คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
แอลัน วอล์กเกอร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
แอลัน โอลาฟ วอล์กเกอร์ (อังกฤษ: Alan Olav Walker) เป็นดีเจและโปรดิวเซอร์เพลงชาวนอร์เวย์[2] เขาเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดในซิงเกิลปี ค.ศ. 2015 "เฟเดด" (Faded) ซึ่งได้รับการรับรองระดับแพลตตินั่มกว่า 10 ประเทศ เขาติดอันดับที่ 36 ในชาร์ต 100 ดีเจยอดเยี่ยมของดีเจแม็ก (DJ Mag) ในปี ค.ศ. 2018 ซึ่งเป็นการร่วงลงมา 19 อันดับจากปีที่แล้ว[3]
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
Remove ads
Remove ads
ชีวิตในวัยเด็ก
แอลัน วอล์กเกอร์ เป็นลูกชายของฮิลด์ อ็อมดอล วอล์กเกอร์ (Hilde Omdal Walker) ชาวนอร์เวย์ และฟิลิป แอลัน วอล์กเกอร์ (Philip Alan Walker) ชาวอังกฤษ[4][5] โดยเขาได้รับการรับรองว่าเป็นพลเมืองสองสัญชาติ (dual citizenship) ทั้งนอร์เวย์และสหราชอาณาจักรซึ่งยึดตามสัญชาติของพ่อและแม่ และเมื่ออายุได้ 2 ปี เขาจึงย้ายไปอยู่ที่แบร์เกน ประเทศนอร์เวย์ กับพ่อแม่และพี่สาวของเขา[6] วอล์กเกอร์เติบโตขึ้นมาพร้อมกับพี่น้อง 2 คน ซึ่งก็คือ คามิลลา (Camilla) พี่สาวคนโตที่เกิดในอังกฤษ และแอนเดรียส์ (Andreas) น้องชายที่เกิดในนอร์เวย์
การที่เติบโตมาในยุคดิจิทัลทำให้วอล์กเกอร์ค้นพบว่าเขามีความสนใจในคอมพิวเตอร์ในช่วงต้น ซึ่งต่อมากลายเป็นความหลงใหลในการเขียนโปรแกรมและการออกแบบกราฟิก ในตอนแรกเขาไม่มีพื้นฐานทางดนตรี แต่ต่อมาหลังจากนั้นเขาก็ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองโดยการดูคลิปวิดีโอแนะนำบนยูทูบเพื่อเรียนรู้การผลิตเพลง[7]
Remove ads
อาชีพ
สรุป
มุมมอง
2012–2015: เปิดตัวครั้งแรกบนโนก๊อปปี้ไรต์ซาวด์ส และ "เฟเดด"
ในปี 2012, วอร์กเกอร์ได้ฟังเพลงของ เดวิต วิสเทิล (หรือที่รู้จักในนามดีเจนาส) และค้นหาวิธีการสร้างเพลง เขาได้รับแรงบันดาลใจจากโปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์ K-391 และ Ahrix, และยังได้รับอิทธิพลจากผู้เขียนภาพยนตร์ Hans Zimmer และ Steve Jablonsky[8] เขาเริ่มสร้างเพลงโดยใช้แลปท็อปของเขาเอง และโปรแกรม FL Studio ภายในห้องนอนของเขา[9] ในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2012 เขาได้รับความช่วยเหลือจากแฟนเพลงออนไลน์ และได้เริ่มผลิตเพลง รวมทั้งเริ่มเผยแพร่เพลงของเขาลงใน ยูทูบ และซาวน์คลาวน์
วอร์กเกอร์ได้เผยแพร่เพลง "เฟด" (Fade) ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2014[10] เพลงนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากได้เผยแพร่อีกครั้งผ่านทางค่ายเพลงช NoCopyrightSounds ในวันที่ 19 พฤศจิกายน[11] วอร์กเกอร์ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้จาก K-391 และ Ahrix ซึ่งผลงานของพวกเขา ถูกเลือกโดยค่ายเพลงนี้เช่นกัน เพลงนี้มียอดเข้ายมถึง 300 ล้านคนบน ยูทูบ,[12] 79 ล้านครั้ง บน Spotify,[13] และ 20 ล้านครั้งบน SoundCloud.[14] เพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงที่ยอดฮิตที่สุดในช่อง และได้ถูกนำไปใช้ประกอบวิดิโอจำนวนมากบน ยูทูบ หลังจากนั้น เพลง "สเปกเทอร์" (Spectre) และ "ฟอร์ซ" (Force) ก็ได้เผยแพร่ตามกันมาในปี ค.ศ. 2015.
วอร์กเกอร์ได้เซ็นสัญญากับ MER Musikk ภายใต้ Sony Music Sweden ในช่วงแรกที่ Gunnar Greve ได้โทรไปหาเขาเพื่อขอเซ็นสัญญา เขาได้ถามกลับไปว่า "ใครให้เบอร์ผมกับคุณไป" และไม่เคยคิดว่าจะต้องมีผู้จัดการ เพราะเขาเพียงต้องการแต่งเพลงเพื่อเป็นงานอดิเรก[9] ภายหลังที่ได้ร่วมงานกับ MER Musikk เขาได้เผยแพร่ซิงเกิลถัดมา "เฟเดด" (Faded) ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากเพลง "เฟด" (Fade) แนวคิดในการสร้างมิวสิควิดิโอนี้คือกลุ่มแฟนคลับเดิมของเขา ซึ่งเป็นนักเล่นเกม และการใส่หน้ากากและฮูดนั้น ก็เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพ และเพื่อให้ใคร ๆ ก็สามารถมาเป็นวอร์กเกอร์ได้[9] (วอร์กเกอร์ ในที่นี้ คือชื่อเรียกกลุ่มแฟนคลับของแอลัน วอร์กเกอร์) เพลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในวันที่ 8 ธันวาคม โดยมีนักร้องรับเชิญ Iselin Solheim มาร่วมร้อง[15] ซิงเกิลนี้ได้ขึ้นชาร์ตท้ายปีในประเทศออสเตรีย เยอรมนณี สวิตเซอร์แลนด์ และสวีเดน ไอทูนส์ ชาร์ตใน 32 ประเทศ รวมทั้งติด 10 อันดับเพลงใน Spotify Global Chart มิวสิควิดิโอเพลงนี้บน ยูทูบ มียอดเข้าชมมากกว่า 2.0 พันล้านครั้ง และมียอดถูกใจมากกว่า 13 ล้านครั้ง[16] ทำให้อยู่ในอันดับที่ 10 ของวิดิโอที่มียอดถูกใจมากที่สุดบนยูทูบ เพลงนี้ถูกเล่นมากกว่า 780 ล้านครั้งบน Spotify,[17] และยังอยู่ใน 10 อันดับเพลงเพลงที่ถูก Shazamed มากที่สุดในปี 2016[18] เพลงนี้ยังถูกรีมิกซ์อย่างเป็นทางการโดย Tiësto[19] Dash Berlin และ Hardwell ต่อมาเขาได้เผยแพร่เพลงนี้ในรูปแบบอะคูสติก "รีสตังค์" โดยส่วนที่เป็นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จะถูกตัดออกทั้งหมด[20]
2016: การแสดงสด "ซิงมีทูสลีป" และ "อโลน"
วอร์กเกอร์ออกจาก โรงเรียนมัธยมปลาย ในเดือนมกราคม[21]
วันที่ 27 กุมภาพันธ์, วอร์กเกอร์ได้แสดงสดครั้งแรกที่ Winter X Games ใน ออสโล โดยเขาได้แสดงสดไปทั้งสิ้น 15 เพลง รวมทั้งเพลง "เฟเดด" ร่วมกับนักร้องรับเชิญ Iselin Solheim[22][23]
ในเดือนมีนาคม วอร์กเกอร์ได้ผลิตเพลงออกมาทั้งหมด 30 ถึง 40 เพลง แต่ "เฟเดด" เป็นซิงเกิลแรกของเขาที่ได้เซ็นสัญญากับ Sony Music สวีเดน และเป็นเพลงแรกที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก[24]
วันที่ 7 เมษายน วอร์กเกอร์ ได้ร่วมงานกับนักร้องชาวสวีเดน Zara Larsson ที่งาน Echo Awards ในประเทศเยอรมณี ทั้งคู่ได้ร่วมแสดงเพลงของตนเอง คือ "เฟเดด" และ "เนเวอร์ ฟอร์เก็ท ยู"[25] สี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้น เพลงของเขาได้ติดอันดับ 1 ของ NRJ Euro Hot 30 เป็นครั้งงแรก ซี่งที่ผ่านมา มีศิลปินชาวนอร์เวย์เพียงคนเดียว ที่เคยติดอันดับชาร์ตนี้คือ ไคโก[26]
ซิงเกิล "ซิง มี ทู สลีพ" (Sing Me To Sleep) ถูกปล่อยออกมาในวันที่ 3 มิถุนายน ร่วมกับนักร้องสาว Iselin Solheim ซึ่งเป็นนักร้องคนเดียวกันกับคนที่ร้องเพลง "เฟเดด" เพลงนี้ขึ้นอันดับไอทูนส์ ชาร์ต ใน 7 ประเทศ มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้ชมมากกว่า 400 ล้านครั้งบน ยูทูบ[27] และถูกเล่นมากกว่า 170 ล้านครั้งบนสปอทิฟาย[28]
ซิงเกิล "อโลน" (Alone) ถูกปล่อยออกมาในวันที่ 1 ธันวาคม ร่วมกับนักร้องชาวสวีเดน Noonie Bao[29] มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 740 ล้านครั้งบน ยูทูบ[30] ถูกเล่นมากกว่า 210 ครั้งบนสปอทิฟาย[31] กันนาร์ กรีฟ (Gunnar Greeve) ผู้จัดการของวอร์กเกอร์ และเป็นผู้แต่งเพลงร่วม ได้กล่าวว่า เพลงนี้เป็นบทสุดท้ายของไตรภาคที่ประกอบไปด้วย "เฟเดด" "ซิง มี ทู สลีพ" และ "อโลน[32]

วันที่ 21 และ 22 ธันวาคม วอร์กเกอร์ได้จัดคอนเสิร์ต "Alan Walker is Heading Home" ในบ้านเกิดของเขาที่เบอร์เกนเป็นครั้งแรกที่ USF Verftet โดยเขาได้แสดง 16 เพลง ร่วมกับ Angelina Jordan, Marius Samuelsen, Alexandra Rotan, Yosef Wolde-Mariam และ Tove Styrke ซึ่งเป็นนักร้องรับเชิญในงานนี้[33][34] คอนเสิร์ตนี้ถูกถ่ายทอดสดอย่างเป็นทางการบน ยูทูบ[35] เขายังได้เล่นเพลงที่ไม่เคยปล่อยออกมาก่อน รวมทั้ง "ซิง มี ทู สลีพ" ในเวอร์ชันรีสตัง (Restrung) รวมทั้งเพลงอื่น ๆ เช่น "สกาย" (Sky) และ "เฮดดิง โฮม" (Heading Home) โดยเพลง "เฮดดิง โฮม" นั้น เขาเคยได้แสดงครั้งแรกที่งาน Winter X Games นอกจากคอนเสิร์ตครั้งนี้ยังได้แสดงเพลง "เดอะ สเปกเทอร์" (The Spectre) ซึ่งเป็นเพลงที่ปรับปรุงใหม่จากเพลงเดิมของเขา "สเปกเทอร์" (Spectre)
วันที่ 23 ธันวาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยมิวสิควิดิโอของซิงเกิล "รูทิน" (Routine) ซึ่งเขาได้แสดงไปเมื่อคอนเสิร์ตที่เบอร์เกนเมื่อ 2 วันก่อน และได้แสดงในคอนเสิร์ตของ "วอร์กเกอร์ ทัวร์" (Walker Tour) ในบางครั้ง เพลงนี้เป็นความร่วมมือกันกับ เดวิด วิสเทิล (David Whistle) หรือดีเจนาส (DJ Ness) เพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 30 ล้านครั้งบน ยูทูบ[36] และมีผู้ฟังมากกว่า 23 ล้านครั้งบนสปอทิฟาย[37]
2017: "ไทร์เอ็ด", "เดอะสเปกเทอร์" และ "ออลล์ฟอลส์ดาวน์"
ในช่วงต้นปี 2017 ช่องบน ยูทูบของวอร์กเกอร์ ได้กลายเป็นช่อง ยูทูบในประเทศนอร์เวย์ ที่มีผู้ติดตามมากที่สุด โดยมีผู้ติดตามมากกว่า 4.5 ล้านคน และมียอดเข้าชมใน ยูทูบมากที่สุดในบรรดาช่องของชาวนอร์เวย์ เป็นจำนวน 3.4 พันล้านครั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2018[38][2]
วันที่ 7 เมษายน วอร์กเกอร์ได้ปล่อยเพลง "อิกไนต์" (Ignite) ในรูปแบบของดนตรีอย่างเดียว (Instrumental version) ซึ่งเป็นการร่วมงานกับโปรดิวเซอร์เพลง และนักแต่งเพลงชาวนอย์เวย์ K-391 โดยเพลงนี้ถูกปล่อยมาเพื่อใช้ในงานเปิดตัวของโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Sony Xperia XZs
วันที่ 19 พฤษภาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยเพลงแรก ที่มีนักร้องชายมาร่วมร้อง โดย Gavin James นักร้อง และนักแต่งเพลงชาวไอร์แลนด์ ในชื่อเพลง "ไทร์" (Tired) มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 102 ล้านครั้งบน ยูทูบ[39]
วันที่ 27 พฤษภาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยวิดิโอสารคดีของเขาในชื่อ Alan Walker Unmasked ตอนที่ 1 โดยจะเล่าถึงประวัติชีวิตในช่วงแรกของเขา การทำเพลง "เฟเดด" (Faded) จนกระทั่งเขาประสบความสำเร็จจากเพลง "เฟเดด"[40] โดยสารคดีชุดนี้ มีทั้งสิ้น 3 ตอน โดยตอนที่ 2 จะเกี่ยวกับการแสดงสด[41] และตอนที่ 3 เล่าเกี่ยวกับการเป็นโปรดิวเซอร์เพลงของเขา[42] โดยถูกปล่อยตามมาในวันที่ 23 กันยายน และ 28 กุมภาพันธ์ในปีถัดมาตามลำดับ[41][42]
วันที่ 9 มิถุนายน เขาได้ปล่อยเพลงที่เขาได้ร่วมงานกับ Dane Alex Skrindo "สกาย" (Sky) ในอัลบัม Insomniac Records Presents: EDC Las Vegas 2017 มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 36 ล้านครั้งบน ยูทูบ[43]
วันที่ 15 กันยายน เขาได้ปล่อยเพลง "เดอะสเปกเทอร์" (The Spectre) ซึ่งได้เพิ่มเนื้อเพลงเข้าไปในเพลง "สเปกเทอร์" (Spectre) ซึ่งเป็นซิงเกิลของเขาตั้งแต่ปี 2015 มิวสิควิดิโอเพลงนี้ ได้รวบรวมวิดิโอที่เขาได้ถ่ายไว้จากคอนเสิร์ต ร่วมกับทีมนักเต้นซึ่งใส่ชุดสีขาว และหมวกกันน็อคสีดำ มิวสิควิดิโอนี้ มีผู้เข้าชมมากกว่า 460 ล้านครั้งบน ยูทูบ[44]
วันที่ 27 ตุลาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยเพลง "ออลฟอลส์ดาวน์" (All Falls Down) ร่วมกับ Noah Cyrus นักร้องชาวอเมริกัน และ Digital Farm Animals ดีเจชาว และโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ เนื้อหาในวิดิโอนี้จะต่อเนื่องจากเพลงที่แล้ว "ไทร์" (Tired) มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 132 ล้านครั้งบน ยูทูบ[45][46]
2018–ปัจจุบัน: "ดาร์กไซด์", "ไดมอนด์ฮาร์ต" และ "ดิฟเฟอเรนต์เวิลด์"
ในปีนี้ วอร์กเกอร์ได้กลายเป็น ยูทูบเบอร์อันดับ 1 ของนอร์เวย์ ด้วยยอดผู้ติดตามมากกว่า 19 ล้านคน[47] ในวันที่ 16 มกราคม เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ Fuse และเปิดเผยว่า อัลบั้มจะถูกเผยแพร่ในปีนี้ "มันกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ยังไม่เสร็จสิ้น" วอร์กเกอร์กล่าว "ผมไม่สามารถบอกอะไรได้มาก แต่ผมรู้สึกตื่นเต้นกับมันมาก ๆ"[48]
วันที่ 23 มีนาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยเพลงในรูปแบบรีลิฟ (Relift) ของ "ดีส อีส มี" (This Is Me) ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ โชว์แมนบันลือโลก (The Greatest Showman) โดยมิวสิควิดิโอนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 12 ล้านครั้งบน ยูทูบ[49]
วันที่ 11 พฤษภาคม วอร์กเกอร์ และโปรดิวเซอร์เพลงชาวนอร์เวย์ K-391 (Kenneth Nilsen) ได้แผยแพร่เพลง "อิกไนต์" (Ignite) ในเวอร์ชันที่มีเสียงร้อง ซึ่งมี Julie Bergan South Korean และ Seungri มาเป็นนักแสดงรับเชิญ[50][51][52] มิวสิควิดิโอถูกเผยแพร่ในวันที่ 12 พฤษภาคมในช่อง ยูทูบของ K-391 เนื่องจาก Nilsen เป็นศิลปินหลักในการแต่งเพลงนี้ขึ้นมา[50] มิวสิควิดิโอนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 100 ล้านครั้งแล้วในเดือนพฤศจิกายน 2018[53][54]
วันที่ 27 กรกฎาคม วอร์กเกอร์ได้เผยแพร่เพลง "ดาร์กไซด์" (Darkside) ร่วมกับนักร้องรับเชิญ Au/Ra และนักร้องชาวนอร์เวย์ Tomine Harket[55]
วันที่ 21 สิงหาคม วอร์กเกอร์ได้กลับมาอัปโหลดอันมาส์ค ซีรีส์ (Unmasked series) อีกครั้ง ในรูปแบบของ วล็อก (vlog) ซึ่งจะเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเขา รวมทั้งชีวิตของเขาในระหว่างที่เขาออกทัวร์คอนเสิร์ต[56] ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 7 ตอน
วันที่ 30 สิงหาคม วอร์กเกอร์ได้เผยแพร่เพลงในรูปแบบรีลิฟ (Relift) ของ "ชีพ" (Sheep) โดยสมาชิกวง เอ็กโซ เลย์[57]
วันที่ 22 กันยายน เขาได้เผยแพร่ตัวอย่างเพลง "ไดมอนด์ฮาร์ท" (Diamond Heart) ที่เดิมถูกเรียกว่าเป็นเพลง "เฟเดด 2.0" ร่วมกับ Sophia Somajo โดยเพลงนี้ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการในวันที่ 28 กันยายน[58] ซึ่งถือได้ว่าเป็นตอนจบของไตร์ภาค "เวิร์ล ออฟ วอร์กเกอร์" (World Of Walker) ซึ่งมี "ไทร์" (Tired) เป็นปฐมบท "ออลฟอลส์ดาวน์" (All Falls Down) เป็นบทที่ 1 "ดาร์กไซด์" (Darkside) เป็นบทที่ 2 และมี "ไดมอนด์ฮาร์ท" (Diamond Heart) รวมถึง "ออน มาย เวย์" (On My Way) เป็นบทสุดท้ายของไตรภาคนี้[59][60] และเขาได้เผยแพร่วิดิโอเนื้อเพลงในวันที่ 11 ตุลาคม โดยแอลัน วอร์กเกอร์ (วอร์กเกอร์ #0) ได้ขอให้วอร์กเกอร์ ใส่ฮูด และหน้ากากสีดำ และช่วยกันถือเนื้อเพลงคนละท่อน เพื่อนำมาทำเป็นวิดิโอเนื้อเพลงนี้[61]
Remove ads
ผลงาน
ทัวร์คอนเสิร์ต
- หลัก
- The Walker Tour (2016–2018)[62]
- World of Walker Tour: Part I (2018)[63]
- Different World Tour (2018-2019)[64]
- Aviation Tour (2019)
- สมทบ
- Rihanna – Anti World Tour (2016)[65]
- Justin Bieber – Purpose World Tour (2017)[66]
- Martin Garrix – Thursdays At Ushuaïa[67]
การแสดงสดในประเทศไทย
Remove ads
รางวัลและการเสนอชื่อ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads