การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. (อังกฤษ: Electricity Generating Authority of Thailand, EGAT) เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงพลังงาน มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าใช้ภายในประเทศไทย

ข้อมูลเบื้องต้น ชื่อทางการค้า, ชื่อท้องถิ่น ...
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ชื่อทางการค้า
กฟผ.
ชื่อท้องถิ่น
Electricity Generating Authority of Thailand
ประเภทรัฐวิสาหกิจ
อุตสาหกรรม
ก่อนหน้า
  • การไฟฟ้ายันฮี
  • การลิกไนท์
  • การไฟฟ้าตะวันออกเฉียงเหนือ
ก่อตั้ง1 พฤษภาคม พ.ศ. 2512; 55 ปีก่อน (2512-05-01)[1]
สำนักงานใหญ่เลขที่ 53 หมู่ที่ 2 ถนนจรัญสนิทวงศ์ ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130
จำนวนที่ตั้งโรงไฟฟ้า 8 แห่ง
พื้นที่ให้บริการทั่วราชอาณาจักร
บุคลากรหลัก
ผลิตภัณฑ์
บริการ
  • การผลิตไฟฟ้า
  • การจำหน่ายไฟฟ้า
  • การรับซื้อไฟฟ้า
  • การส่งไฟฟ้า
รายได้ 27,066 ล้านบาท
(พ.ศ. 2566)[2]
รายได้จากการดำเนินงาน
742,661 ล้านบาท
(พ.ศ. 2566)[2]
รายได้สุทธิ
48,923 ล้านบาท
(พ.ศ. 2566)[2]
สินทรัพย์ 1,331,144 ล้านบาท
(พ.ศ. 2566)[2]
ส่วนของผู้ถือหุ้น 568,684 ล้านบาท
(พ.ศ. 2566)[2]
เจ้าของกระทรวงการคลัง (100.00 %)
พนักงาน
15,317 คน (พ.ศ. 2566)[2]
บริษัทแม่กระทรวงพลังงาน
แผนก
  • ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น
  • อินโนพาวเวอร์
  • อินโนสเปซ (ประเทศไทย)
  • พีอี แอลเอ็นจี
บริษัทในเครือ
เว็บไซต์www.egat.co.th
ปิด

ในปี 2564 กฟผ. มีรายได้ 556,331 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 59,000 ล้านบาท มีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร 374,525 ล้านบาท[3]

ในสิ้นปี 2565 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นรัฐวิสาหกิจที่นำส่งรายได้แผ่นดินสะสมสูงสุด ลำดับที่ 9[4]

ประวัติ

สรุป
มุมมอง
Thumb
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริเวณบางกรวย

จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 โดยการรวมหน่วยงาน ด้านการผลิตและส่งพลังงานไฟฟ้า 3 แห่ง ได้แก่ การไฟฟ้ายันฮี การลิกไนท์ และการไฟฟ้าตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าเป็นหน่วยงานเดียวกัน[5] มีฐานะเป็นนิติบุคคลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2512

พระราชบัญญัติฉบับนี้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2535 มีสาระสำคัญโดยสรุปคือ

  • ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สามารถดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า หรือร่วมทุนกับบุคคลอื่นเพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว และให้มีอำนาจใช้สอยและครอบครองอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสำรวจหาแหล่งพลังงาน ตลอดจนสถานที่สำหรับใช้ในการผลิตหรือพัฒนาพลังงานไฟฟ้า โดยชดใช้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
  • ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขที่เกี่ยวกับคุณภาพไฟฟ้า เทคนิคทางวิศวกรรม และความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า ในกรณีที่เอกชน ประสงค์จะเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
  • กฟผ. มีสิทธิเพิ่มวงเงินในการกู้ยืมและในการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ คณะกรรมการมีอำนาจจำหน่ายทรัพย์สินออกจากบัญชีได้ทุกกรณี โดยไม่จำกัดวงเงินโดยสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ

ส่วนสาระสำคัญที่ยังคงเดิม คือ คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานคณะกรรมการกับกรรมการ (ซึ่งต้องไม่มีตำแหน่งทางการเมือง) และคณะกรรมการเหล่านี้เป็นผู้แต่งตั้งผู้ว่าการ กฟผ. จึงเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีคอยกำกับดูแลให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้

ในวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2537 ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในขณะนั้นให้ กฟผ. เข้าโครงการรัฐวิสาหกิจที่ดี ซึ่งทำให้ กฟผ. มีความคล่องตัวในการบริหารงานได้มากขึ้น

ในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 มีมติคณะรัฐมนตรี แต่งตั้งให้นาย เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ เป็นผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยโดยให้มีผลในวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566 แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่อนุมัติ

หน้าที่

สรุป
มุมมอง
Thumb
กังหันลม กฟผ. ภูเก็ต

กฟผ. มีหน้าที่ในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าแก่ประชาชน โดยผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้ใช้พลังงานไฟฟ้ารายอื่นตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งประเทศใกล้เคียง และดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทางด้านพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนงานอื่น ๆ ที่ส่งเสริมกิจการของ กฟผ. โดยมีนโยบายหลักคือการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน มีระบบไฟฟ้าที่มั่นคงเชื่อถือได้ และราคาเหมาะสม

กฟผ. ยังทำหน้าที่บริหารกิจการและวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 7 ที่กำหนดให้ปรับปรุงโครงสร้างองค์การและการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานให้เป็นเชิงพาณิชย์มากขึ้น ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2535 เรื่องแนวทางการดำเนินงานในอนาคตของ กฟผ. เริ่มจากปี พ.ศ. 2535 สิ้นสุดในปี พ.ศ. 2539 มีเป้าหมายการดำเนินงาน คือ เปลี่ยนแปลง กฟผ. เป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) และกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยรัฐยังคงถือหุ้นใหญ่

กฟผ. ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีมาเป็นลำดับ ได้แก่ การจัดตั้งบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) การออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตรายเล็กและโรงไฟฟ้าเอกชน การเจรจาซื้อขายไฟฟ้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ฯลฯ สำหรับการเปลี่ยน กฟผ. เป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) เป็นให้ กฟผ. จัดตั้งบริษัทย่อยทยอยจดทะเบียนและกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เมื่อมีความพร้อมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 เป็นต้น ไป

กิจการในสังกัด

ข้อวิจารณ์

ในปี 2565 หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ตีพิมพ์บทความวิจารณ์ว่า กฟผ. เป็นผู้ผูกขาดธุรกิจไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่สุดของประเทศและยังเป็นนายหน้าค้าไฟฟ้า ทำให้มีกำไรสูงกว่าผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนอันดับรองลงมา 12 รายรวมกัน โดย กฟผ. เป็นผู้ผูกขาดสายส่งไฟฟ้า จึงมีอำนาจรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตเอกชนมาขายต่อให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง นอกจากนี้ กฟผ. ยังมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 1 ใน 3 ของกำลังผลิต 42,000 เมกะวัตต์ อีกทั้งมีการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่อีก 2 รายจากทั้งหมด 7 ราย[3]

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.