พายุไต้ฝุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกในปี พ.ศ. 2545 จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พายุไต้ฝุ่นรามสูร (อักษรโรมัน: Rammasun)[nb 1] หรือที่ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า พายุไต้ฝุ่นโฟลรีตา (ตากาล็อก: Florita)[nb 2] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีส่วนทำให้เกิดฝนตกหนัก และน้ำท่วมร้ายแรงในประเทศฟิลิปปินส์ พายุไต้ฝุ่นรามสูรเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนลูกที่ 11, พายุโซนร้อนลูกที่ 5 และพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 3 ในฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2545 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2545 ในช่วงเวลาเดียวกันกับพายุไต้ฝุ่นชาทาอานห่างไกลออกไปทางทิศตะวันตก พายุดีเปรสชันเขตร้อนได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุโซนร้อน และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อมุ่งหน้าสู่ประเทศไต้หวัน พายุไต้ฝุ่นรามสูรมีกำลังแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (105 ไมล์ต่อชั่วโมง)[nb 3] และความกดอากาศที่ 930 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.46 นิ้วของปรอท) ในวันที่ 2 กรกฎาคม หลังจากนั้นพายุไต้ฝุ่นรามสูรก็เริ่มเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือผ่านทางตะวันออกของประเทศไต้หวัน และประเทศจีน พายุเริ่มอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน เนื่องจากร่องน้ำกำลังเคลื่อนตัวเข้าหากัน ซึ่งทำให้พายุเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของมิยาโกจิมะ และทางตะวันตกของจังหวัดเชจู ฝนตกหนักจากพายุหมุนนอกเขตร้อนที่ส่งผลกระทบต่อประเทศเกาหลีเหนือ และดินแดนปรีมอร์เยในรัสเซียตะวันออกไกล[1]
พายุไต้ฝุ่นรามสูรขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 | |
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา | |
---|---|
ก่อตัว | 28 มิถุนายน พ.ศ. 2545 |
นอกเขตร้อน | 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 |
สลายตัว | 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 |
พายุไต้ฝุ่นกำลังแรงอย่างมาก | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (JMA) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 165 กม./ชม. (105 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 930 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 27.46 นิ้วปรอท |
พายุไต้ฝุ่น | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (TMD) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 165 กม./ชม. (105 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 930 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 27.46 นิ้วปรอท |
พายุไต้ฝุ่นระดับ 4 | |
1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS/JTWC) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 220 กม./ชม. (140 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 925 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 27.32 นิ้วปรอท |
ผลกระทบ | |
ผู้เสียชีวิต | 97 ราย |
ความเสียหาย | $100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี พ.ศ. 2545 USD) |
พื้นที่ได้รับผลกระทบ | ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เกาหลีเหนือ, ดินแดนปรีมอร์เย |
IBTrACS | |
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2545 |
การวิเคราะห์โครงสร้างจลนพลศาสตร์เคมี และอุณหพลศาสตร์ของพายุไต้ฝุ่นรามสูรอยู่ทางทิศเหนือในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือโดยใช้หน่วยเสียงไมโครเวฟขั้นสูง การดูดซึมข้อมูลรูปแบบสามมิติใช้ในการสังเกตโดยดาวเทียมของโนอา และผลการวิจัยได้พบว่าลักษณะโครงสร้างของพายุสามารถอธิบายได้อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้นจากข้อมูลที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน เช่น การไหลเวียนศูนย์กลางของพายุ และปริมาณน้ำฝนได้รับการพัฒนามากขึ้น เป็นต้น[2]
สายฝนชั้นนอกกำแพงตาของพายุไต้ฝุ่นรามสูรได้ลดปริมาณน้ำฝน ซึ่งช่วยบรรเทาความแห้งแล้งในประเทศจีนได้ แม้ว่าจะมีความเสียหายน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และจังหวัดแห่งหนึ่งในมณฑลเจ้อเจียงได้รับความเสียหายประมาณ 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากส่งผลกระทบต่อประเทศไต้หวัน และประเทศจีน บ้านเรือนในจังหวัดโอกินาวะประมาณ 10,000 หลัง ได้ประสบปัญหาไฟฟ้าดับจากลมแรง พืชผลได้รับความเสียหายเล็กน้อย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย และคลื่นสูงซัดเรือล่มทำให้มีลูกเรือเสียชีวิตประมาณ 2 ราย ในประเทศญี่ปุ่น หลังจากพายุเคลื่อนตัวผ่านไปทางตะวันตกของจังหวัดเชจู จึงทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และเกิดความเสียหายประมาณ 12.8 พันล้านวอน (9.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[3] ความเสียหายโดยรวมประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[nb 4]
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยาของพายุไต้ฝุ่นรามสูร
ก่อนที่พายุไต้ฝุ่นรามสูรจะกระทบประเทศไต้หวัน ชาวไทเปเริ่มเตรียมกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำท่วม และประธานาธิบดีเฉิน ฉุยเปี่ยน สั่งให้กองทัพเตรียมพร้อมเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กําลังประสบปัญหาจากพายุ สำนักงานอุตุนิยมวิทยากลาง (CWB) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับพายุหมุนเขตร้อนทางทะเลในวันที่ 2 กรกฎาคม และกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ยกเลิกบริการเรือข้ามฟาก และจำกัดกิจกรรมทางน้ำในอุทยานแห่งชาติเขิ่นติง
ขณะที่พายุไต้ฝุ่นรามสูรกำลังเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลมมรสุมเริ่มมีกำลังแรงมากขึ้น จึงทำให้เกิดฝนตกหนัก และน้ำท่วมขัง มีรายงานดินถล่มหลายครั้ง และประชาชนมากกว่าประมาณ 3,000 คน ได้อพยพออกจากบ้านเรือน พายุได้คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 85 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 45 ราย และความเสียหายโดยรวมประมาณ 522 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (10.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[6]
หลังจากที่เกิดภัยแล้งมาอย่างยาวนาน ซึ่งส่งผลกระทบให้มีการจำกัดการใช้น้ำประปาเป็นเวลา 2 เดือน พายุไต้ฝุ่นรามสูรได้ลดปริมาณน้ำฝนลงทั่วประเทศไต้หวัน ปริมาณน้ำฝนในเทศมณฑลเหมียวลี่มีประมาณ 681 มิลลิเมตร (26.8 นิ้ว) ซึ่งมีมากที่สุดในทั่วประเทศ[7] ฝนตกหนักทำให้เกิดดินถล่มใน 2 หมู่บ้าน แม้ว่าความเสียหายจะมีเพียงเล็กน้อย น้ำประปาถูกงดการใช้งานชั่วคราวทั่วประเทศยกเว้นไทเป ระดับน้ำในเขื่อนเฟยซุย และเขื่อนสือเหมิน ถึงระดับที่จะใกล้เต็มความจุแล้ว
ประเทศจีนกำลังประสบปัญหากับปริมาณน้ำฝนที่มากกว่าปกติ ซึ่งตรงกันข้ามกับสภาพอากาศที่แห้งแล้งในประเทศไต้หวันก่อนหน้านี้ เขื่อนหลายแห่งใกล้จะเต็มความจุเมื่อพายุไต้ฝุ่นรามสูรเคลื่อนตัวเข้าใกล้ภูมิภาค พายุได้ทำให้เกิดฝนตกหนัก 225 มิลลิเมตร (8.9 นิ้ว) ในหนิงปัว และมีความเร็วลมสูงสุด 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (105 ไมล์ต่อชั่วโมง) ทางตะวันออกของมณฑลเจ้อเจียง ท่าอากาศยานนานาชาติซ่างไห่ผู่ตงได้มีการยกเลิกเที่ยวบินประมาณ 200 เที่ยวบิน ทั้งที่กำลังจะออกเดินทาง หรือมาถึง และท่าอากาศยานนานาชาติซ่างไห่หงเฉียวได้มีการยกเลิกเที่ยวบินประมาณ 24 เที่ยวบิน และเที่ยวบินอีกประมาณ 47 เที่ยวบิน ได้ถูกเลื่อนออกไป พายุฝนฟ้าคะนองถล่มเมืองได้คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 5 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 10 ราย เป็นแรงงานอพยพในเซี่ยงไฮ้ ลมแรงพัดอาคารที่กำลังก่อสร้างได้รับความเสียหาย จึงทําให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 44 ราย ในหนานฮุย โรงงานเหล็กได้พังถล่ม และหลังคาบ้านชั่วคราวสำหรับแรงงานอพยพในเป่าชานก็ได้พังยับเยิน ต้นไม้ริมถนนโค่นล้มลงไปประมาณ 270 ต้น ทั้ง ๆ ที่หน่วยงานจัดสวนในท้องถิ่น และดำเนินการเพื่อเสริมสร้างการรองรับต้นไม้ริมถนนหลาย 1,000 ต้น
หญิงวัยผู้สูงอายุ 1 ราย เสียชีวิตจากถูกลมกระโชกแรงพัดถล่มกำแพงในจงหมิงทางตอนเหนือของเซี่ยงไฮ้ และพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 333 เฮกตาร์ ได้รับความเสียหายจากลมแรง นอกจากนี้ ต้นไม้ตามถนนในหนานฮุยโค่นล้มลงไปประมาณ 165 ต้น และเสาไฟฟ้าโค่นล้มลงประมาณ 50 ต้น จึงทำให้ไฟฟ้าดับในมณฑลเจ้อเจียง หรือตามแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของเซี่ยงไฮ้ และเกิดน้ำท่วมทำให้ผู้คนประมาณ 2,700 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไป ความเสียหายทางการเกษตร และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในมณฑลเจ้อเจียงประมาณ 611 ล้านหยวนจีน (85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ตาม ความเสียหายจะมีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นรามสูรเคลื่อนตัวอยู่นอกชายฝั่ง การสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยตรงอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านหยวนจีน (97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าผู้ที่อยู่อาศัยได้สูญหายไป 2 ราย
พายุไต้ฝุ่นรามสูรได้พัดถล่มมิยาโกจิมะทางตะวันตกใกล้จังหวัดโอกินาวะด้วยความเร็วลมสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (105 ไมล์ต่อชั่วโมง) และในกำแพงตาพายุมีลมแรงอยู่ที่ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (60 ไมล์ต่อชั่วโมง) มีรายงานความเร็วลมในบริเวณเกาะใกล้กับจังหวัดโอกินาวะอยู่ที่ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (55 ไมล์ต่อชั่วโมง) พายุได้คร่าชีวิตลูกเรือของกองทัพเรือสหรัฐไปประมาณ 2 ราย จากคลื่นลมแรง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 2 ราย ในประเทศญี่ปุ่น บ้านเรือนประมาณ 10,000 หลัง ได้ประสบปัญหาไฟฟ้าดับในจังหวัดโอกินาวะ และมีรายงานการเกิดดินถล่มอย่างน้อย 1 ฉบับ สถานีอุตุนิยมวิทยาในจังหวัดมิยาซากิได้รายงานปริมาณน้ำฝนสูงสุดที่เกี่ยวข้องกับพายุไต้ฝุ่นรามสูรรวมเป็นประมาณ 290 มิลลิเมตร (11 นิ้ว)[8] พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายในประเทศญี่ปุ่นโดยรวมประมาณ 896 ล้านเยน (4.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[9][10] การคุกคามของพายุทำให้เจ้าหน้าที่สายการบินได้ทำการยกเลิกเที่ยวบินประมาณ 61 เที่ยวบิน และรถโดยสารในนาฮะถูกระงับการใช้บริการชั่วคราว[11]
พายุไต้ฝุ่นรามสูรได้เคลื่อนตัวผ่านเป็นระยะทางสั้น ๆ ทางตะวันตกของจังหวัดเชจู ซึ่งเป็นเกาะนอกชายฝั่งประเทศเกาหลีใต้[12] เจ้าหน้าที่สายการบินได้ทำการยกเลิกเที่ยวบินประมาณ 167 เที่ยวบิน และเจ้าหน้าที่จำกัดการเข้าถึงอุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน และสวนสาธารณะทั้งหมดก่อนที่พายุกำลังจะมา ปริมาณน้ำฝนจากพายุได้ลดลงไปอยู่ที่ประมาณ 300 มิลลิเมตร (12 นิ้ว) เรือได้รับความเสียหายประมาณ 7 ลำ และถนนหลายสายถูกน้ำท่วม พายุไต้ฝุ่นรามสูรได้คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 3 ราย รวมทั้งเด็กชาย 1 ราย ที่ถูกคลื่นสูงซัดออกจากนอกชายฝั่ง และเกิดความเสียหายในประเทศเกาหลีใต้โดยรวมประมาณ 13.6 พันล้านวอน (9.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทรัพย์สินทางการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย เช่น ต้นข้าว และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น และฝนตกลงมาสู่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศเกาหลีเหนืออีกด้วย
รัสเซียตะวันออกไกลได้รับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนในเวลาเพียง 2 วัน จากพายุหมุนนอกเขตร้อน และในส่วนของดินแดนปรีมอร์เยเกิดน้ำท่วมตามถนน และแม่น้ำ
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.