คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ตึกหุ่นยนต์
อาคารสำนักงานรูปร่างคล้ายหุ่นยนต์ในเขตสาทร จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ธนาคารยูโอบี สำนักสาทร หรือ ตึกหุ่นยนต์ (อังกฤษ: Robot Building) เป็นอาคารสำนักงานของธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มีความสูง 20 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร เดิมอาคารแห่งนี้เป็นของธนาคารเอเซีย แต่เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อจึงถูกขายให้กับธนาคารยูโอบีในปี พ.ศ. 2548 และได้ใช้เป็นสำนักงานหลักจนถึงปี พ.ศ. 2565 เพื่อปรับปรุงอาคารใหม่
Remove ads
ตึกหุ่นยนต์ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2529 ได้รับการออกแบบโดย สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ซึ่งเขาใช้แนวคิดทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่สะท้อนความทันสมัยของธนาคาร โดยใช้ภาพลักษณ์ของหุ่นยนต์เป็นตัวแทนแนวคิดดังกล่าว ตึกหุ่นยนต์ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างอาคารสมัยใหม่ที่ใช้แนวคิดสถาปัตยกรรมแบบโพสต์โมเดิร์น ยุคแรก ๆ ของไทย จุดเด่นของแนวคิดนี้ดังกล่าวคือการเพิ่มองค์ประกอบที่ส่งเสริมเอกลักษณ์ให้กับอาคารสมัยใหม่เพื่อให้จดจำได้ง่าย และสะท้อนแนวคิดที่สอดคล้องไปกับอัตลักษณ์ของเจ้าของอาคาร เนื่องจากอาคารสมัยใหม่โดยทั่วไปในสมัยนั้นมักนิยมแต่เพียงการใช้สอย (function) ภายในอาคารเป็นหลัก
ตึกหุ่นยนต์ ได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของอาคารยุคโมเดิร์นที่มีชื่อเสียงที่สุดเคียงคู่กับตึกช้าง ที่ได้รับการออกแบบโดยองอาจ สาตรพันธุ์ ตึกหุ่นยนต์ยังได้รับเลือกจากพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัย นครลอสแอนเจลิส ให้เป็นหนึ่งใน 50 อาคารที่สมบูรณ์แห่งศตวรรษ[3]
Remove ads
การออกแบบ
สรุป
มุมมอง
แรกเริ่ม ดร.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ออกแบบอาคารนี้เพื่อเป็นสำนักงานให้กับธนาคารเอเซีย จนกระทั่งเปลี่ยนมือเจ้าของเป็นธนาคารยูโอบีในปี พ.ศ. 2548[1][4] ความเป็นมาของอาคารนี้เริ่มขึ้นจาก ผู้บริหารธนาคารเอเซียในขณะนั้นต้องการอาคารที่สื่อออกถึงยุคสมัยใหม่และโลกแห่งคอมพิวเตอร์ของธนาคาร[1][5] ซึ่งสุเมธ ได้แรงบันดาลใจมาจากของเล่นของบุตรชาย[6]
ดร.สุเมธ ออกแบบอาคารที่แสดงถึงการต่อต้านงานโพสต์โมเดิร์น ที่ถือเป็นช่วงนิยมในขณะนั้น รวมไปถึงแบบสถาปัตยกรรมฟื้นฟูแนวคลาสสิกและไฮเทค ที่แฝงในงานออกแบบที่ศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติฌอร์ฌ ปงปีดู[7] ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แต่ถึงอย่างไรก็ดีในช่วงแรกๆ ดร.สุเมธ ก็เคยยกย่องงานโพสต์โมเดิร์น ที่ต่อต้านความแข็งกระด้าง เคร่งครัด และเรียบๆ ในงานสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น เขาได้กล่าวว่ามันเป็น "การต่อต้านที่แสวงหาการแทนที่เดิม แต่ปราศจากซึ่งความต้องการ การแทนที่"[8] ดร.สุเมธ ได้ละทิ้งงานแบบฟื้นฟูคลาสสิกไปในช่วงทศวรรษที่ 1980 ที่เขาวิจารณ์ว่ามันคือ "หมวดหมู่แห่งการไร้ซึ่งความหมายในลวดลายสถาปัตยกรรม" ต่อมาเขาก็ทิ้งงานแนวไฮเทค ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ปราศจากอนาคต[9]
อาคารก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2529 ใช้เงินก่อสร้างทั้งหมด 300 ล้านบาท[1][2] และช่วงกลางทศวรรษที่ 80 สถาปัตยกรรมสมัยใหม่ หรือ แบบโมเดิร์น ได้ค่อยๆหายไปในกรุงเทพมหานคร อาคารนี้จึงถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างสุดท้ายของรูปแบบโมเดิร์นในกรุงเทพมหานคร[10]
Remove ads
การปรับปรุง
สรุป
มุมมอง

ในปี พ.ศ. 2566 มีการค้นพบว่าอาคารกำลังอยู่ภายใต้การปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยมีการก่อสร้างที่รวมถึงการปรับสภาพลักษณะภายนอกของอาคาร เนื่องด้วยภาพการออกแบบสุดท้ายสำหรับแผนการปรับปรุงไม่เคยถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทำให้การปรับปรุงสร้างความกังวลว่าอาจทำลายลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของอาคารไป[11] มีการยื่นข้อเสนอบนเว็บไซต์ Change.org เพื่อให้เจ้าของอาคาร ซึ่งคือธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ทำการทบทวนแผนการปรับปรุงอาคาร และให้คงสภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของอาคารไว้ดังเดิม[12] สถาปนิกของอาคาร สุมเมธ ชุมสาย ยังได้ติดต่อเป็นการส่วนตัวไปยังยูโอบีเพื่อให้ทบทวนแผนและแสดงความกังวลเช่นกัน[13] สุเมธกังวลอย่างยิ่งต่อการปรับปรุงอาคารในครั้งนี้ และในบทสัมภาษณ์กับ บางกอกโพสต์ เขาระบุว่าผลงานการออกเป็นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เป็นไปได้ว่าจะกลายสภาพมาเป็น "ก็แค่ตึกสำนักงานอีกตึกหนึ่ง"[12] ในอีเมลกับ CNN เขาบรรยายว่าการปรับปรุงนี้เป็น "การทำลายรูปหน้า" (defacement) ที่แสดงให้เห็นถึง "ความไม่รู้และความดื้อรั้นของบริษัทยักษ์ใหญ่"[13] ยูโอบีออกคำแถลงการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการปรับปรุงนี้ไว้ว่าจะเป็นการพาอาคาร "เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ในขณะเดียวกันก็ยังคงแสดงความเคารพต่อรากเหง้าของอาคาร"[13] และได้ผ่าน "การวางแผนมาอย่างระมัดระวังให้สมดุลระหว่างการแปรสภาพให้ใหม่ขึ้น และการเคารพซึ่งลักษณะโครงสร้างเดิมของอาคาร"[11] การปรับปรุงคาดว่าจะเสร็จสมบูณณ์ในปี พ.ศ. 2568[11]
Remove ads
ลักษณะอาคาร
สรุป
มุมมอง

อาคารสูง 20 ชั้น และมีพื้นที่ทั้งหมด 23,506 m² (253,016 ft²).[1][4] ด้วยชั้นที่สูงขึ้นลดระดับลงเรื่อยๆ (Setback) ในชั้นที่ 4 8 12 16 และ 18 ซึ่งนับว่าเป็นการออกแบบอาคารอย่างแนบเนียนกับข้อกฎหมายผังเมืองในตัวเมืองที่ต้องมีถอยร่นจากถนน ซึ่งสุเมธใช้การทำ เซตแบ็ก ตามมุม 18 องศาถอยร่นจากแนวเส้นขอบพอดี[14] ในอาคาร ชั้นแรกมีความสูงเท่ากับตึกสองชั้น ซึ่งเป็นส่วนของโถงต้อนรับ[15] ด้านการตกแต่งภายใน ในส่วนของโถง เกิดจากความร่วมมือของบริษัทต่างๆ รวมแล้ว 7 บริษัท โดยยังคงสื่อถึงความเป็นหุ่นยนต์ตามที่สุเมธได้วางแนวคิดไว้ และยังมีรูปปั้นของ ซึ่งแกะสลักจำนวน 4 รูปโดยทวีชัย นิติประภา ศิลปินชาวไทย[16] ในส่วนชั้นลอย ตั้งอยู่ในด้านข้างของโถง ซึ่งประกอบด้วยร้านกาแฟ และห้องประชุม[15] ในชั้นที่สอง ประกอบด้วยโถงอเนกประสงค์ สำนักงาน และห้องฝึกอบรม ส่วนชั้นถัดไป เป็นส่วนของพื้นที่สำนักทั้งหมด[15] ในส่วนของอาคารจอดรถ เป็นอาคารแปดชั้นตั้งอยู่ด้านหลังอาคารหลัก[1]
ภายนอกอาคารมีรูปลักษณ์แบบหุ่นยนต์ แม้ว่าจุดประสงค์หลักคือเพื่อตอบสนองการใช้งานก็ตาม[17] ซึ่งได้แก่เสาอากาศ 2 ต้นใหญ่ บนดาดฟ้าของอาคาร ซึ่งใช้เพื่อการติดต่อสื่อสารและเป็นสายล่อฟ้าควบคู่กัน[15] ในส่วนเปลือกอาคาร (Facade) ข้างบน เป็นส่วนของห้องประชุมหลักและห้องรับประทานอาหารของผู้บริหาร ประกอบด้วยดวงตาสองดวงขนาด 6 m (19.7 ft) ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน้าต่าง.[16] กระจกในดวงตานั้น ใช้วัสดุเป็นกระจกสะท้อนแสง โดยมีฝาครอบกระจกทำเป็นบานเกล็ดโลหะ ลูกน็อตที่ประดับตกแต่งข้างอาคาร ทำจากคอนกรีตเสริมเหล็กแก้ว โดยลูกน็อตที่ใหญ่ที่สุดมีขนาด 3.8 m (12.5 ft) จำนวนสองข้าง ซึ่งทำให้กลายเป็นลูกน็อตที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น[16] ในส่วนผนังด้านตะวันออกและตก (ด้านข้างหุ่นยนต์) ซึ่งเจาะช่องเปิดน้อยมาก ซึ่งเป็นการป้องกันแดดกลางวันได้อย่างดี รวมถึงเป็นการลดใช้พลังงานในอาคารลงอีกด้วย และส่วนด้านทิศเหนือและใต้ (ด้านหน้าและหลังอาคาร) ใช้กระจกพ่นสีน้ำเงินสว่าง ซึ่งเป็นตัวแทนของธนาคารเอเซีย[1]
การจดจำ
ตึกหุ่นยนต์ได้รับเลือกจากพิพิทธภัณฑ์ร่วมสมัย นครลอสแอนเจลิส ให้เป็นหนึ่งใน 50 อาคารที่สมบูรณ์แห่งศตวรรษ[3] อาคารยังส่งผลให้ ดร.สุเมธ ได้รับรางวัลจากบัณฑิตยสภาสถาปัตยกรรมและการออกแบบแห่งชิคาโก (Athenaeum Museum of Architecture and Design) ซึ่งเป็นรางวัลที่คนไทยรับเป็นคนแรก[18] อ้างอิงจากหนังสือ Encyclopedia of 20th Century Architecture ของนายสตีเฟน เซนนอตต์ ได้ระบุอาคารนี้ว่า "เป็นการยกระดับงานสถาปัตยกรรมไทยให้ได้รับความจดจำไปทั่วโลก" [19]
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads