Remove ads
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มินาโมโตะ โนะ โยชิตสึเนะ (みなもとの よしつね Minamoto no Yoshitsune หรือ 源義経 Minamoto Yoshitsune ค.ศ. 1159 - 15 มิถุนายน ค.ศ. 1189) หรือ โยชิตสึเนะแห่งมินาโมโตะ เป็นผู้บัญชาการทหารของตระกูลมินาโมโตะในญี่ปุ่น ในช่วงระหว่างปลายยุคเฮอังถึงต้นยุคคามากูระ เขาเป็นหนึ่งในตำนานของผู้กล้าของญี่ปุ่น[1] ซึ่งมักจะมีการกล่าวถึงในทางวรรณกรรม และทางภาพยนตร์
ยุค | ปลาย ยุคเฮอัง |
---|---|
เกิด | พ.ศ. 1702 นครหลวงเฮอัง |
ถึงแก่กรรม | 15 มิถุนายน พ.ศ. 1732 แม่น้ำโคโรโมะ |
ตระกูล | มินาโมโตะ |
บิดามารดา |
|
ภรรยา | ซาโตะ โงเซ็ง ชิซุกะ โงเซ็ง (ภรรยาน้อย) |
มินาโมโตะ โนะ โยชิตสึเนะ เกิดเมื่อปี 1159 ที่นครเฮอังเกียว (เมืองเกียวโตในปัจจุบัน) เกิดในตระกูลเซวะเง็นจิ (清和源氏) เป็นบุตรชายคนที่เก้าของ มินาโมโตะ โนะ โยชิโตโมะ (源義朝) ซึ่งเป็นโทเรียว (棟梁) หรือประมุขตระกูลเซวะเง็นจิ เกิดกับนางโทกิวะ-โงเซ็ง (常盤御前) ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของโยชิโตโมะ เมื่อแรกเกิดโยชิตสึเนะมีชื่อว่า อุชิวากะ-มารุ (牛若丸) มีพี่ชายมารดาเดียวกันอยู่สองคนคือ อิมาวากะ-มารุ (今若丸) ต่อมาคือ พระภิกษุอาโนะ เซ็งโจ (阿野全成) และโอสึวากะ-มารุ (乙若丸) ต่อมาคือพระภิกษุกิเอ็ง (義円)
ในปี 1160 เมื่ออุชิวากะอายุยังไม่ทันถึงขวบปี ได้เกิดกบฏปีเฮจิขึ้นระหว่างตระกูลมินาโมโตะนำโดย มินาโมโตะ โนะ โยชิโตโมะ ผู้เป็นบิดา กับตระกูลไทระ (平氏) นำโดย ไทระ โนะ คิโยโมริ (平清盛) ผลปรากฏว่าตระกูลมินาโมโตะพ่ายแพ้ โยชิโตโมะถูกสังหารในป่าขณะหลบหนี พี่ชายต่างมารดาและสมาชิกตระกูลมินาโมโตะที่เหลือต่างถูกกวาดล้างและประหารชีวิตไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงมินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ (源頼朝) ซึ่งถูกเนรเทศไปยังแคว้นอิซุทางตะวันออก นางโทกิวะได้พาบุตรชายทั้งสามที่ยังเล็กหลบหนีซ่อนตัวในป่า จนกระทั่งคิโยโมริได้จับมารดาของนางโทกิวะเป็นตัวประกัน นางโทกิวะจึงยอมมอบตัวแต่คิโยโมริ ซึ่งคิโยโมริได้ไว้ชีวิตบุตรชายทั้งสามของนาง โดยมีเงื่อนไขว่านางโทกิวะจะต้องเข้ามาเป็นภรรยาน้อยของคิโยโมริ และบุตรชายทั้งสามจะต้องไปอยู่วัดบวชเป็นพระภิกษุไปตลอดชีพ
อุชิวากะมีความสามารถในการใช้ดาบตั้งแต่อายุยังน้อย โดยสามารถเอาชนะมุซาชิโบ เบ็งเก (武蔵坊弁慶) พระนักรบได้ที่สะพานโกโจ (五条大橋) ในนครเฮอังเกียว เบ็งเกจึงกลายเป็นผู้ติดตามคนสนิทของโยชิตสึเนะนับแต่บัดนั้น ในปี 1169 เมื่ออายุ 11 ปีอุชิวากะจึงต้องพรากจากมารดาไปอยู่ที่วัดคุรามะ (鞍馬寺) ทางเหนือของนครเฮอังเกียวเพื่อเตรียมตัวบวชเป็นพระภิกษุตามที่ตกลงไว้ ได้รับชื่อใหม่ว่า ชานาโอ (遮那王) อาศัยอยู่ที่วัดคุรามะจนกระทั่งปี 1174 ชานาโอปฏิเสธที่จะบวชเป็นพระภิกษุ ได้ทำพิธีเง็มปุกุให้แก่ตนเองแล้วหลบหนีพร้อมกับเบ็งเกไปยังเมืองฮิราอิซุมิ (平泉) ในภูมิภาคโทโฮกุทางเหนือ จังหวัดอิวาเตะในปัจจุบัน และได้รับการอุปถัมภ์โดย ฟูจิวาระ โนะ ฮิเดฮิระ (藤原秀衡) ซามูไรผู้ปกครองโอชู และได้รับนามจากฮิเดฮิระว่า โยชิตสึเนะ
โยะชิสึเนะอาศัยอยู่ที่เมืองฮิระอิซุมิจนกระทั่งในค.ศ. 1180 โยชิตสึเนะได้ทราบข่าวว่าพี่ชายต่างมารดาของตนคือ มินาโมโตะ โนะ โยริโตโมะ ได้ทำการต่อต้านการปกครองของตระกูลไทระโดยมีฐานที่มั่นอยู่ที่เมืองคามากูระ จังหวัดคานางาวะในปัจจุบัน โยชิตสึเนะจึงเดินทางจากเมืองฮิระอิซุมิพร้อมกับเบ็งเกมาพบกับโยะริโตะโมะที่แม่น้ำคิเซะ ใกล้กับเมืองชิซุโอกะในปัจจุบัน โยะริโตะโมะจึงรับโยะชิสึเนะเข้ามาเป็นหนึ่งในขุนพลตระกูลมินะโมะโตะในการทำสงครามกับตระกูลไทระซึ่งมีผู้นำคือไทระ โนะ มุเนะโมะริ (平宗盛)
ในขณะเดียวกันทางฝั่งตะวันตก มินะโมะโตะ โนะ โยะชินะกะ (源義仲) ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของโยะชิสึเนะ ไม่ยอมรับอำนาจของโยะริโตะโมะและต้องการที่จะสร้างเกียรติยศโดยการโค่นล้มตระกูลไทระด้วยตนเอง ค.ศ. 1183 โยะชินะกะสามารถเข้ายึดนครเฮอังเกียวได้ ทำให้มุเนะโมะริต้องพาสมาชิกตระกูลไทระอพยพไปยังเมืองยะชิมะ (屋島) บนเกาะชิโกกุ โยะริโตะโมะจึงส่งโยะชิสึเนะ ร่วมกับมินะโมะโตะ โนะ โนะริโยะริ (源範頼) พี่ชายต่างมารดา ยกทัพไปทางตะวันตกและสามารถยึดนครเฮอังเกียวจากโยะชินะกะได้ โยะชินะกะหลบหนีแต่ถูกโยะชิสึเนะและโนะริโยะริติดตามจนต่อสู้กันที่เมืองโอสึ ในค.ศ. 1184 โยะชินะกะถูกสังหารในที่สุด
ในค.ศ. 1184 โยะชิสึเนะและโนะริโยะริยกทัพมาเอาชนะทัพของตระกูลไทระได้ในยุทธการอิชิโนะตะนิ (一ノ谷の戦い) ในบริเวณเมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะในปัจจุบัน ไทระ โนะ ทะดะโนะริ (平忠度) ถูกสังหารในที่รบ และไทระ โนะ ชิเงะฮิระ (平重衡) ถูกจับกุมตัวได้ ปีต่อมาค.ศ. 1185 โยะชิสึเนะนำทัพเข้าล้อมเมืองยะชิมะ จนสามารถตีเมืองยะชิมะแตกได้จนมุเนะโมะริต้องพาสมาชิกตระกูลไทระลงเรืออพยพไปทางตะวันตก โยะชิสึเนะได้ยกทัพเรือออกติดตามจนปะทะกับทัพเรือของตระกูลไทระที่ช่องแคบคัมมง ในยุทธนาวีดังโนะอุระ (壇ノ浦の戦い) จนมีชัยชนะเหนือตระกูลไทระ สมาชิกตระกูลไทระเกือบทั้งหมดจึงกระโดดลงทะเลเสียชีวิตเพื่อหนีความพ่ายแพ้ นางนิอิ-โนะ-อะมะ (二位尼 หรือไทระ โนะ โทะกิโกะ) ภรรยาเอกของคิโยะโมะริ ได้อุ้มจักรพรรดิอันโตะกุ พระชนมายุเพียงเจ็ดพรรษากระโดดลงทะเลสวรรคต
ในขณะที่พำนักอยู่ที่นครเฮอังเกียวโยะชิสึเนะได้พบรักกับนางชิซุกะ-โงเซ็ง ซึ่งเป็นชิระเบียวชิ หรือนางรำศาลเจ้า แต่ในค.ศ. 1184 โยะริโตะโมะผู้เป็นพี่ชายได้บังคับให้โยะชิสึเนะสมรสกับนางซะโตะ-โงเซ็ง ซึ่งเป็นหลานสาวของแม่นมของโยะริโตะโมะเอง โยะชิสึเนะมีบุตรสาวกับนางซะโตะหนึ่งคน
หลังจากชัยชนะของโยะชิสึเนะที่ยุทธนาวีทังโนะอุระ ทำให้ความสำเร็จอันโดดเด่นและรวดเร็วของโยะชิสึเนะเป็นที่อิจฉาของขุนพลคนอื่นๆ โดยเฉพาะคะจิวะระ คะเงะโตะกิ (梶原景時) ซึ่งได้ยุยงให้โยะริโตะโมะเชื่อว่าโยะชิสึเนะไม่เชื่อฟังและต้องการที่จะสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเองเพียงอย่างเดียว เมื่อกลับถึงนครเฮอังเกียวในค.ศ. 1185 อดีตจักรพรรดิโกะ-ชิระกะวะยังทรงแต่งตั้งให้โยะชิสึเนะเป็นองครักษ์ สรังความไม่พอใจแก่โยะริโตะโมะอย่างมากซึ่งประกาศว่าหากขุนพลคนใดรับตำแหน่งในราชสำนักจะถือว่าทรยศ [2] โยะชิสึเนะและโนะริโยะริกุมตัวมุเนะโมะริพร้อมบุตรชายและเชลยศึกคนอื่นๆกลับไปยังเมืองคะมะกุระเพื่อตัดสินโทษ แต่ทว่าโยะชิสึเนะกลับถูกสกัดกั้นที่เขตโคะชิโงะเอะ (腰越状) นอกเมืองคะมะกุระไม่ให้เข้าเมือง โยะชิสึเนะรออยู่นอกเมืองจนกระทั่งการไต่สวนเสร็จสิ้นโยะชิสึเนะจึงนำนักโทษกลับนครเฮอังเกียว แต่โยะริโตะโมะกลับส่งทัพติดตามมาสังหารนักโทษตระกูลไทระจนหมดสิ้น
โยะริโตะโมะมีคำสั่งให้โนะริโยะริยกทัพจากคะมะกุระไปสังหารโยะชิสึเนะทางตะวันตก โนะริโยะริผู้เป็นพี่ชายร่วมศึกกับโยะชิสึเนะมานานปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง โยะริโตะโมะจึงส่งพระนักรบโทะซะโนะโบะ โชชุน (土佐坊昌俊) แอบเดินทางมายังนครเฮอังเกียวเพื่อทำการลอบสังหารโยะชิสึเนะแต่ไม่สำเร็จและโชชุนถูกสังหาร อดีตพระจักรพรรดิโกะ-ชิระกะวะจึงมีราชโองการให้โยะชิสึเนะยกทัพไปตะวันออกเพื่อปราบโยะริโตะโมะ โยะริโตะโมะจึงส่งทัพมายังนครเฮอังเกียวเพื่อกดดันองค์อดีตพระจักรพรรดิให้เปลี่ยนราชโองการให้โยะริโตะโมะทำการปราบโยะชิสึเนะได้สำเร็จ
ในค.ศ. 1185 โยะชิสึเนะจึงตัดสินใจหลบหนีออกจากนครเฮอังเกียวพร้อมกับเบ็งเกและนางชิซุกะกลับไปยังเมืองฮิระอิซุมิทางเหนือเพื่อขอความช่วยเหลือจากฮิเดะฮิระ แต่ด้วยความลำบากในการเดินทางทำให้โยะชิสึเนะตัดสินใจส่งตัวนางชิซุกะกลับไปยังนครเฮอังเกียว แต่นางชิซุกะถูกจับกุมตัวได้ระหว่างทางและถูกส่งไปยังเมืองคะมะกุระและค้นพบว่านางชิซุกะได้ตั้งครรภ์ คลอดบุตรออกมาที่เมืองคะมะกุระปรากฏว่าเป็นบุตรชาย มารดาของนางชิซุกะได้ช่วยให้นางชิซุกะและบุตรชายหลบหนีกลับไปยังนครเฮอังเกียว แต่ทั้งนางชิซุกะและบุตรชายก็ถูกสังหารในเวลาต่อมา
ฝ่ายโยะชิสึเนะและเบ็งเกพำนักอยู่ที่เมืองฮิระอิซุมิภายใต้การปกป้องของฮิเดะฮิระ จนกระทั่งฮิเดะฮิระได้เสียชีวิตลงในค.ศ. 1187 ฟุจิวะระ โนะ ยะซุฮิระ (藤原泰衡) บุตรชายจึงขึ้นเป็นผู้ปกครองโอชูแทนที่บิดา ยะซุฮิระเห็นว่าหากตนให้ที่พำนักแก่โยะชิสึเนะต่อไปโอชูจะมีภัยจากคะมะกุระ จึงส่งกำลังพลมาทำการสังหารโยะชิสึเนะในค.ศ. 1189 ที่แม่น้ำโคะโระโมะ โยะชิสึเนะกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตลง และเบ็งเกได้ต่อสู้จนเสียชีวิตในท่ายืนอันเป็นตำนาน ก่อนเสียชีวิตโยะชิสึเนะได้ทำการสังหารนางซะโตะภรรยาเอกและบุตรสาวเพื่อไม่ให้ภรรยาเอกของตนตกไปเป็นของศัตรู
ชื่อของเขาได้มีการถูกนำมาใช้ในการ์ตูนในหลายเรื่อง เช่น
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.