดมกองทัพ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 ทำให้สมาพันธรัฐเยอรมันเหนือได้ทำการตอบโต้ด้วยการระดมพลเช่นกันในวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1870 รัฐสภาฝรั่งเศสได้โหวตเพื่อประกาศสงครามกับปรัสเซียและคำประกาศสงครามได้ถูกไปยังปรัสเซียในสามวันต่อมา กองทัพฝรั่งเศสได้เข้ารุกดินแดนเยอรมัน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม เยอรมันได้ระดมพลของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าฝรั่งเศสและได้เข้ารุกทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม กองทัพเยอรมันมีจำนวนที่เหนือกว่า มีการฝึกอบรมและความเป็นผู้นำที่ดี และมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือทางรถไฟ และปืนใหญ่

หนึ่งในชัยชนะอย่างรวดเร็วของปรัสเซียและเยอรมันในทางตะวันออกของฝรั่งเศส จุดสูงสุดในการล้อมที่แม็สและยุทธการที่เชอด็อง ทำให้จักรพรรดิ นโปเลียนที่ 3ทรงถูกจับกุมและกองทัพจักรวรรดิที่สองได้ปราชัยอย่างย่อยยับ รัฐบาลปกป้องชาติได้ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่สามขึ้นในปารีส เมื่อวันที่ 4 กันยายน และทำสงครามต่อไปในอีกห้าเดือน กองทัพเยอรมันได้ต่อสู้รบและพ่ายแพ้ให้กับกองทัพฝรั่งเศสใหม่ในภาคเหนือของฝรั่งเศส ปารีสซึ่งเป็นเมืองหลวงได้ถูกปิดล้อมและถูกยึดครอง เมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1871 ภายหลังการก่อการกำเริบของฝ่ายคณะปฏิวัติที่เรียกตนเองว่า คอมมูนปารีส ได้เข้ายึดอำนาจในเมืองและถือครองไว้เป็นเวลาสองเดือน จนกระทั่งกองทัพฝรั่งเศสได้เข้าปราบปรามอย่างเลือดเย็น เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1871

รัฐเยอรมันทั้งหมดได้ประกาศว่าจะรวมตัวกันเป็นจักรวรรดิเยอรมันภายใต้การนำโดยกษัตริย์แห่งปรัสเซีย วิลเฮล์มที่ 1 ในที่สุดเยอรมนีก็รวมชาติเป็นหนึ่งเดียวในฐานะที่เป็นชาติ-รัฐ(ออสเตรียได้ถูกแยกออกไป) สนธิสัญญาแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ.1871 ทำให้ส่วนใหญ่ของแคว้นอาลซัสและบางส่วนของแคว้นลอแรนตกเป็นของเยอรมนี ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นดินแดนจักรวรรดิแห่งอาลซัสและลอแรน(Reichsland Elsaß-Lothringen). การที่เยอรมันพิชิตฝรั่งเศสและรวมชาติเยอรมนีทำให้เกิดการเสียสมดุลแห่งอำนาจในยุโรปที่มีมาตั้งแต่การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา ในปี ค.ศ. 1815 และบิสมาร์คยังรักษาอำนาจอย่างมากในกิจการระหว่างประเทศเป็นเวลาสองทศวรรษ

ด้วยความมุ่งมั่นของฝรั่งเศสที่จะชิงอาลซัสและลอแรนกลับคืนมา และความหวาดกลัวของสงครามฝรั่งเศสและเยอรมันอีกครั้งพร้อมกับความหวั่นเกรงของบริติชเกี่ยวกับสมดุลแห่งอำนาจ กลายเป็นปัจจัยในสาเหตุของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.