พระจุฑาธุชราชฐาน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระจุฑาธุชราชฐาน ตั้งอยู่ ณ เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี อดีตเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากเหตุการณ์วิกฤต ร.ศ.112 ก็สิ้นสุดการเป็นเขตพระราชฐาน และมีหน่วยงานราชการต่าง ๆ มาขอใช้พื้นที่ ปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอใช้พื้นที่บางส่วนเพื่อเป็นสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต และทำหน้าที่ดูแลรักษาพระจุฑาธุชราชฐานไปในคราวเดียวกัน[1]
พระจุฑาธุชราชฐาน | |
---|---|
บริเวณสะพานสะพานอัษฎางค์ | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | พระราชวัง |
เมือง | เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี |
ประเทศ | ประเทศไทย |
เริ่มสร้าง | พ.ศ. 2435 |
ผู้สร้าง | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ในปี พ.ศ. 2431 พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ทรงพระประชวร โดยได้รับคำแนะนำจากแพทย์หลวงให้ให้เสด็จมาประทับรักษาพระองค์ที่เกาะสีชัง จนพระอาการทุเลาลง นอกจากนี้ เกาะสีชังยังเป็นที่พักฟื้นของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธอีกพระองค์
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2432 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้สร้าง “อาคารอาไศรยสฐาน” ขึ้น 3 หลังพระราชทานนามว่า "เรือนวัฒนา" ตามพระนามสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี "เรือนผ่องศรี" ตามพระนามของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี และ "เรือนอภิรมย์" ตามพระนามของพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์[2]
ปี พ.ศ. 2435 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานมายังเกาะสีชัง ซึ่งในขณะนั้นพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวีทรงพระครรภ์ใกล้มีพระประสูติการ ดังนั้น รัชกาลที่ 5 จึงทรงสร้างพระราชฐานขึ้น และพระราชทานนามพระราชฐานนี้ว่า “พระจุฑาธุชราชฐาน”[3] ตามพระนาม สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก[2] โดยการก่อสร้างพระราชฐานนั้นมี สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงษ์ กรมพระภาณุพันธุวงษ์วรเดช เป็นแม่กอง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพศาสตรศุภกิจ เป็นนายช่างผู้ออกแบบ โดยประกอบด้วย พระที่นั่ง 4 องค์ ได้แก่ พระที่นั่งโกสีย์วสุภัณฑ์ พระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ พระที่นั่งโชติรสประภาต์ พระที่นั่งเมขลามณี และ ตำหนัก 14 ตำหนัก ได้แก่ ตำหนักวาสุกรีก่องเก็จ ตำหนักเพ็ชรระยับ ตำหนักทับทิมสด ตำหนักมรกตสุทธิ์ ตำหนักบุษราคัม ตำหนักก่ำโกมิน ตำหนักนิลแสงสุก ตำหนักมุกดาพราย ตำหนักเพทายใส ตำหนักไพฑูรย์กลอก ตำหนักดอกตะแบกลออ ตำหนักโอปอล์จรูญ ตำหนักมูลการะเวก ตำหนักเอกฟองมุก ซึ่งพระราชทานนามให้สอดคล้องกันหมด
พ.ศ. 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 การก่อสร้างพระที่นั่งและตำหนักต่าง ๆ ก็ชะงักลง นอกจากนี้ พระองค์โปรดให้รื้อถอนพระที่นั่งและตำหนักบางส่วนไปสร้างไว้ที่อื่น เช่น พระที่นั่งมันธาตุรัตน์โรจน์ ซึ่งเป็นพระที่นั่งเครื่องไม้สักทอง 3 ชั้น โปรดให้เชิญมาสร้างขึ้นใหม่ใกล้พระที่นั่งอัมพรสถาน ในพระราชวังดุสิต เมื่อ พ.ศ. 2443 พระราชทานนามใหม่ว่า "พระที่นั่งวิมานเมฆ" หลังจากเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 พระจุฑาธุชราชฐานจึงมิได้เป็นพระราชวังในการเสด็จแปรพระราชฐานตั้งแต่นั้นมา
หลังจากนั้น พระจุฑาธุชราชฐานจึงใช้เป็นสถานที่ของหน่วยงานราชการหลายแห่ง ปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับมอบสิทธิ์การใช้ที่ดินบางส่วนจากกรมธนารักษ์ เพื่อเป็นสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต และทำหน้าที่ดูแลรักษาพระจุฑาธุชราชฐานซึ่งเป็นโบราณสถานในเขตที่ดินดังกล่าวไปในคราวเดียวกัน
พระจุฑาธุชราชฐาน ยังเป็นพระราชวังหรือเขตพระราชฐานเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยอีกด้วยที่มีที่ตั้งอยู่บนเกาะ[4]
เมื่อ พ.ศ. 2545 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เริ่มทำการปรับปรุงพระราชฐานขึ้นใหม่ เพื่อจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน และสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2547 โดยในส่วนที่ได้ปรับปรุงและจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ และโบราณสถาน ได้แก่
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.