Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วัยซนคนการ์ตูน (ญี่ปุ่น: バクマン。; โรมาจิ: ในชื่ออังกฤษ Bakuman) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น แต่งเรื่องโดย สึงูมิ โอบะ และวาดภาพโดย ทาเกชิ โอบาตะ เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ชูเอชะ ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2551 [2] เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ มาชิโระ โมริทากะ และ ทาคากิ อาคิโตะ สองคู่หูนักเรียนมัธยมที่จับมือร่วมกันเขียนการ์ตูนเพื่อทำความฝันในการก้าวสู่การเป็นนักเขียนการ์ตูนอาชีพ
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
วัยซนคนการ์ตูน | |
ทาคากิ อาคิโตะ (ซ้าย) และ มาชิโระ โมริทากะ (ขวา) 2 ตัวละครหลักในวัยซนคนการ์ตูน | |
バクマン。 | |
---|---|
ชื่อภาษาอังกฤษ | Bakuman |
แนว | ตลก,โรแมนติก, ชีวิต |
มังงะ | |
วัยซนคนการ์ตูน | |
เขียนโดย | สึงูมิ โอบะ |
สำนักพิมพ์ | ชูเอชะ Viz Media เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ |
อนิเมะ | |
วัยซนคนการ์ตูน | |
กำกับโดย | เค็งอิจิ คาไซ, โนริอากิ อากิตายะ |
เขียนบทโดย | เรโกะ โยชิดะ |
สตูดิโอ | J.C.Staff |
อนิเมะ | |
วัยซนคนการ์ตูน 2 [1] | |
กำกับโดย | เค็งอิจิ คาไซ, โนริอากิ อากิตายะ |
เขียนบทโดย | เรโกะ โยชิดะ |
สตูดิโอ | J.C.Staff |
เกม | |
Bakuman: Mangaka e no Dou | |
ผู้พัฒนา | Namco Bandai Games |
ผู้จัดจำหน่าย | Namco Bandai Games |
แนว | วิชวลโนเวล, ปริศนา |
แพลตฟอร์ม | นินเท็นโด ดีเอส |
วางจำหน่ายเมื่อ | 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554 |
อนิเมะ | |
วัยซนคนการ์ตูน 3 | |
กำกับโดย | เค็งอิจิ คาไซ, โนริอากิ อากิตายะ |
เขียนบทโดย | เรโกะ โยชิดะ |
สตูดิโอ | J.C.Staff |
นวนิยาย | |
PCP -Perfect Crime Party- | |
เขียนโดย | เซอิ ฮัตสึโนะ |
สำนักพิมพ์ | ชูเอชะ |
วางจำหน่าย | 2 ตุลาคม พ.ศ. 2558 |
ภาพยนตร์ฉบับคนแสดง | |
กำกับโดย | ฮิโตชิ โอเนะ |
อำนวยการสร้างโดย | มินามิ อิชิกาวะ |
เขียนบทโดย | ฮิโตชิ โอเนะ |
ดนตรีโดย | Sakanaction |
สตูดิโอ | Toho |
ฉาย | 3 ตุลาคม พ.ศ. 2558 |
ความยาว | 120 นาที |
เด็กหนุ่มชื่อ มาชิโระ โมริทากะ อายุ 14 ปี เป็นเด็กมัธยมต้นปีที่ 3 สุดแสนจะธรรมดา ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไม่มีความฝันใด ๆ แอบชอบผู้หญิงที่ชื่ออาซึกิ มิโฮะ เด็กผู้หญิงที่เคยพบสมัยประถม และได้มาเข้าโรงเรียนเดียวกันในชั้นมัธยมต้น ซึ่งก็ไม่คิดจะสารภาพรัก เพราะคิดว่าถึงสารภาพรักไปก็คงต้องแห้วอยู่ดี ปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ดีกว่า มีอยู่วันหนึ่งที่โรงเรียนให้เรียนแค่ครึ่งวันเพราะว่าใกล้สอบ เลยปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านไปอ่านหนังสือ แต่ว่ามาชิโระกลับลืมสมุดจดไว้ที่โรงเรียน และในนั้นเขาได้วาดรูปของ อาซึกิ ไว้ด้วย เลยกลัวว่าจะมีคนมาเจอ เลยกลับมาเอา และได้พบกับทาคากิ อาคิโตะ เพื่อนร่วมห้องที่เป็นอัจฉริยะ สอบได้อันดับหนึ่งของโรงเรียนได้ถือสมุดของเขาอยู่ ทำให้เขาตกใจว่าทาคากิ ต้องรู้แล้วว่าเขาชอบอาซึกิ มาชิโระเลยขอสมุดคืน โดยที่ทาคากิบอกว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน โดยการจับมือเขียนการ์ตูนกับเขา มาชิโระจึงตกใจมากเพราะไม่คิดว่า เด็กที่เรียนเก่งอย่างทาคากิ จะฝันอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน
แต่เขาได้ปฏิเสธไปเพราะว่า อาของเขาที่เป็นนักเขียนการ์ตูนที่ตายไปแล้ว เคยบอกกับเขาว่านักเขียนการ์ตูน ถ้าไม่มีพรสวรรค์จริง ๆ ก็เป็นแค่นักเสี่ยงดวง และเขาก็ได้กลับบ้านไปโดยไม่สนใจสมุดจดเลย เย็นวันนั้นทาคากิได้โทรหาเขา เรียกให้เขาไปพบที่บ้านของอาซึกิ โดยบอกว่ามีเรื่องจะสารภาพกับอาซึกิ มาชิโระเลยรีบไปที่นั่นโดยทันที เพราะคิดว่าทาคากิจะสารภาพรักกับอาซึกิ เมื่ออาซึกิออกมา ทาคากิก็รีบถามคำถามกับอาซึกิ โดยถามว่า อาซึกิอยากจะเป็นนักพากย์ใช่ไหม มาชิโระตกใจมากเพราะไม่คิดว่าอาซึกิ อยากจะเป็นนักพากย์ แถมอาซึกิยังตอบว่าใช่อีก ยิ่งทำให้มาชิโระตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อทาคากิจะสารภาพ ทำให้มาชิโระต้องตกตะลึงเพราะว่า การสารภาพนั่นเป็นการบอกว่า พวกเขาจะเป็นนักเขียนการ์ตูน โดยที่มาชิโระจะเป็นคนวาดภาพให้ เมื่ออาซึกิยินอย่างนั้น ก็เลยดีใจมากรีบมาจ้องที่หน้าของมาชิโระทันที แล้วบอกว่า คิดอยู่แล้วว่ามาชิโระจะต้องเป็นคนวาดภาพ ทำให้มาชิโระสับสน ปนเรื่องของเขา กับเรื่องของอาของเขา ที่เคยเขียนจดหมายให้กำลังใจกับคนที่อาของเขาชอบ และอยากจะแต่งงานด้วย มาชิโระคิดไปคิดมา เลยพลั้งปากออกไปว่า ถ้าการ์ตูนของเขาได้เป็นอนิเมะ และอาซึกิได้เป็นนักพากย์ ให้มาแต่งงานกันได้ไหม ทาคากิได้ยินอย่างนั้นถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ อาซึกิออกอาการเขินอาย แล้ววิ่งเข้าบ้านไปทันที แล้วตอบกลับมาทางอินเตอร์โฟนว่า จะให้สัญญา ถ้าฝันเป็นจริงแล้วจะแต่งงานด้วย แต่ว่ามีข้อแม้คือ จะไม่พบหน้ากันอีกจนกว่าจะถึงตอนนั้น โดยจะคุยกันเพียงแค่ทางเมล์เท่านั้น มาชิโระตอบตกลงทันที ซึ่งการส่งเมล์นี้ไปซ้ำรอยกับที่คุณอาของเขาเคยทำไว้
และพวกมาชิโระยังได้รู้อีกว่า คนที่คุณอาของมาชิโระชอบ และส่งจดหมายให้กำลังใจกันนั้น เป็นคุณแม่ของอาซึกิ พวกมาชิโระเลยไปถามให้แน่ใจ และก็ได้รู้ว่าใช่ไม่ผิดตัวแน่ หลังจากนั้นพวกเขาก็ตั้งใจเขียนต้นฉบับ โดยเรื่องแรกที่เขียนนั้นมีชื่อว่า "Double Earth โลกคู่ขนาน" เมื่อเขียนเสร็จพวกเขาก็ไม่รอช้าเอาไปส่งที่ชูเอชะทันที และก็ได้พบกับบ.ก.ที่ชื่อว่า ฮัตโตริ มาชิโระบอกกับทาคากิว่า ถ้าเขาเสิร์ฟน้ำชาให้แสดงว่าต้นฉบับนั้นผ่าน และพวกเขาก็ทำได้ แต่ว่าเรื่องนั้นยังไม่ดีพอที่จะได้ลงตีพิมพ์ ให้พวกเขากลับไปคิดเรื่องกันใหม่ โดยให้นามบัตรกับพวกเขาไว้ ต่อมาไม่นาน พวกเขาก็ส่งต้นฉบับเรื่องที่สามให้คุณฮัตโตริอีก คือเรื่อง เงินตรา ปัญญา พิชิตโลก ซึ่งได้ลงตีพิมพ์ในอากามารุ จัมป์ โดยสองคนนี้ก็เปลี่ยนมาใช้นามปากกาว่า อาชิโรกิ มุโตะ เพื่อป้องกันความวุ่นวาย แต่ปรากฏว่าผลคะแนนจากแบบสอบถามในอากามารุจัมป์ของเรื่องนี้มาเป็นอันดับสาม ซึ่งมาชิโระบอกว่ายังไม่ดีพอ มาชิโระจึงตัดสินใจจะเปลี่ยนจากการเขียนการ์ตูนสายมารที่เขียนอยู่นั้น มาเขียนการ์ตูนบู๊สายหลักแทน เรื่องสายหลักที่พวกเขานำไปให้คุณฮัตโตริดูนั้น ยังไม่ดีและสนุกพอ คุณฮัตโตริจึงบอกว่าให้กลับมาเขียนสายมารเหมือนเดิม แต่มาชิโระกับทาคากิก็ไม่ยอม บอกว่าต้องเขียนสายหลักเท่านั้นถึงจะชิงที่หนึ่งและลงซีรีส์ได้ คุณฮัตโตริจึงให้เวลาหกเดือนให้เขียนเรื่องสายหลักให้สนุกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะเลิกเป็นผู้ดูแล มาชิโระกับทาคากิก็ตอบตกลง มาชิโระตั้งเงื่อนไขกับทาคากิให้เขียนเรื่องบู๊สายหลักสนุก ๆ ให้ได้ภายในปิดเทอม
ในขณะที่ตนเองไปเป็นผู้ช่วยของนีซึมะ เอย์จิ นักเขียนการ์ตูนอัจฉริยะวัยสิบห้าปี ผู้ได้ลงพิมพ์ซีรีส์ในโชเน็น จัมป์ เรื่อง CROW หวังว่าจะได้เรียนรู้เทคนิคอะไรมาจากที่นั่นบ้าง และก็ได้พบกับผู้ช่วยของเอย์จิอีกสองคน คือฟุคุดะ ชินตะผู้ได้ลงพิมพ์ในอากามารุจัมป์พร้อมกับอาชิโรกิ มุโตะ และ นาคาอิ โนบุทาโร่ ผู้ช่วยมือโปรที่มีประสบการณ์มายาวนาน แต่เลิกความฝันที่จะเป็นนักเขียนการ์ตูนมืออาชีพไปแล้ว จนกระทั่งตอนสองคนนี้อยู่ม.ปลาย ก็ได้เขียนการ์ตูนนักสืบเรื่อง TRAP ชนะรางวัลเทรชเชอร์ และได้ลงตีพิมพ์รายสัปดาห์ในนิตยสารโชเน็น จัมป์ และเปลี่ยนผู้ดูแลจากคุณฮัตโตริมาเป็นคุณมิอุระ แต่เพราะมาชิโระทำงานหักโหมเกินไป ร่างกายเลยทรุด ต้องป่วยเข้าโรงพยาบาล TRAP เลยต้องหยุดตีพิมพ์ไป พอกลับมาตีพิมพ์ใหม่ ความนิยมก็ลดทำให้เรื่องนี้ถูกตัดจบในที่สุด แต่ต่อมาไม่นาน มาชิโระกับทาคากิก็เขียนการ์ตูนแก๊กเรื่อง ทันโท ลุยเลอะ ได้ลงตีพิมพ์อีกครั้ง แต่ด้วยความรู้สึกว่าไม่ใช่งานที่ตนต้องการจะทำ จึงตัดสินใจขอจบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ต่อมาทั้งสองได้เริ่มงานชิ้นใหม่คือ PCP (Perfect Crime Party—ชมรมอาชญากรรมสมบูรณ์แบบ) แล้วได้ลงตีพิมพ์เป็นซีรีส์อีกครั้ง และมีการเปลี่ยนตัวผู้ดูแลจากคุณมิอุระกลับมาเป็นคุณฮัตโตริตามเดิม
กระแสตอบรับอันล้นหลามทำให้ PCP ได้รับการเสนอให้ทำเป็นแอนิเมชัน แต่ก็ถูกปฏิเสธไปเนื่องจากแนวทางของเรื่อง ปัญหานี้รบกวนอาชิโรกิอยู่บ่อยครั้งจนทั้งคู่เริ่มคิดถึงการเขียนการ์ตูนอีกเรื่อง ในขณะเดียวกัน นีซึมะ เอย์จิ ก็ทวงสิทธิ์ขอตัดจบการ์ตูนที่ไม่ชอบ 1 เรื่อง หากเป็นที่ 1 ติดต่อกัน 10 สัปดาห์ โดยมีกลุ่มฟุคุดะเข้าขัดขวาง แต่ไม่สำเร็จ ต่อมานีซึมะก็เริ่มงานชิ้นใหม่ "Zombie Gun" การ์ตูนบู๊สายหลักที่มีกลิ่นไอของสายมาร เช่นเดียวกับด้านอาชิโรกิที่เริ่มงานอีกชิ้นคือ "REVERSI" การ์ตูนสายมารที่เดินแนวสายหลัก หลังมีการเปลี่ยนแปลงในจั๊มป์ REVERSI ก็ได้ลงในโชเนนจั๊มป์ โดยมี รอง บ.ก. เฮย์ชิ ขึ้นเป็น บ.ก. แทน มีผู้ดูแลคือ คุณฮัตโตริ ส่วน PCP ถูกย้ายไปลงในฮิชโชจั๊มป์
หลังขับเคี่ยวกับ Zombie Gun อย่างดุเดือดมาหลายสัปดาห์ REVERSI ก็ได้รับเลือกให้เป็นแอนิเมชัน แต่มีผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวความสัมพันธ์ระหว่างมาชิโระกับอาซึกิ ทำให้การเลือกอาซึกิมาพากย์บทถูกวิพากษ์วิจารณ์และกระแสต่อต้านอย่างหนัก จนในที่สุดต้องมีการออดิชั่นแบบสาธารณะเพื่อตัดสินผล อาซึกิได้รับคะแนนสูงสุดและได้รับเลือกให้พากย์บท นาโฮะ ในที่สุด หลังตัดสินใจจบเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบและแอนิเมชั่นตอนแรกออกฉาย มาชิโระก็ไปหาอาซึกิ ขอเธอแต่งงานในฐานะนักเขียนการ์ตูนเบอร์ 1 ของจั๊มป์ทั้งในแบบสอบถามและยอดขายรวมเล่ม เรื่องราวทั้งหมดจบลงเมื่อทั้งสองทำตามสัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป
ถูกเขียนขึ้นโดย สึงูมิ โอบะ และวาดภาพโดย ทาเกชิ โอบาตะ ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร โชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ของ ชูเอชะ ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2551 ฉบับรวมเล่มที่ 1 ถูกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2552[4] และฉบับที่ 20 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้าย ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2555[5]
วัยซนคนการ์ตูนได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น และมีลิขสิทธิ์ในหลายๆ ภาษาทั่วโลกเช่น ภาษาเกาหลี ลิขสิทธิ์โดย Daiwon C.I. ลงใน คอมิคแชมป์ มันฮวา แมกกาซีน ในไตหวัน ลิขสิทธิ์โดย Tong Li Publishing และใน เยอรมนี โดย Tokyopop ส่วนในไทยนั้น ลิขสิทธิ์โดย เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร BooM
ถูกสร้างโดย J.C.Staff ฉายทางช่อง เอ็นเอชเค เริ่มฉาย 2 ตุลาคม 2553 หรือใน ฤดูใบไม้ร่วง โดยมีทั้งหมด 25 ตอน อนิเมะ ถูกกำกับโดย เค็งอิจิ คาไซ และ โนริอากิ อากิตายะ เขียนบทตัวละครโดย เรโกะ โยชิดะ และออกแบบตัวละครโดย โทโมยูกิ ชิตายะ การสร้างอนิเมะถูกประกาศลงในฉบับมังงะครั้งแรกในหน้าสีต้นเล่มของตอนที่ 71 ซึ่งลงใน BooM ในฉบับที่ 25 ของปี 2553
ที่ญี่ปุ่นหลังเล่ม 1 ออกวางขายขึ้นไปอยู่ อันดับที่ 4 จาก 13 เรื่องที่วางขายในสัปดาห์แรก ระหว่างวันที่ 6 มกราคม ถึง 12 มกราคม ด้วยยอดขาย 157,675 เล่ม [6] และสัปดาห์ต่อมา ระหว่างวันที่ 13 มกราคม ถึง 19 มกราคม ตกมาอยู่อันดับที่ 9 ทำยอดได้เพียง 38,176 เล่ม [7] เล่มที่ 2 ทำยอดได้ในสัปดาห์แรกระหว่างวันที่ 2 ถึง 9 มีนาคมทั้งหมด 228,056 เล่มและตกมาอยู่อันดับที่ 17 ในสัปดาห์ต่อมา[8][9] เล่มที่ 3 ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 4 รองจาก ดีเกรย์แมน, เทพมรณะ และวันพีซ ด้วยยอดขายทั้งหมด 200,369 เล่ม[10] และได้อันดับที่ 4 ในสัปดาห์ต่อมาด้วยยอดขาย 67,541 เล่ม[11]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.