โทโมยูกิ ยามาชิตะ
นายพลในกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น / From Wikipedia, the free encyclopedia
พลเอก โทโมยูกิ ยามาชิตะ (ญี่ปุ่น: 山下奉文; อังกฤษ: Tomoyuki Yamashita) บ้างเรียก โทโมบูมิ ยามาชิตะ[2]) เป็นนายพลแห่งกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ยามาชิตะเป็นผู้นำกองกำลังญี่ปุ่นระหว่างการทัพมาลายาและยุทธการที่สิงคโปร์ ด้วยความสำเร็จในการพิชิตมลายาและสิงคโปร์ใน 70 วัน ทำให้เขาได้รับนามสมญา พยัคฆ์แห่งมาลายา ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ วินสตัน เชอร์ชิล ที่เรียกการล่มสลายของสิงคโปร์ต่อประเทศญี่ปุ่นว่าเป็น "ภัยพิบัติที่เลวร้ายที่สุด" และ "การยอมจำนนครั้งใหญ่ที่สุด" ในประวัติศาสตร์การทหารของอังกฤษ[3] ยามาชิตะได้รับมอบหมายให้คุ้มครองฟิลิปปินส์จากกองกำลังพันธมิตรที่จะมาถึงภายหลังในสงคราม และในขณะที่ไม่สามารถหยุดการรุกคืบของพันธมิตร เขาสามารถที่จะยึดครองส่วนหนึ่งของเกาะลูซอนได้จนกระทั่งหลังการยอมจำนนของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1945
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
โทโมยูกิ ยามาชิตะ | |
---|---|
山下 奉文 | |
ผู้ว่าการทหารญี่ปุ่นแห่งหมู่เกาะฟิลิปปินส์ | |
ดำรงตำแหน่ง 26 กันยายน ค.ศ. 1944 – 2 กันยายน ค.ศ. 1945 | |
กษัตริย์ | สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ |
ก่อนหน้า | ชิเงโนริ คุโรดะ |
ถัดไป | เลิกล้มตำแหน่ง (อย่างเป็นทางการโดยมานูเอล โรฮัส ในฐานะประธานาธิบดีฟิลิปปินส์) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1885(1885-11-08) โอโตโยะ จังหวัดโคจิ ประเทศญี่ปุ่น |
เสียชีวิต | 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1946(1946-02-23) (60 ปี) โลสบาโญส จังหวัดลากูนา เครือจักรภพแห่งฟิลิปปินส์ |
สาเหตุการเสียชีวิต | การแขวนคอ |
ที่ไว้ศพ | สุสานทามะไรเอ็ง ฟูจู โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น |
คู่สมรส | ฮิซาโกะ นากายามะ (สมรส 1916–1946) |
บุตร | ไม่มี |
บุพการี |
|
รางวัล | เครื่องราชอิสริยาภรณ์เหยี่ยวทองคำ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัย เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงคลรัตน์ |
ชื่อเล่น | พยัคฆ์แห่งมาลายา เดรัจฉานแห่งบาตาอัน[1] |
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |
รับใช้ | ญี่ปุ่น |
สังกัด | กองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่น |
ประจำการ | ค.ศ. 1905–1945 |
ยศ | พลเอก |
บังคับบัญชา | กองทัพที่ 25 กองทัพสนามที่ 1 กองทัพสนามที่ 14 |
สงคราม/การสู้รบ | สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามแปซิฟิก |
หลังสงคราม ยามาชิตะถูกกล่าวหาสำหรับอาชญากรรมสงครามที่กระทำโดยทหารภายใต้คำสั่งของเขาในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองฟิลิปปินส์เมื่อปี ค.ศ. 1944 ในการพิจารณาคดี ยามาชิตะถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานความทารุณจากกองทัพของเขา แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานว่าเขาเป็นผู้อนุมัติหรือแม้แต่รู้จักพวกเขา และโดยแท้จริงแล้วความโหดร้ายหลายอย่างเกิดขึ้นจากกองกำลังที่ไม่ได้อยู่ภายใต้คำสั่งของเขา ยามาชิตะถูกตัดสินประหารชีวิตโดยการแขวนคอเมื่อปี ค.ศ. 1946 การพิจารณาคดีต่อยามาชิตะ ถือตามผู้บัญชาการที่ต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงครามแทนผู้ใต้บังคับบัญชา ตราบเท่าที่ผู้บังคับบัญชาไม่ได้พยายามค้นหาและหยุดยั้งพวกเขาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมาเป็นที่รู้จักในฐานะมาตรฐานยามาชิตะ