ซลาตัน อิบราฮีมอวิช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ซลาตัน อิบราฮีมอวิช

ซลาตัน อิบราฮีมอวิช (บอสเนีย-โครเอเชีย-มอนเตเนโกร-เซอร์เบีย: Zlatan Ibrahimović, ภาษาสวีเดน: [ˈslǎːtan ɪbraˈhǐːmʊvɪtɕ], ภาษาบอสเนีย: [zlǎtan ibraxǐːmoʋitɕ]; เกิด 3 ตุลาคม ค.ศ. 1981) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวสวีเดนเชื้อสายบอสเนียและโครเอเชีย[3] เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า ได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดตลอดกาล และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลชายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยชนะเลิศถ้วยรางวัล 34 รายการ เขาทำประตูในการแข่งขันทางการมากถึง 570 ประตู โดยในจำนวน 500 ประตูนี้เป็นการทำประตูในระดับสโมสร และทำประตูในการแข่งขันทางการได้ 4 ทศวรรษติดต่อกันตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ถึง 2020 เขามีจุดเด่นในด้านการทำประตูผาดโผน เช่น ลูกยิงจักรยานอากาศ และ การทำประตูจากการยิงลูกวอลเลย์ รวมทั้งเทคนิคการเล่นอันเหนือชั้น, การควบคุมลูกบอล และความแข็งแรงของร่างกาย

ข้อมูลเบื้องต้น ข้อมูลส่วนตัว, ชื่อเต็ม ...
ซลาตัน อิบราฮีมอวิช
Thumb
อิบราฮีมอวิชใน ค.ศ. 2018
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม ซลาตัน อิบราฮีมอวิช[1]
วันเกิด (1981-10-03) 3 ตุลาคม ค.ศ. 1981 (43 ปี)[1]
สถานที่เกิด มัลเมอ ประเทศสวีเดน
ส่วนสูง 1.95 เมตร (6 ฟุต 5 นิ้ว)[2]
ตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้า
สโมสรเยาวชน
1989–1991 มัลเมอบีอี
1991–1995 บัลคาน
1995–1999 มัลเมอ
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1999–2001 มัลเมอ 40 (16)
2001–2004 อายักซ์ 74 (35)
2004–2006 ยูเวนตุส 70 (23)
2006–2009 อินเตอร์มิลาน 88 (57)
2009–2011 บาร์เซโลนา 29 (16)
2010–2011มิลาน (ยืมตัว) 29 (14)
2011–2012 มิลาน 32 (28)
2012–2016 ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง 122 (113)
2016–2018 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 33 (17)
2018–2019 แอลเอ แกลักซี 58 (53)
2020–2023 มิลาน 64 (34)
รวม 637 (405)
ทีมชาติ
1999 สวีเดน อายุไม่เกิน 18 ปี 4 (1)
2001 สวีเดน อายุไม่เกิน 21 ปี 7 (6)
2001–2023 สวีเดน 121 (62)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 2023 (UTC)
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 21:41, 29 มีนาคม ค.ศ. 2022 (UTC)
ปิด

อิบราฮีมอวิชเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับมัลเมอ เอฟเอฟ ใน ค.ศ. 1999 และย้ายร่วมทีมอาเอฟเซ อายักซ์ในอีกสองฤดูกาลต่อมา ซึ่งที่นี่เองที่เขายกระดับการเล่นของตนเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามองที่สุดในยุโรป โดยมีส่วนสำคัญพาทีมชนะการแข่งขันลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์อย่างฟุตบอลเอเรอดีวีซี 2 สมัย ต่อมา เขาย้ายร่วมทีมยูเวนตุสในเซเรียอา และลงเล่นเป็นเวลาสองฤดูกาลก่อนย้ายไปร่วมทีมคู่แข่งอย่างอินเตอร์มิลาน ซึ่งเขาคว้าแชมป์เซเรียอาติดต่อกัน 3 สมัย และในช่วงเวลานั้นเองที่ชื่อเสียงของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขาเป็นที่สนใจของสโมสรใหญ่ และตามมาด้วยการย้ายร่วมทีมบาร์เซโลนาในฤดูร้อน ค.ศ. 2009 ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่มีค่าตัวสูงที่สุดตลอดกาล ซึ่งเขาคว้าแชมป์ได้ 5 รายการรวมถึงแชมป์ลาลิกา, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และ ยูฟ่าซูเปอร์คัพ แต่จากปัญหาในการปรับตัว และการเล่นที่ไม่เข้ากับระบบทีม เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งฤดูกาลในสเปน ก่อนจะย้ายกลับสู่อิตาลีอีกครั้งเพื่อร่วมทีมเอซีมิลาน และชนะเลิศการแข่งขันเซเรียอาในฤดูกาลแรกที่ย้ายร่วมทีม

เขาย้ายร่วมทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็งใน ค.ศ. 2012 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิงได้เป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี และก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่โด่งดังและมีอิทธิพลสูงที่สุดในวงการฟุตบอลฝรั่งเศส[4] ตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาลที่ฝรั่งเศส อิบราฮีมอวิชคว้าแชมป์ลีกเอิง 4 สมัยติดต่อกัน รวมทั้งแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศอีก 7 รายการ และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในฟุตบอลลีกเอิงจำนวน 3 ฤดูกาล รวมถึงกลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสรในขณะนั้น (156 ประตู) และในปัจจุบันเขายังครองสถิติผู้ทำประตูสูงสุดอันดับสามของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง เขาย้ายไปแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดหลังหมดสัญญาใน ค.ศ. 2016 และชนะเลิศฟุตบอลถ้วยสามรายการในฤดูกาลแรก ได้แก่ เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ 2016, ยูฟ่ายูโรปาลีก และ อีเอฟแอลคัพ ฤดูกาล 2016–17 ภายหลังประสบปัญหาการบาดเจ็บ เขาอำลาสโมสรและย้ายไปร่วมทีมแอลเอ แกลักซีใน ค.ศ. 2018 และทำได้มากกว่า 50 ประตูตลอดเวลาสองฤดูกาล เขาย้ายกลับสู่อิตาลีอีกครั้งกับเอซีมิลาน และคว้าแชมป์เซเรียอาครั้งที่ 5 ในอาชีพใน ค.ศ. 2022[5] และประกาศเลิกเล่นอาชีพในปีต่อมา

อิบราฮีมอวิชเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดผู้เล่นที่ลงสนามให้ทีมชาติสวีเดนครบ 100 นัด ตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษที่ลงเล่น เขากลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสวีเดนจำนวน 62 ประตู และมีส่วนร่วมในรายการระดับเมเจอร์หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก 2002, ฟุตบอลโลก 2006 และฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปอีก 4 ครั้ง (ค.ศ. 2004, 2008, 2012 และ 2016) เขาได้รับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำ หรือผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของสวีเดนเป็นสถิติสูงสุด 12 ครั้ง โดยเป็นการคว้ารางวัล 10 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ ค.ศ. 2007–2016 นอกจากนี้ ประตูจากลูกยิงจักรยานอากาศที่เขาทำได้ในนัดที่แข่งกับอังกฤษยังได้รับรางวัลปุชกาชของฟีฟ่าในฐานะประตูยอดเยี่ยมใน ค.ศ. 2013[6] และเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล เขายังเป็นที่จดจำจากการทำประตูอย่างสวยงามอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป[7]

อิบราฮีมอวิชได้รับเกียรติประวัติส่วนตัวมากมาย เขามีชื่ออยู่ในฟีฟ่าฟิฟโปร หรือ 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมของโลกใน ค.ศ. 2013 รวมทั้งมีชื่อในทีมแห่งปีของยูฟ่า 4 ครั้ง (ค.ศ. 2007, 2009, 2013 และ 2014) และอันดับ 4 ในการประกาศรางวัลฟีฟ่าบาลงดอร์ 2013 ต่อมาใน ค.ศ. 2015 สหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรปยกย่องเขาในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลที่ไม่เคยคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก[8] รวมทั้งการยกย่องจากนิตยสารโฟร์โฟร์ทู ให้เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดอันดับสามตลอดกาลที่ไม่เคยชนะเลิศการแข่งขันรายการนี้[9] เขายังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักกีฬาชาวสวีเดนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยใน ค.ศ. 2014 หนังสือพิมพ์ในประเทศอย่าง Dagens Nyheter ยกย่องให้เขาเป็นนักกีฬาชาวสวีเดนที่ยอดเยี่ยมเป็นอันดับสอง ต่อจากตำนานนักเทนนิสอย่างบิยอร์น บอร์ก[10] เขายังมีชือเสียงจากการมีวาทกรรมที่คมคาย ในการให้สัมภาษณ์สื่อรวมทั้งการวิจารณ์ฝ่ายตรงข้ามหรือแม้แต่เพื่อนร่วมทีม และมักเรียกตนเองต่อหน้าคู่สนทนาว่าเป็น "The God" หรือผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด[11]

เกียรติประวัติ

สรุป
มุมมอง

รางวัลระดับสโมสร

อาเอฟเซ อายักซ์[12]

ยูเวนตุส

อินแตร์นาซีโอนาเลมีลาโน

บาร์เซโลนา

เอซี มิลาน

ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

รางวัลส่วนบุคคล

Thumb
อิบราฮีมอวิช ในชุดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เมื่อเดือนกันยายน 2016

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.