เอกซ์บอกซ์ (เครื่องเล่นวิดีโอเกม)
From Wikipedia, the free encyclopedia
เอกซ์บอกซ์ (อังกฤษ: Xbox) เป็นเครื่องเล่นวิดีโอเกมรุ่นแรกภายใต้เครื่องเล่นวิดีโอเกมชุดเอกซ์บอกซ์ซึ่งผลิตโดยไมโครซอฟท์ วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 ในทวีปอเมริกาเหนือ ตามด้วยประเทศออสเตรเลีย ทวีปยุโรปและประเทศญี่ปุ่นในปี 2545[1] โดยนับเป็นครั้งแรกที่ไมโครซอฟท์เข้าสู่ตลาดเครื่องเล่นวิดีโอเกม เอกซ์บอกซ์เป็นเครื่องเล่นวิดีโอเกมรุ่นที่ 6 ที่เป็นคู่แข่งกับโซนี่เพลย์สเตชัน 2 และนินเท็นโด เกมคิวบ์ ซึ่งเอกซ์บอกซ์นับว่าเป็นเครื่องเล่นวิดีโอเกมแรกที่ถูกผลิตโดยบริษัทสัญชาติอเมริกานับตั้งแต่เครื่องอาตาริ จากัวร์ หยุดการผลิตในปี พ.ศ. 2539
ผู้ผลิต | ไมโครซอฟท์ |
---|---|
ตระกูล | เอกซ์บอกซ์ |
ชนิด | เครื่องเล่นวิดีโอเกม |
ยุค | ยุคที่หก |
วางจำหน่าย | 15 พฤศจิกายน 2544 22 กุมภาพันธ์ 2545 14 มีนาคม 2545 |
ยอดจำหน่าย | 24 ล้านเครื่อง |
สื่อ | ดีวีดี, ซีดี |
ซีพียู | 733 MHz Intel Mobile Pentium III |
สื่อบันทึกข้อมูล | ฮาร์ดดิสก์ เมมโมรีการ์ด |
กราฟิกการ์ด | 233 MHz NVIDIA NV2A |
บริการออนไลน์ | เอกซ์บอกซ์ไลฟ์ |
เกมที่ขายดีที่สุด | เฮโล 2 |
รุ่นถัดไป | เอกซ์บอกซ์ 360 |
เอกซ์บอกซ์เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2543 โดยชูจุดเด่นด้านสมรรถนะทางกราฟิกว่าเหนือกว่าคู่แข่ง โดยเครื่องเอกซ์บอกซ์ประกอบไปด้วยซีพียูที่ใช้กันในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลอย่างอินเทลเพนเทียม III ความเร็ว 733 เมกะเฮิร์ตซ์ นอกจากนี้ยังถูกระบุว่ามีน้ำหนักและขนาดเหมือนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เป็นเครื่องเล่นวิดีโอเกมแรกที่ประกอบฮาร์ดดิสก์ไว้ภายใน[2][3] ในเดือนพฤศจิกายน 2545 ไมโครซอฟท์ได้เปิดให้บริการ เอกซ์บอกซ์ไลฟ์ บริการแบบเสียเงินเพื่อเล่นเกมแบบออนไลน์และอนุญาตให้ผู้สมัครใช้บริการดาวน์โหลดเนื้อหาและเชื่อมต่อกับให้เล่นอื่นผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบบบรอดแบนด์ [4] ต่างจากบริการออนไลน์อื่น ๆ จากเซกาและโซนี่ โดยเอกซ์บอกซ์ไลฟ์นั้นรองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ตอีเทอร์เน็ตซึ่งถูกประกอบไว้มาในเครื่อง ทำให้ไมโครซอฟท์สามารถตั้งหลักในบริการการเล่นเกมแบบออนไลน์และยังช่วยให้เอกซ์บอกซ์กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับเครื่องเล่นอื่น ๆ ในเครื่องเล่นวิดีโอเกมรุ่นที่ 6 ได้
นอกจากนี้ความยอดนิยมในวิดีโอเกมฟอร์มยักษ์อย่าง เฮโล 2 ได้ช่วยให้เกิดความนิยมในการเกมเล่นออนไลน์ผ่านเครื่องเล่นวิดีโอเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมแนวมุมมองบุคคลที่หนึ่ง[5] แม้ว่าสิ่งนี้ทำให้เอกซ์บอกซ์ขึ้นมามียอดขายเป็นอันดับ 2 แซงหน้านินเท็นโด เกมคิวบ์และเซกา ดรีมแคสต์ แต่ยังห่างกับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 ของโซนี่อยู่มาก [6][7]
รุ่นถัดมาของเอกซ์บอกซ์คือ เอกซ์บอกซ์ 360 วางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2548 ทำให้ เอกซ์บอกซ์ก็ถูกยุติการทำตลาดในเวลาถัดมาไม่นานเริ่มจากในประเทศที่ไมโครซอฟท์ไม่ประสบความสำเร็จมากนักอย่างญี่ปุ่น ส่วนประเทศอื่น ๆ เริ่มหยุดจำหน่ายในปีถัดมา[8]โดยเกมสุดท้ายที่วางจำหน่ายในทวีปยุโรปของเอกซ์บอกซ์ คือเกม เส้าหลินโชว์ดาวน์ ซึ่งวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2550 และเกมสุดท้ายที่วางจำหน่ายในอเมริกาเหนือคือเกม Madden NFL 09 ซึ่งวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคม 2551 การให้การสนับสุนสำหรับเอกซ์บอกซ์ที่หมดอายุนั้นสิ้นสุดลงในวันที่ 2 มีนาคม 2551 บริการเอกซ์บอกซ์ไลฟ์สำหรับเอกซ์บอกซ์สิ้นสุดเมื่อ 15 เมษายน 2552