วงศ์เหี้ย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วงศ์เหี้ย เป็นวงศ์ของสัตว์เลื้อยคลานในอันดับ Squamata ใช้ชื่อวงศ์ว่า Varanidae
วงศ์เหี้ย ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: ครีเทเชียสตอนปลาย - โฮโลซีน, 80–0Ma | |
---|---|
![]() | |
เหี้ย (V. salvator) | |
![]() | |
เปรียบระหว่างมนุษย์กับสัตว์ในวงศ์นี้ปัจจุบัน กับเมกะลาเนียในอดีต | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอตา Eukaryota |
อาณาจักร: | สัตว์ Animalia |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง Chordata |
ชั้น: | สัตว์เลื้อยคลาน |
อันดับ: | กิ้งก่าและงู |
วงศ์ใหญ่: | Varanoidea |
วงศ์: | เหี้ย Merrem, 1820 |
ชนิด | |
| |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ |
ศัพทมูลวิทยา
โดยคำว่า Varanidae หรือ Varanus ที่เป็นชื่อสกุล นั้นมาจากภาษาอาหรับคำว่า "วารัล" (ورل) ซึ่งแปลงเป็นภาษาอังกฤษได้หมายถึง "เหี้ย" หรือ "ตะกวด"[1]
ลักษณะ
เป็นวงศ์ของสัตว์เลื้อยคลานที่มีวิวัฒนาการของตัวเองมาแล้วนานกว่า 300 ล้านปี[2] เป็นสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นสัตว์กินซากที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศ เพราะเป็นผู้ขจัดซากของสัตว์ที่ล้มตายไปแล้ว [3]
มีรูปร่างโดยรวม จัดเป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ มีรูปร่างคล้ายกับจระเข้ มีโคนหางที่แข็งแรง และหางยาว ซึ่งใช้ฟาดเป็นอาวุธเพื่อป้องกันตัว ลิ้นยาวมี 2 แฉก ซึ่งมักจะแลบออกมาบ่อย ๆ เพื่อเป็นประสาทสัมผัสเช่นเดียวกับงู ขาทั้ง 4 มีเล็บที่แหลมคมใช้สำหรับขุดหลุมเพื่อวางไข่ ปีนต้นไม้ และป้องกันตัว เกล็ดมีลักษณะเป็นตุ่มนูนออกมาเห็นได้ชัดเจน มีสีสันและลวดลายต่างออกไปในแต่ละชนิด เป็นสัตว์ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้หลากหลาย ทั้งทะเลทราย, ป่าดิบ หรือแม้แต่กระทั่งชุมชนเมืองใหญ่ของมนุษย์ นอกจากนี้แล้วยังว่ายน้ำได้เก่ง ดำน้ำได้ดี และในบางชนิดยังชอบที่จะอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว ในบางชนิด น้ำลายยังมีเชื้อแบคทีเรียอย่างร้ายแรงอยู่ในนั้น ซึ่งใช้สำหรับกัดเพื่อสังหารเหยื่อ เหยื่อจะยังไม่ตายในทันที แต่จะล้มตายภายในไม่กี่วันเพราะติดเชื้ออย่างรุนแรง จากนั้นจึงจะเข้ากินเป็นอาหาร ขยายพันธุ์ด้วยการวางไข่ ตั้งแต่ 7-37 ฟอง[4]
การจำแนก
สรุป
มุมมอง
ปัจจุบันเหลือเพียงสกุลเดียว คือ Varanus (/วา-รา-นัส/-แบ่งออกได้เป็นสกุลย่อย ๆ อีก) พบแล้วกว่า 70 ชนิด พบกระจายพันธุ์ในเขตร้อนและเขตอบอุ่นของทวีปแอฟริกาและทวีปเอเชีย ไปจรดถึงโอเชียเนีย โดยมีขนาดใหญ่ที่สุด คือ มังกรโคโมโด (V. komodoensis) ที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้าย และขนาดที่เมื่อโตเต็มที่ยาวได้ถึง 2-3 เมตร น้ำหนักกว่า 90 กิโลกรัม ซึ่งพบเฉพาะบนอุทยานแห่งชาติโคโมโด ในประเทศอินโดนีเซียเท่านั้น
สำหรับในประเทศไทย พบทั้งสิ้น 4 ชนิด ได้แก่[5]
- ตะกวด (V. bengalensis) มีขนาดรองลงมา ไม่ชอบลงน้ำ
- ตุ๊ดตู่ (V. dumerilii) มีขนาดเล็กที่สุด
- เห่าช้าง (V. rudicollis) มีเกล็ดที่บริเวณหลังคอตะปุ่มตะป่ำ
- เหี้ย (V. salvator) มีขนาดใหญ่ที่สุดและพบได้มากที่สุด ดำน้ำและว่ายน้ำได้เก่ง
นอกจากนี้แล้ว ในอดีตยังเคยพบว่ามีอีกชนิดหนึ่ง คือ ตะกวดเหลือง (V. flavescens) แต่ปัจจุบันไม่มีการพบมานานแล้ว ซึ่งพบมากในแถบอนุทวีปอินเดีย
สำหรับชนิดที่พบได้ในต่างประเทศ อาทิ
- ตะกวดบิตาตาวา (V. bitatawa) เป็นชนิดใหม่ที่เพิ่งค้นพบและอนุกรมวิธาน พบในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสองชนิดเท่านั้นที่กินพืชเป็นอาหาร[6]
- ตะกวดสาวันนา (V. exanthematicus) พบในทุ่งหญ้าสาวันนาในทวีปแอฟริกา
- ตะกวดทะเลทราย (V. griseus) พบในทะเลทรายแถบตะวันออกกลาง
- ตะกวดแม่น้ำไนล์ (V. niloticus) พบได้ในทวีปแอฟริกา
- ตะกวดต้นไม้สีเขียว (V. prasinus) พบได้บนเกาะนิวกินี มักอาศัยอยู่บนต้นไม้
- ตะกวดดำ (V. togianus) พบในปาปัวนิวกินี มีลักษณะคล้ายกับเหี้ยดำ (V. salvator komaini) ซึ่งพบได้ในประเทศไทย
นอกจากนี้แล้ว ยังมีอยู่ชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ เมกะลาเนีย (V. priscus) ที่มีความยาวกว่า 7.5 เมตร หนักถึงกว่า 2,000 กิโลกรัม เคยพบในทวีปออสเตรเลีย แต่ทว่าได้สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ปลายยุคน้ำแข็งราว 45,000-50,000 ปีก่อน[7]
สกุลที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

บางสกุลที่จัดอยู่ใน Varanidae (ภายใต้วงศ์ย่อย Lanthanotinae หรือ นักวิทยาศาสตร์บางรายจะจัดให้อยู่ในวงศ์ Lanthanotidae):
- Aiolosaurus Gao and Norell, 2000[9]
- Cherminotus Borsuk-Bialynicka, 1984
- Lanthanotus Steindachner, 1878
สกุลฐาน:
- Saniwides Borsuk-Bialynicka, 1984
- Telmasaurus Gilmore, 1943[9]
- Palaeosaniwa Gilmore, 1928
สกุลที่เคยจัดอยู่ในวงศ์ Varanidae:
- Pachyvaranus Arambourg, 1952[10]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.