Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คริปโทเคอร์เรนซีวอลเลต (อังกฤษ: cryptocurrency wallet) เป็นที่ที่เก็บกุญแจสาธารณะและกุญแจส่วนตัว ซึ่งสามารถใช้รับหรือจ่ายคริปโทเคอร์เรนซีได้ วอลเลตใบหนึ่งสามารถมีกุญแจสาธารณะและกุญแจส่วนตัวหลายคู่ นี่ไม่เหมือนวอลเลตจริง ๆ ตรงที่ว่า คริปโทเคอร์เรนซีจริง ๆ ไม่ได้อยู่ในวอลเลต เพราะวอลเลตมีแต่กุญแจเป็นคู่ ๆ ดังนั้น จึงอาจจะเรียกได้ชัดเจนกว่าว่า สายคล้องกุญแจ[1] ในกรณีของบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีสกุลอื่น ๆ ที่มาจากมัน คริปโทเคอร์เรนซีเองจะเก็บไว้อย่างกระจายศูนย์ คือบันทึกไว้ในบัญชีแยกประเภทที่เป็นสาธารณะ[2] คริปโทเคอร์เรนซีทุก ๆ หน่วยจะระบุกุญแจสาธารณะของบุคคลที่เป็นเจ้าของ ดังนั้น เพื่อจะบันทึกธุรกรรมใหม่ในบัญชีซึ่งเท่ากับเป็นการใช้คริปโทเคอร์เรนซีที่ว่านั้น ผู้ที่ออกคำสั่งทำธุรกรรมจะต้องมีกุญแจส่วนตัวที่คู่กับกุญแจสาธารณะนั้น[3]
โดยเดือนมกราคม 2018 มีคริปโทเคอร์เรนซีกว่า 1,300 สกุล สกุลแรกซึ่งรู้จักกันดีที่สุดก็คือบิตคอยน์[4]
เมื่อเลือกวอลเลต เจ้าของต้องพิจารณาว่าใครควรจะสามารถเข้าถึงกุญแจส่วนตัว เพราะก็จะสามารถใช้จ่ายคริปโทเคอร์เรนซีที่สัมพันธ์กันได้ คล้ายกับธนาคาร ผู้ใช้ต้องเชื่อใจบุคคล/ซอฟต์แวร์/อุปกรณ์ที่ให้บริการเพื่อรักษาคริปโทเคอร์เรนซีให้ปลอดภัย ซึ่งสามารถไว้ใจอย่างผิดพลาดได้ เช่น ในกรณีของตลาดแลกเปลี่ยน Mt. Gox ในญี่ปุ่น เพราะตลาดได้เสียบิตคอยน์ของตัวเองและของลูกค้ากว่า 650,000 เหรียญ (มูลค่า 480 ล้านเหรียสหรัฐหรือประมาณ 14,942 ล้านบาท) ซึ่งทำให้บริษัทล้มละลายไปในที่สุด[5][6][7]
การดาวน์โหลดคริปโทเคอร์เรนซีวอลเลตจากผู้ให้บริการวอลเลตสู่คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าของจะเป็นผู้เดียวที่มีก๊อปปี้ของกุญแจส่วนตัว ยกตัวอย่างเช่นสำหรับตลาด Coinbase สามารถมีทั้งวอลเลตบนโทรศัพท์และวอลเลตเว็บซึ่งเก็บกุญแจไว้เหมือน ๆ กัน อนึ่ง ซอฟต์แวร์อาจจะมีจุดอ่อนที่รู้หรือยังไม่รู้ เพื่อรับคริปโทเคอร์เรนซี การเข้าถึงวอลเลตเพื่อรับเงินไม่จำเป็น เพราะคนโอนเงินให้เพียงแต่ต้องรู้เลขที่อยู่ปลายทาง และใครก็ได้สามารถส่งเงินไปยังที่อยู่หนึ่ง ๆ แต่บุคคลที่มีกุญแจส่วนตัวซึ่งจับคู่กับที่อยู่นั้นเท่านั้น สามารถใช้เงินนั้นได้[8]
การเก็บสำรองวอลเลตอาจเป็นไปได้ในหลายรูปแบบรวมทั้ง
เมื่อกุญแจส่วนตัวและการเก็บสำรองหายไป คริปโทเคอร์เรนซีที่สัมพันธ์กันนั้นก็จะหายไปจากระบบเงินอย่างถาวร ถ้าใช้วอลเลตเว็บ (webwallet) กุญแจส่วนตัวก็จะจัดการโดยผู้ให้บริการ สำหรับเจ้าของคริปโทเคอร์เรนซี การเลือกคนที่เชื่อใจให้จัดการกุญแจส่วนตัวควรทำอย่างระมัดระวัง ก๊อปปี้ของวอลเลตซึ่งเข้ารหัสลับ ควรเก็บไว้ในสถานที่ที่ไว้ใจได้ โดยควรเลือกเก็บออฟไลน์[8] มีคนที่บันทึกประโยคช่วยจำหรือแม้แต่กุญแจส่วนตัวบนโลหะ เพราะแข็งแรงและทนทาน[9]
วอลเลตบางอย่างสามารถใช้กับคริปโทเคอร์เรนซีหลายสกุล
วอลเลตที่เป็นซอฟต์แวร์มาในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้ง
เพื่อเริ่มหรือพิสูจน์ยืนยันธุรกรรม คริปโทเคอร์เรนซีวอลเลตจึงจะเชื่อมกับลูกข่ายหรือสถานีในเครือข่ายเพื่อดำเนินการตามคำสั่ง มีลูกข่ายหลายประเภทรวมทั้งลูกข่ายสมบูรณ์, ลูกข่ายหัวเรื่องเท่านั้น, thin client, และ mining client (ลูกข่ายขุดหาเหรียญ) บางอย่างสามารถดำเนินการธุรกรรม และบางอย่างก็มีระบบวอลเลตของตนเอง ๆ[11] ลูกข่ายสมบูรณ์จะยืนยันพิสูจน์ธุรกรรมจากก๊อปปี้บล็อกเชนที่มีส่วนตัว[11] ส่วนลูกข่ายที่ไม่มีก๊อปปี้จะต้องสอบถามจากลูกข่ายสมบูรณ์[12]
เมื่อผู้ใช้วอลเลตฮาร์ดแวร์ออกคำสั่งผ่านซอฟต์แวร์ให้จ่ายเงิน ซอฟต์แวร์จะสร้างข้อมูลธุรกรรมแล้วขอให้วอลเลตฮาร์ดแวร์ลงนาม ซึ่งผู้ใช้อาจมีโอกาสยืนยันธุรกรรม แล้วซอฟต์แวร์ก็จะส่งธุรกรรมที่ลงนามแล้วให้เครือข่ายของคริปโทเคอร์เรนซีนั้น ๆ ต่อไป ด้วยวิธีนี้ กุญแจส่วนตัวไม่จำเป็นต้องนำออกเพื่อใช้นอกวอลเลตฮาร์ดแวร์[13]
ถ้าวอลเลตฮาร์ดแวร์ใช้ประโยคช่วยจำสำหรับการสำรองกุญแจ ผู้ใช้ก็ไม่ควรเก็บประโยคไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ควรเขียนไว้แล้วเก็บไว้ต่างหาก ๆ เพราะการเก็บข้อมูลสำรองอิเล็กทรอนิกส์ จะลดระดับความปลอดภัยจนเหลือเท่ากับระดับวอลเลตแบบซอฟต์แวร์ วอลเลตฮาร์ดแวร์เช่น LedgerWallet และ Trezor มีรุ่นที่ผู้ใช้ต้องกดปุ่มหรือแตะวอลเลตเพื่อลงนามให้แก่ธุรกรรม ให้เลขที่อยู่เพื่อโอนเงิน และจำนวนเหรียญ กุญแจส่วนตัวจะคงอยู่อย่างปลอดภัยในวอลเลตฮาร์ดแวร์ และถ้าไม่มีกุญแจส่วนตัว ธุรกรรมที่ได้ลงนามแล้วก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ วอลเลตฮาร์ดแวร์บางอย่างมีจอ (ดูรูป) ที่ผู้ใช้สามารถใส่รหัสเพื่อเปิดวอลเลต และเพื่อให้ตรวจสอบธุรกรรมก่อนจะลงนาม[14][15][16]
วอลเลตใช้ดูอย่างเดียวจะใช้ติดตามธุรกรรมทั้งหมดของเจ้าของ จึงจำเป็นต้องมีกุญแจสาธารณะเท่านั้น ดังนั้น กุญแจส่วนตัวต้องเก็บรักษาไว้ที่อื่น[11]
ด้วยวอลเลตแบบหลายลายเซ็น (multisig/multisignature wallet) ผู้ใช้หลายคนจะต้องลงนามเพื่อจะทำธุรกรรมโอนเงินจากวอลเลตนั้น[17][18][19]
ด้วยวอลเลตสมอง ผู้ใช้จะต้องจำข้อมูลเพื่อสร้างกุญแจส่วนตัวและกุญแจสาธารณะเป็นคู่ ๆ เช่น ประโยคช่วยจำ[20][21]
วอลเลตร้อน (hot wallet) ก็คือวอลเลตที่เชื่อมกับอินเทอร์เน็ตเทียบกับวอลเลตเย็นที่ไม่ได้เชื่อม คริปโทเคอร์เรนซีที่สัมพันธ์กับวอลเลตร้อนสามารถใช้ได้ทุกเวลา ส่วนวอลเลตเย็นต้องเชื่อมกับเน็ตก่อนจะใช้ แต่ตราบที่ยังเชื่อมกับเน็ตอยู่ ก็จะเสี่ยงต่อการทำการไม่ชอบ กล่าวง่าย ๆ ก็คือ วอลเลตซอฟต์แวร์ (เช่นในอุปกรณ์ที่เปิดอยู่ และวอลเลตซอฟต์แวร์ที่กำลังทำงาน) ก็จะจัดเป็นวอลเลตร้อน ส่วนวอลเลตฮาร์ดแวร์ที่ไม่ได้เชื่อมกับเน็ตก็จะจัดว่าวอลเลตเย็น[22]
การเก็บแบบทั้งเย็นทั้งลึก (Deep cold storage) เป็นกระบวนการเก็บคริปโทเคอร์เรนซีในวอลเลตเย็นที่จะไม่มีวันเชื่อมกับอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายใด ๆ ทั้งสิ้น อนึ่ง กุญแจส่วนตัวของระบบนี้จะสร้างขึ้นออฟไลน์ กระบวนการนี้เริ่มได้รับความสนใจเมื่อบริษัท Regal RA DMCC ในดูไบ[23] ซึ่งเป็นบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีที่มีใบอนุญาตบริษัทแรกในตะวันออกกลาง ได้ทำการยิ่ง ๆ ขึ้น โดยเก็บวอลเลตเย็นไว้ในตู้นิรภัยของตึก Almas Tower ที่อยู่ลึกกว่าระดับน้ำทะเล พร้อมกับทองแท่งของบริษัท และให้ประกันสำหรับคริปโทเคอร์เรนซีเต็มมูลค่า
ด้วยวอลเลตแบบกำหนดกุญแจได้ กุญแจตัวเดียวสามารถใช้สร้างคู่กุญแจทั้งหมด (ที่จัดระเบียบเหมือนกันเป็นต้นไม้) คือ กุญแจหลักตัวเดียวนี้ทำหน้าที่เหมือนกับรากต้นไม้ ส่วนประโยคหรือคำช่วยจำที่สร้างขึ้น จะเป็นเพียงวิธีกำหนดกุญแจหลักที่มนุษย์สามารถอ่านได้ เพราะประโยคสามารถเปลี่ยนตามขั้นตอนวิธีให้เป็นกุญแจหลักส่วนตัว คือคำเหล่านั้นตามลำดับ จะเปลี่ยนเป็นกุญแจหลักอันเดียวกันเสมอ วลีหนึ่งอาจจะมีคำ 24 คำ เช่น begin friend black earth beauty praise pride refuse horror believe relief gospel end destroy champion build better awesome
กุญแจหลักอันเดียวกันนั้น ไม่ได้ใช้เป็นกุญแจส่วนตัวสำหรับกุญแจทุกคู่ แต่ใช้สำหรับสร้างคู่กุญแจเหล่านั้น ดังนั้น ที่อยู่ทุกตัวเลข ก็จะยังมีกุญแจส่วนตัวเป็นของตนเอง แต่กุญแจทั้งหมดสามารถสร้างกลับคืนได้โดยอาศัยกุญแจหลักตัวเดียว รวมทั้งกุญแจส่วนตัวสำหรับที่อยู่ (คือกุญแจสาธารณะ) ทั้งหมดที่เคยให้คนอื่น ส่วนกุญแจหลักเอง ก็สามารถคำนวณขึ้นมาใหม่ได้อาศัยประโยค/คำที่ช่วยจำ ดังนั้น คำช่วยจำจึงสามารถใช้เก็บสำรองวอลเลตนั้น ๆ ถ้าใช้เทคนิคสร้างกุญแจเหมือนกัน ๆ ก็จะสามารถสร้างวอลเลตสำรองไม่ว่าจะด้วยวอลเลตแบบซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์[24]
ประโยคช่วยจำเองพิจารณาว่าปลอดภัย มันจะสร้างเลขเริ่มต้นที่มีขนาด 512 บิตไม่ว่าจะจากประโยคไร ๆ ดังนั้น จำนวนวอลเลตที่เป็นไปได้ทั้งหมดก็คือ 2512 ใบ วลีรหัสลับทุกอย่างจะสามารถสร้างเป็นวอลเลตได้ทั้งหมด วอลเลตที่ยังไม่ได้ใช้ก็จะไม่มีกุญแจไร ๆ เลย[24]
สำหรับวอลเลตแบบกำหนดกุญแจไม่ได้ กุญแจแต่ละคู่จะสร้างขึ้นแบบสุ่ม โดยไม่ได้ใช้เลขเริ่มต้นร่วมกัน ดังนั้น การเก็บสำรองวอลเลตก็จะต้องเก็บสำรองคู่กุญแจทุก ๆ คู่[24]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.