Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ดาวเทียมสำรวจโลกคือดาวเทียมที่ออกแบบมาเพื่อ หรือใช้สำหรับสำรวจโลกจากวงโคจร ซึ่งรวมถึงดาวเทียมสอดแนมและอื่น ๆ ที่ใช้สำหรับกิจการพลเรือน เช่น การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม อุตุนิยมวิทยา การทำแผนที่ เป็นต้น
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
ดาวเทียมที่พบมากที่สุดคือดาวเทียมถ่ายภาพโลก ซึ่งถ่ายภาพทางดาวเทียมคล้ายกับการถ่ายภาพทางอากาศ แต่ดาวเทียมสำรวจโลกบางดวงอาจใช้วิธีการรับรู้จากระยะไกลโดยไม่สร้างรูปภาพขึ้นมา เช่น GNSS radio occultation
ดาวเทียมสำรวจด้วยการรับรู้จากระยะไกลเกิดขึ้นครั้งแรกพร้อม ๆ กับการปล่อยดาวเทียมครั้งแรก คือ สปุตนิก 1 ของสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1957 (พ.ศ. 2500)[1] โดยสปุตนิก 1 ส่งคลื่นวิทยุกลับมาบนโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ใช้ศึกษาไอโอโนสเฟียร์[2] สำหรับสหรัฐอเมริกา นาซาได้ปล่อยดาวเทียมดวงแรกของอเมริกา คือ en:Explorer 1 เมื่อวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1958 (พ.ศ. 2501) ซึ่งข้อมูลที่ดาวเทียมส่งกลับมาจากเครื่องตรวจจับรังสีทำให้เกิดการค้นพบแถบรังสีแวนอัลเลนขึ้น[3] และดาวเทียม TIROS-1 ที่ปล่อยเมื่อวันที่ 1 เมษายน ค.ศ. 1960 (พ.ศ. 2503) ภายใต้โครงการ Television Infrared Observation Satellite (TIROS) ของนาซา ส่งภาพโทรทัศน์ของรูปแบบสภาพอากาศจากอวกาศลงมาครั้งแรก[1]
จากข้อมูลเมื่อ พ.ศ. 2551[update] ในวงโคจรของโลกมีเคยดาวเทียมสำรวจมากกว่า 150 ดวงที่เก็บข้อมูลผ่านเครื่องตรวจจับข้อมูลและรับข้อมูลมากกว่า 10 terabits ทุกวัน[1]
ดาวเทียมสำรวจโลกส่วนมากจะมีเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการทำงานที่ความสูงอยู่ระดับต่ำ แต่จะหลีกเลี่ยงความสูงที่ต่ำกว่า 500-600 กิโลเมตรเพราะมีแรงต้านสสารที่มากในความสูงระดับต่ำมาก ทำให้ต้องมีการดันความสูงวงโคจรอยู่บ่อยครั้ง เช่น
ดาวเทียมสำรวจต้องอยู่ที่วงโคจรต่ำและวงโคจรผ่านขั้วโลกเพื่อที่จะให้ครอบคลุม(เกือบ)ทั่วโลก วงโคจรที่ต่ำจะมีคาบการโคจรประมาณ 100 นาทีและในระหว่างนั้นโลกก็หมุนไป 25° ทำให้เส้นทางของดาวเทียมเทียบกับเส้นทางในวงโคจรรอบที่แล้วรอบก่อนขยับไปทางทิศตะวันตก 25° องศาด้วย และทำให้การติดตามยานอวกาศทางภาคพื้นดินเลื่อนไปทางทิศตะวันตก 25° องศา และดาวเทียมส่วนมากจะอยู่ในวงโคจรสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์
ยานอวกาศที่มีเครื่องมือสำหรับความสูงที่ 36,000 กิโลเมตรอาจใช้วงโคจรค้างฟ้าแทน ซึ่งวงโคจรระดับนี้ทำให้สามารถเห็นโลกได้มากกว่า 1/3 โดยไม่ถูกขัดจังหวะ ทำให้ยานอวกาศในวงโคจรค้างฟ้า 3 ดวงที่อยู่ห่างกัน 120° สามารถครอบคลุมได้เกือบทั้งโลกยกเว้นส่วนขั้วโลก และดาวเทียมสำรวจสภาพอากาศส่วนมากจะใช้วงโคจรนี้
Herman Potočnik ศึกษาความคิดในการใช้ยานอวกาศสำหรับการสำรวจภาคพื้นดินอย่างละเอียดทั้งในการทหารและการพลเรือนในหนังสือ The Problem of Space Travel โดยเขาอธิบายว่าสภาพของอวกาศอาจมีประโยชน์ต่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์ได้ และหนังสือได้อธิบายดาวเทียมค้างฟ้า (ถูกกล่าวถึงครั้งแรกโดย Konstantin Tsiolkovsky) และอธิบายการสื่อสารระหว่างกันด้วยวิทยุ แต่มิได้คำนึงถึงการใช้ดาวเทียมในการส่งข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเป็นตัวถ่ายทอดข้อมูลโทรคมนาคม[6]
ดาวเทียมสำรวจสภาพอากาศคือดาวเทียมที่ตรวจสอบลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศเป็นหลัก[7] ดาวเทียมเหล่านี้มิได้แค่สังเกตเมฆอย่างเดียว แต่ยังสามารถตรวจสอบไฟฟ้าในเมือง ไฟ มลพิษ ออโรรา พายุฝุ่น การปกคลุมของหิมะ ทำแผนที่น้ำแข็งบนพื้นโลก หาขอบเขตของกระแสน้ำมหาสมุทร การเคลื่อนที่ของพลังงาน ฯลฯ
ภาพจากดาวเทียมสำรวจสภาพอากาศยังช่วยในการสังเกตเถ้าภูเขาไฟจากภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์และการปะทุของภูเขาไฟอื่น ๆ เช่น Mount Etna[8] รวมถึงมีการสังเกตการณ์ควันไฟในสหรัฐอเมริกาตะวันตก เช่น ในรัฐโคโลราโด และรัฐยูทาห์
ดาวเทียมด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ สามารถช่วยในการตรวจสอบสภาพแวดล้อมได้โดยการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของพันธุ์พืชบนโลก ปริมาณก๊าซในชั้นบรรยากาศ สถานะของทะเล สีของมหาสมุทร และทุ่งน้ำแข็ง โดยการตรวจสอบความแล้งสามารถทำได้โดยเทียบการเปลี่ยนแปลงของพันธุ์พืชเมื่อเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง[9] เช่น เหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในปีพ.ศ. 2545 ได้ถูกติดตามโดยดาวเทียม ENVISAT ของยุโรป โดยแม้ว่าจะมิใช่ดาวเทียมสำรวจสภาพอากาศ แต่ก็มีเครื่องมือที่สามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงของพื้นทะเลได้ ข้อมูลการปล่อยมลพิษทางมานุษยวิทยาสามารถตรวจสอบได้โดยการประมวลข้อมูล NO2 และ SO2 ในชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์
ดาวเทียมเหล่านี้จะอยู่ในวงโคจรสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์เกือบตลอดเวลา โดยวงโคจรสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์จะใกล้กับวงโคจรผ่านขั้วโลกมากพอที่จะสามารถครอบคลุมได้ทั่วโลก พร้อมกับการที่ได้รับแสงอาทิตย์ตลอดเวลาทำให้เครื่องมือบนดาวเทียมสามารถใช้งานได้ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด
แผนที่ภูมิประเทศสามารถทำจากอวกาศได้โดยใช้ดาวเทียม เช่น Radarsat-1[10] และ TerraSAR-X
ตามข้อกำหนดของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) กิจการสำรวจพิภพผ่านดาวเทียม (หรือ: กิจการวิทยุคมนาคมสำรวจพิภพผ่านดาวเทียม) นั้นเป็นไปตามมาตรา 1.51 ของข้อบังคับวิทยุของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU RR)[11] – ได้ให้คำจำกัดความว่า
กิจการซึ่งรับส่งคลื่นวิทยุระหว่างสถานีภาคพื้นดินและสถานีอวกาศหนึ่งสถานีหรือมากกว่า โดยอาจจะรวมไปถึงการเชื่อมโยงระหว่างสถานีอาวกาศ เพื่อการรับส่งข่าสาร ดังนี้
- ข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะของโลกและปรากฎการณ์ทางธรรมชาติของโลก รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสภาพของสิ่งแวดล้อมที่ได้มาจากเซ็นเซอร์ทั้งแบบพาสซีฟหรือแอคทีฟบนดาวเทียม
- ข้อมูลดังกล่าวผ่านอากาศยานหรือจากภาคพื้นดิน
- ข้อมูลดังกล่าวอาจถูกแจกจ่ายไปยังสถานีภาคพื้นดินด้วยระบบที่เกี่ยวข้อง
- โดยอาจจะรวมไปถึงการพูดคุยสอบถามกันด้วย
กิจการนี้อาจจะรวมไปถึงเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างโลกและอวกาศ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำเนินกิจการ
กิจการวิทยุคมนาคมนี้จัดอยู่ในข้อบังคับวิทยุฯ มาตรา 1 ดังนี้
การจัดสรรความถี่วิทยุนั้น ถูกกำหนดตามมาตรา 5 ของข้อบังคับวิทยุของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (เพิ่มเติมปี พ.ศ. 2555)[12]
ในการปรับปรุงการใช้งานความถี่ร่วมกัน การจัดสรรของกิจการต่าง ๆ ส่วนใหญ่ที่มีการระบุไว้ในเอกสารได้ถูกรวบรวมไว้ในตารางการจัดสรรคลื่นความถี่ และการจัดสรรความถี่ระดับชาติ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานที่กำกับดูแลการใช้ความถี่ของชาตินั้น ๆ โดยอาจจะกำหนดให้เป็นความถี่หลัก ความถีรอง ความถี่พิเศษ และความถี่ที่ใช้ร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม การใช้งานความถี่ในทางการทหารบนย่านความถี่ที่ใช้งานสำหรับพลเรือน จะเป็นไปตามข้อบังคับวิทยุของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ
การจัดสรรกิจการ | ||
เขตภูมิภาคที่ 1 | เขตภูมิภาคที่ 2 | เขตภูมิภาคที่ 3 |
401-402 MHz กิจการช่วยอุตุนิยมวิทยา
| ||
13.4-13.75 GHz กิจการสำรวจพิภพผ่านดาวเทียม (ใช้งาน)
| ||
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.