Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรคโปลิโอ (อังกฤษ: poliomyelitis, polio, infantile paralysis) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเฉียบพลันซึ่งติดต่อจากคนสู่คนทางอุจจาระ-ปาก[5] ชื่อนี้มาจากภาษากรีกว่า πολιός (poliós) หมายถึง สีเทา, µυελός (myelós) หมายถึงไขสันหลัง และคำปัจจัย -itis หมายถึงการอักเสบ[6]
โรคโปลิโอ (Poliomyelitis) | |
---|---|
ชื่ออื่น | Poliomyelitis, infantile paralysis |
ผู้ป่วยโปลิโอมีขาขวาฝ่อลีบ | |
การออกเสียง | |
สาขาวิชา | ประสาทวิทยา, โรคติดเชื้อ |
อาการ | กล้ามเนื้ออ่อนแรงทำให้เป็นอัมพาต[1] |
ภาวะแทรกซ้อน | กลุ่มอาการหลังเป็นโรคโปลิโอ[2] |
การตั้งต้น | ไม่กี่ชั่วโมงถึงหลายวัน[1][3] |
สาเหตุ | ไวรัสโปลิโอ แพร่กระจายทางอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ[1] |
วิธีวินิจฉัย | ตรวจหาไวรัสในอุจจาระ หรือตรวจหาแอนติบอดีในเลือด[1] |
การป้องกัน | วัคซีนโรคโปลิโอ[3] |
การรักษา | การรักษาตามอาการ[3] |
ความชุก | 136 คน (ค.ศ. 2018)[4] |
การติดเชื้อโปลิโอกว่า 90% จะไม่ทำให้เกิดอาการใด ๆ โดยผู้ติดเชื้ออาจมีอาการได้หลายอย่างหากได้รับไวรัสเข้ากระแสเลือด[7] ผู้ป่วย 1% จะมีการติดเชื้อไวรัสเข้าสู่ระบบประสาทกลาง ทำให้เซลล์ประสาทสั่งการถูกทำลาย ทำให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงและอัมพาตอ่อนเปียก ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนแรงได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับเส้นประสาทที่ถูกทำลาย รูปแบบที่พบบ่อยที่สุดคือโปลิโอไขสันหลัง ซึ่งทำให้มีอาการอ่อนแรงแบบไม่สมมาตรมักเป็นที่ขา โปลิโอก้านสมองส่วนท้ายทำให้เกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทสมอง โปลิโอไขสันหลังและก้านสมองส่วนท้ายจะทำให้มีอาการร่วมกันทั้งการอัมพาตก้านสมองส่วนท้ายและไขสันหลัง[8]
โรคโปลิโอค้นพบครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1840 โดย Jakob Heine[9] ส่วนไวรัสโปลิโอซึ่งเป็นสาเหตุของโรคถูกค้นพบเมื่อ ค.ศ. 1908 โดยคาร์ล ลันท์ชไตเนอร์[9] แม้จะไม่มีบันทึกว่ามีการระบาดของโปลิโอก่อนปลายศตวรรษที่ 19 แต่โปลิโอก็เป็นโรคในเด็กที่ก่อปัญหาสาธารณสุขมากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 การระบาดของโปลิโอทำให้มีผู้พิการหลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก และเป็นโรคที่ทำให้เกิดความพิการและการเสียชีวิตมากที่สุดโรคหนึ่งในประวัติศาสตร์ โปลิโอระบาดในพื้นที่เล็ก ๆ มานับพันปี ก่อนที่จะมีการระบาดครั้งใหญ่ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1880 ในยุโรป และต่อมาจึงระบาดไปยังสหรัฐอเมริกา[10]
ช่วง ค.ศ. 1910 จำนวนผู้ป่วยโปลิโอเพิ่มสูงขึ้นมาก มีการระบาดบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่ในเขตชุมชนช่วงอากาศร้อน การระบาดเหล่านี้ทำให้มีผู้ป่วยอัมพาตเพิ่มขึ้นหลายพันคน จึงมีการกระตุ้นให้เกิด "การแข่งขันครั้งใหญ่" (The Great Race) เพื่อผลิตวัคซีนขึ้นมาให้ได้ จนสำเร็จในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 วัคซีนโปลิโอที่ผลิตขึ้นมานี้ทำให้จำนวนผู้ป่วยโปลิโอทั่วโลกลดลงจากหลายแสนคนต่อปีเหลือไม่ถึงหนึ่งพันคนต่อปีในปัจจุบัน[11] โรตารีสากล องค์การอนามัยโลก และ UNICEF กำลังดำเนินการเพื่อให้คนทั่วโลกได้มีโอกาสเข้าถึงวัคซีน เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือกำจัดโปลิโอให้หมดไปจากโลก[12][13]
"โรคโปลิโอ" (poliomyelitis) เป็นคำที่ใช้ระบุถึงโรคที่เกิดจากไวรัสโปลิโอชนิดใดชนิดหนึ่งจาก 3 ซีโรทัยป์ มีการบรรยายแบบแผนของการติดเชื้อโปลิโอแบบทั่วไปเอาไว้สองรูปแบบ ได้แก่ โรคที่เป็นเล็กน้อย ซึ่งไม่ลุกลามเข้าถึงระบบประสาทส่วนกลาง แบบนี้บางครั้งเรียกว่า abortive poliomyelitis และโรคที่เป็นมาก ลุกลามเข้าถึงระบบประสาทส่วนกลาง ผู้ป่วยอาจมีอาการอัมพาตหรือไม่มีก็ได้ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันเป็นปกติส่วนใหญ่เมื่อติดเชื้อโปลิโอจะไม่แสดงอาการ หรืออาจทำให้เกิดอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เช่น แสดงอาการเป็นการติดเชื้อในระบบหายใจส่วนบน (เช่น มีไข้ เจ็บคอ) มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร (คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องผูก หรืออาจพบเป็นท้องร่วงได้ แต่น้อย) หรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
ประเทศ | ผู้ป่วยจากธรรมชาติ | ผู้ป่วยจากวัคซีน | สถานภาพการระบาด | ชนิด |
---|---|---|---|---|
อัฟกานิสถาน | 21 | 0 | ประจำถิ่น | WPV1 |
ปากีสถาน | 12 | 0 | ประจำถิ่น | WPV1 |
DRC | 0 | 20 | เฉพาะวัคซีน | cVDPV2 |
อินโดนีเซีย | 0 | 1 | เฉพาะวัคซีน | cVDPV1 |
โมซัมบิก | 0 | 1 | เฉพาะวัคซีน | cVDPV2 |
ไนเจอร์ | 0 | 10 | เฉพาะวัคซีน | cVDPV2 |
ไนจีเรีย | 0 | 34 | เฉพาะวัคซีน | cVDPV2 |
ปาปัวนิวกินี | 0 | 26 | เฉพาะวัคซีน | cVDPV1 |
โซมาเลีย | 0 | 12 | เฉพาะวัคซีน | cVDPV2/3 |
รวม | 33 | 104 |
แม้ว่าปัจจุบันโรคโปลิโอจะพบน้อยในโลกตะวันตก แต่โรคโปลิโอยังพบประจำถิ่นในเอเชียใต้และทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศปากีสถานและไนจีเรียตามลำดับ นับแต่มีการใช้วัคซีนโปลิโอไวรัสอย่างกว้างขวางในกลางคริสต์ทศวรรษ 1950 อุบัติการณ์ของโรคโปลิโอลดลงอย่างมากในประเทศอุตสาหกรรมหลายประเทศ
ความพยายามในการกำจัดโปลิโอทั่วโลกเริ่มต้นใน ค.ศ. 1988 โดยมีองค์การอนามัยโลก ยูนิเซฟและมูลนิธิโรตารีเป็นผู้นำ[16] ความพยายามเหล่านี้ลดจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยต่อปีลง 99% จากผู้ป่วยที่ประเมิน 350,000 คนใน ค.ศ. 1988 เหลือเพียง 483 คนใน ค.ศ. 2001 ซึ่งหลังจากปีนั้น จำนวนผู้ป่วยยังคงที่อยู่ที่ระดับราว 1,000 คนต่อปี (1,606 คนใน ค.ศ. 2009)[17][18][19] ใน ค.ศ. 2012 ผู้ป่วยลดลงเหลือ 223 คน[20] โปลิโอเป็นหนึ่งในสองโรคที่เป็นหัวข้อโครงการกำจัดทั่วโลกในปัจจุบัน อีกโรคหนึ่งคือ โรคพยาธิกินี จวบจนปัจจุบัน โรคสองชนิดที่ถูกมนุษย์กำจัดไปอย่างสมบูรณ์คือ โรคฝีดาษ ซึ่งหมดไปใน ค.ศ. 1979[21] และโรครินเดอร์เปสต์ ใน ค.ศ. 2010[22]
ปัจจุบันหลายภูมิภาคในโลกได้รับการประกาศแล้วว่าปลอดโรคโปลิโอ ทวีปอเมริกาได้รับการประกาศใน ค.ศ. 1994[23] ใน ค.ศ. 2000 มีการประกาศว่าโปลิโอถูกกำจัดอย่างเป็นทางการในประเทศแปซิฟิกตะวันตก 37 ประเทศ รวมถึงประเทศจีนและออสเตรเลีย[24][25] ทวีปยุโรปได้รับการประกาศว่าปลอดโปลิโอใน ค.ศ. 2002[26] ใน ค.ศ. 2013 โปลิโอยังประจำถิ่นในสามประเทศเท่านั้น คือ ไนจีเรีย ปากีสถานและอัฟกานิสถาน[17][27] แม้ว่าจะยังก่อโรคระบาดทั่วในประเทศใกล้เคียงอื่นได้เนื่องจากการแพร่เชื้อแบบซ่อนหรือกลับมามีอีกครั้ง[28] ตัวอย่างเช่น มีการยืนยันว่ามีการระบาดทั่วในประเทศจีนเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2011 แม้ว่าโรคโปลิโอในประเทศจีนจะถูกกำจัดหมดไปแล้วเมื่อสิบปีก่อน โดยสายพันธุ์โปลิโอที่ก่อโรคนั้นเป็นสายพันธุ์ที่พบในประเทศปากีสถานซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน[29] ไม่มีรายงานผู้ป่วยการติดเชื้อโรคโปลิโอจากธรรมชาติในประเทศอินเดียตั้งแต่เดือนมกราคม ค.ศ. 2011 และในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 ประเทศอินเดียถูกนำออกจากรายการประเทศซึ่งโปลิโอประจำถิ่นขององค์การอนามัยโลก[30][31]
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 2014 องค์การอนามัยโลกประกาศว่าโรคโปลิโอถูกกำจัดหมดไปจากภูมิภาคเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประกอบด้วยสิบเอ็ดประเทศ ได้แก่ บังกลาเทศ ภูฏาน เกาหลีเหนือ อินเดีย อินโดนีเซีย มัลดีฟส์ พม่า เนปาล ศรีลังกา ไทย และติมอร์-เลสเต[17]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.