นักบุญถือศีรษะ (อังกฤษ: Cephalophore) ในภาษาอังกฤษ "Cephalophore" มาจากภาษากรีกโบราณที่แปลว่า "ผู้ถือศีรษะ" หมายถึงนักบุญผู้ที่มักจะแสดงเป็นภาพผู้ถือศีรษะของตนเอง ที่โดยทั่วไปหมายถึงมรณสักขีในศาสนาคริสต์ที่ถูกสังหารโดยการบั่นคอ เมื่อถือศีรษะอยู่ในอ้อมแขนก็ทำให้ยากต่อจิตรกรในการพยายามวาดรัศมีที่เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์ ศิลปินบางคนก็วาดรัศมีในบริเวณที่เคยเป็นศีรษะ หรือบางครั้งนักบุญก็จะประคองศีรษะที่มีรัศมี

Thumb
รูปปั้นนักบุญเดนิส นักบุญผู้ถือศีรษะ

ที่มาของการถือศีรษะมีด้วยกันสองแหล่ง[1] ในความเห็นเกี่ยวกับนักบุญจูเวนตินัสและแม็กซิมัส นักบุญจอห์น คริสซอสตอมกล่าวว่าศีรษะของมรณสักขีเป็นสิ่งที่ทำให้เป็นที่สยดสยองแก่ปีศาจยิ่งไปกว่าเมื่อนักบุญสามารถพูดได้ และคริสซอสตอมเปรียบเทียบต่อไประหว่างทหารที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบกับผู้พลีชีพที่ประคองศีรษะของตนเองและถวายแก่พระเยซู[2] อีกแหล่งหนึ่งมาจาก “ตำนานทอง” เกี่ยวกับประวัติชีวิตของนักบุญเดนิสผู้ก่อตั้งมุขมณฑลปารีสผู้ที่กล่าวกันว่าเป็นคนคนเดียวกับดิโอนิสิอัสผู้เป็นสมาชิกสภาอาเรโอปากัส

ฉะนั้นนักบุญถือศีรษะคนแรกที่มีชื่อเสียงที่สุดก็เห็นจะเป็นนักบุญเดนิสนักบุญองค์อุปถัมภ์ปารีส ที่ใน “ตำนานทอง” บรรยายว่าแม้ว่าหลังจากที่ถูกตัดหัวแล้วก็ยังคงเดินต่อไปได้อีกเจ็ดไมล์ไปยังที่ที่เสียชีวิตที่มงมาตร์ขณะที่ดำเนินการเทศนาไปด้วย แม้ว่านักบุญเดนิสจะมีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาผู้ถือศีรษะของตนเอง แต่ก็ยังมีนักบุญอื่นอีกหลายองค์ที่อีมิล นูร์รีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตำนานพื้นบ้านกล่าวว่ามีด้วยกันอย่างน้อยก็อีก 134 องค์เฉพาะในวรรณกรรมเกี่ยวกับนักบุญของฝรั่งเศสเท่านั้น[3] การที่เรลิกของนักบุญมักจะถูกโขมยกันบ่อยครั้งในสมัยยุคกลางของยุโรป ฉะนั้นการที่นักบุญเองทำการระบุสถานที่ที่ตนต้องการที่จะฝังศพจึงอาจจะเป็นการช่วยหลีกเลี่ยง “การเคลื่อนย้ายเรลิก” (furta sacra หรือ Translation of relics) ก็เป็นได้[4]

นักบุญอื่น ๆ ที่ถือศีรษะ

Thumb
นักบุญอาโฟรดิสิอุสมรณสักขีแห่งอะเล็กซานเดรียที่สักการะกันที่เมืองเบซีเยร์

นักบุญคัธเบิร์ตแห่งลินดิสฟาร์นมักจะปรากฏเป็นนักบุญที่มีศีรษะอยู่บนไหล่ และประคองศีรษะที่สองในอ้อมแขน แม้ว่านักบุญคัธเบิร์ตจะไม่ได้เป็นนักบุญถือศีรษะ ศีรษะที่สองอันที่จริงแล้วเป็นของนักบุญออสวอลด์แห่งนอร์ทธัมเบรียผู้ที่ถูกฝังด้วยกันที่มหาวิหารเดอแรม

ตำนานนักบุญถือศีรษะเกี่ยวกับนักบุญนิเคสแห่งแร็งกล่าวว่าในชั่วเวลาที่ถูกสังหารนิเคสกำลังอ่าน เพลงสดุดี 119 เมื่ออ่านมาถึง "Adhaesit pavimento anima mea" (บทเพลงสดุดี 119:25 ) พระองค์ก็ถูกตัดหัว แต่เรื่องราวกล่าวต่อไปว่าหัวที่ถูกตัดตกลงบนพื้น และนิคาเซียสก็อ่านเพลงสดุดีต่อไปในวรรค "Vivifica me, Domine, secundum verbum tuum"[5] เนื้อหาของหัวที่ยังคงพูดได้เล่ากันมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 8 Passio ของนักบุญจัสตัสแห่งโบเว หลังจากที่จัสตัสผู้ที่ยังเป็นเด็กถูกตัดหัวโดยทหารโรมันแล้ว จัสตัสก็ยกหัวตนเองขึ้นมาและเทศนาต่อไป ต่อมาบิดาและน้องชายก็พบร่างของจัสตัสนั่งอยู่พร้อมด้วยศีรษะบนตัก จัสตัสมอบหัวให้บิดาและขอให้นำไปยังโอแซร์เพื่อให้เฟลิเชียผู้เป็นมารดาได้จูบ[6]

ตำนานของนักบุญอาโฟรดิซิอุสแห่งอเล็กซานเดรียได้รับการนำมาที่เมืองเบซิเยร์ในฝรั่งเศสเป็นอันดับนำของรายพระนามของพระสังฆราช ตามชีวประวัตินักบุญอาโฟรดิซิอุสเดินทางมากับอูฐ ขณะที่ทำการเทศนาอยู่ก็มีกลุ่มเพกันแทรกตัวออกมาจากกลุ่มคนที่ฟังเทศน์อยู่เข้ามาตัดหัวแอฟรอดิเซียสโดยไม่บอกไม่กล่าว แอฟรอดิเซียสยกหัวตนเองขึ้นมาและประคองเข้าไปในชาเปลที่เพิ่งได้ทำการสถาปนา ณ จุดนั้น ที่ยังคงตั้งอยู่และเรียกกันว่า "Place Saint-Aphrodise, Béziers"[7] นักบุญฮิเมริอุสแห่งบอสโทหรือนักบุญเจโมโรก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่กล่าวกันว่ายังคงมีชีวิตอยู่หลังที่ถูกตัดศีณษะไปแล้ว และถือศีรษะตนเองขึ้นหลังม้า ไปพบกับลุงผู้เป็นบิชอปบนภูเขาก่อนที่จะเสียชีวิต[8]

ตำนานที่เกี่ยวกับนักบุญชีเนแห่งลาฌารากล่าวว่าหลังจากที่ถูกตัดคอที่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสแล้ว ชิเนสก็ยกหัวตัวเองขึ้นมาและโยนลงไปในแม่น้ำโรน หัวก็ลอยออกทะเลไปยังเมอร์เซีย, สเปนที่ไปได้รับการสักการะเป็นมงคลวัตถุ (เมอร์เซียเป็นศูนย์กลางของลัทธิบูชานักบุญชีเน)[9]

ใน "ตำนานทอง" เมื่อเปาโลอัครทูตถูกลงโทษพระองค์ก็ทรง "ยืดหัวออกไปเพื่อจะให้ถูกตัด และเมื่อหัวหลุดออกจากร่างก็กล่าวว่า "เยซุส คริสตุส!" ที่หมายถึงพระเยซูคริสต์ถึงห้าสิบครั้ง" เมื่อพบหัวของพระองค์ที่จะนำกลับมารวมกับร่างแล้วเป็นเรลิกแล้ว ร่างของนักบุญเปาโลก็หันมารวมกับหัวที่วางไว้ที่ปลายเท้าเพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นศีรษะของตนเองที่แท้จริง[10]

ตามตำนานเกี่ยวกับนักบุญสตรีนักบุญออสกิธยืนขึ้นหลังจากที่ถูกตัดหัว ยกหัวขึ้นมาเช่นเดียวกับนักบุญเดนิสแห่งปารีสและนักบุญถือศีรษะองค์อื่นๆ เดินต่อไปขณะที่ประคองศีรษะของตนเองไปยังประตูคอนแวนต์ก่อที่จะล้มตัวลงเสียชีวิต[11]

ในวรรณกรรม

ใน "ดีวีนากอมเมเดีย" ดานเตผู้ประพันธ์พบทรูบาดูร์แบร์ทร็องเดอบอร์นในชั้นที่แปดของนรกภูมิ หิ้วศีรษะของตนเองจากปอยผมเหมือนโคม เมื่อเห็นดานเตและเวอร์จิลเข้าหัวของแบร์ทร็องก็เริ่มพูด[12]

ศีรษะที่พูดได้ปรากฏอย่างเป็นที่น่าจดจำในวรรณกรรมโรแมนติกของคริสต์ศตวรรษที่ 14 ชื่อ "Sir Gawain and the Green Knight"

ข้อเขียนเกี่ยวกับ "ศีรษะ" ใน "Motif-Index of Folk Literature" (ไทย: ต้นแบบ-ดัชนีของวรรณกรรมพื้นบ้าน) โดยสทิธ ทอมสัน[13] ให้ความเห็นว่าเรื่องราวของศีรษะที่หลุดจากร่างแล้วยังคงพูดได้เป็นเรื่องที่ปรากฏโดยทั่วไปอย่างกว้างขวาง อาริสโตเติลค้านว่าการที่ศีรษะที่หลุดจากร่างแล้วยังคงพูดได้อยู่เป็นสิ่งที่เป็นไม่ได้ทางสรีรวิทยา ในเมื่อหลอดลมที่เชื่อมกับปอดถูกตัดออกไปแล้ว อาริสโตเติลกล่าวต่อไปว่า "นอกจากนั้นแล้วเมื่ออนารยชนทำการตัดหัวด้วยความรวดเร็ว เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่เคยปรากฏ"[14] ไม่เป็นที่น่ากังขาเลยว่าอาริสโตเติลจะทราบถึงเรื่องราวของศีรษะของออร์เฟอุสและภาพพจน์ของศีรษะที่ถูกตัดอย่างรวดเร็วที่ดูเหมือนจะยังคงพูดได้ของโฮเมอร์[15] และตำนานละตินต่างๆ ข้อสังเกตของความเกี่ยวข้องระหว่างกวีละตินและยุคกลางในการถ่ายทอด "ภาพพจน์เปรียบเทียบ" ของศีรษะที่ยังคงพูดได้บรรยายในข้อเขียนโดยเบียทริซ ไวท์[16] ในบทกวีละตินเกี่ยวกับสงครามทรอย "De Bello Troiano" โดยโจเซฟแห่งเอ็กซีเตอร์

เฮคเตอร์เหวี่ยงหัวของเพโทรคลัสขึ้นไปในอากาศที่ยังคงกระซิบว่า "Ultor ubi Aeacides" (ไทย: อคิลลีสผู้แก้แค้นของข้าอยู่ที่ใด?) นักประพันธ์สมัยใหม่บางคนกล่าวว่าที่มาของผู้ที่ยังคงประคองศีรษะของตนเองแล้วเดินต่อไป[11] มาจากความเชื่อในเรื่องพหุเทวนิยมของเคลต์ของลัทธินิยมเกี่ยวกับศีรษะ

ระเบียงภาพ

นักบุญประคองหัวบางองค์

  • นักบุญอัลบันแห่งไมนทซ์
  • นักบุญแอฟรอดิเซียส
  • นักบุญคริสโซเลียส
  • นักบุญเดนิส
  • นักบุญโดมนินัสแห่งฟิเดนซา
  • นักบุญอีมิกเดียส
  • นักบุญฮิเมเรียสแห่งบอสโท
  • นักบุญชิเนสแห่งฌารา
  • นักบุญจัสตัสแห่งโบเวส์
  • นักบุญจูธวารา
  • นักบุญลูเชียนแห่งโบเวส์
  • นักบุญมิเลียว
  • นักบุญมินิอัสแห่งฟลอเรนซ์
  • นักบุญเน็คทัน
  • นักบุญนิคาเซียสแห่งแรงส์
  • นักบุญนิคาเซียส, ควิรินัส, สคูบิคิวรัส และ พิเอนเชีย
  • นักบุญโอซิธ
  • นักบุญควิเทเรีย
  • นักบุญแซเทอร์นินา
  • นักบุญธีโอนิสทัส
  • นักบุญวาลเลอรีแห่งลิมอชส์
  • นักบุญวินิฟรีด
  • นักบุญวิลโลว์

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

Wikiwand in your browser!

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.

Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.