ไมเคิล บลูมเบอร์ก
From Wikipedia, the free encyclopedia
ไมเคิล รูเบนส์ บลูมเบอร์ก (อังกฤษ: Michael Rubens Bloomberg)[2] (เกิด 14 กุมภาพันธ์ 2485) เป็นนักธุรกิจ นักเขียน นักการเมือง และนักการกุศลชาวอเมริกัน เขามีทรัพย์สินสุทธิประเมินที่ 47,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท)[1] โดยเดือนตุลาคม 2560 จึงทำให้เขาเป็นคนรวยที่สุดอันดับ 8 ในสหรัฐอเมริกา และอันดับ 10 ของโลก เขาได้ลงนามร่วมกับองค์กรสัญญาว่าจะให้ ที่มหาเศรษฐีสัญญาว่าจะมอบทรัพย์สินของตนเพื่อสาธารณประโยชน์อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง[3]
ไมเคิล บลูมเบอร์ก (Michael Bloomberg) | |
---|---|
ผู้ว่าการนครนิวยอร์กคนที่ 108 | |
ดำรงตำแหน่ง 1 มกราคม 2545 – 31 ธันวาคม 2556 | |
ก่อนหน้า | Rudy Giuliani |
ถัดไป | Bill de Blasio |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | ไมเคิล รูเบนส์ บลูมเบอร์ก
(Michael Rubens Bloomberg) (1942-02-14) 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1942 (82 ปี) บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา |
เชื้อชาติ | อเมริกัน |
พรรคการเมือง | พรรคเดโมแครต |
การเข้าร่วม พรรคการเมืองอื่น | พรรคริพับลิกัน (สหรัฐ) (2544-2550)
พรรคเดโมแครต (สหรัฐ) (ก่อน 2544) |
คู่อาศัย | Diana Taylor (2543-ปัจจุบัน) |
คู่สมรส | Susan Elizabeth Barbara Brown-Meyer (สมรส 2518; หย่า 2536) |
บุตร | Emma Frissora Georgina Bloomberg |
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ (วิทยาศาสตรบัณฑิต) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต) |
ทรัพย์สินสุทธิ | 47,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ตุลาคม 2560)[1] |
ลายมือชื่อ | |
เว็บไซต์ | Official website |
บลูมเบอร์กเป็นผู้ก่อตั้ง ประธานบริหาร และเจ้าของบริษัท Bloomberg L.P. ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการทางการเงิน สื่อมวลชน และซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งรู้จักกันดีว่าผลิตโปรแกรม Bloomberg Terminal ซึ่งให้ข้อมูลทางการเงินที่ใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินทั่วโลก เขาเริ่มทำงานที่บริษัทนายหน้าขายหลักทรัพย์ Salomon Brothers ก่อนตั้งบริษัทของตนเองในปี 2524 และใช้เวลาอีก 20 ปีต่อมาโดยเป็นประธานและประธานบริหารของบริษัท บลูมเบอร์กยังเคยเป็นประธานกรรมการของมหาวิทยาลัยที่เขาเป็นศิษย์เก่า คือ มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ ระหว่างปี 2539-2545
บลูมเบอร์กเคยเป็นผู้ว่าการนครนิวยอร์กถึง 3 สมัย เริ่มตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2544 แม้จะเคยลงทะเบียนว่าเป็นคนสนับสนุนพรรคเดโมแครตก่อนจะเริ่มหาเสียง เขาก็ได้เปลี่ยนทะเบียนของเขาในปี 2544 เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคริพับลิกัน เขาชนะฝ่ายตรงข้ามอย่างเฉียดฉิวในการเลือกตั้งที่ทำไม่กี่อาทิตย์หลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 เขาชนะการเลือกตั้งสมัยที่สองในปี 2548 และลาออกจากพรรคริพับลิกันสองปีหลังจากนั้น บลูมเบอร์กได้รณรงค์เพื่อเปลี่ยนกฎหมายซึ่งจำกัดสมัยที่สามารถเป็นผู้ว่าการ แล้วได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สามในปี 2552 โดยไม่สังกัดพรรค
สื่อมักจะลือว่า เขาจะลงสมัครับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐทั้งในปี 2551 และ 2555 ตลอดทั้งผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กในปี 2553 แต่เขาก็ปฏิเสธไม่สมัคร โดยเลือกทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการของนครนิวยอร์กต่อไปในเวลานั้น
ในปี 2557 Bill de Blasio ก็ได้แทนที่บลูมเบอร์กเป็นผู้ว่าการนครนิวยอร์ก หลังจากที่ทำงานการกุศลอย่างเต็มเวลาในระยะสั้น ๆ บลูมเบอร์กก็กลับไปทำหน้าที่เป็นประธานบริหารของบริษัท Bloomberg L.P. โดยท้ายปี 2557 ในวันที่ 7 มีนาคม 2559 เขาได้ประกาศว่าจะไม่สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคที่ 3 สำหรับการเลือกตั้งปี 2559 แม้จะมีข่าวลือที่กระจายไปทั่ว และภายหลังได้ให้การสนับสนุนแก่ฮิลลารี คลินตัน