Loading AI tools
นักแสดงชาวอเมริกัน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โซเอ ยาดิรา ซัลดัญญา-เปเรโก (สเปน: Zoë Yadira Saldaña-Perego,[2] สกุลเดิม: ซัลดัญญา นาซาริโอ; เกิด 19 มิถุนายน ค.ศ. 1978) เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักจากผลงานในภาพยนตร์แฟรนไชส์บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์ เธอได้แสดงในภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลถึง 4 เรื่อง ได้แก่ อวตาร, อวตาร: วิถีแห่งสายน้ำ, อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล และ อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก ภาพยนตร์ที่เธอแสดงทำเงินรวมทุกเรื่องได้มากกว่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก ในปี 2024 เธอกลายเป็นนักแสดงภาพยนตร์หญิงที่ทำรายได้สูงสุด[3][4] ทั้งนี้ นิตยสาร ไทม์ ยกให้เธอเป็นหนึ่งใน 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2023 ด้วย[5]
โซเอ ซัลดัญญา | |
---|---|
ซัลดัญญาในปี 2022 | |
เกิด | โซเอ ยาดิรา ซัลดัญญา-นาซาริโอ[1] 19 มิถุนายน ค.ศ. 1978 พัสเซอิก รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ |
อาชีพ | นักแสดง |
ปีปฏิบัติงาน | 1999–ปัจจุบัน |
คู่สมรส | มาร์โก เปเรโก (สมรส 2013) |
คู่รัก |
|
บุตร | 3 คน |
หลังจากฝึกฝนเป็นนักเต้น ซัลดัญญาได้เริ่มแสดงเมื่อปี 1999 ในละครชุดเรื่อง ลอว์แอนด์ออร์เดอร์ จำนวนสองตอน ต่อมาเธอได้แสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่อง ฟลอร์รัก เวทีร้อน (2000) โดยแสดงเป็นนักเต้นบัลเลต์ ในช่วงต้นอาชีพ เธอยังได้รับการยอมรับจากผลงานที่ประกบกับบริตนีย์ สเปียส์ ในภาพยนตร์เรื่อง ครอสโรดส์ แสบ ซ่า ใส ไล่หารัก (2002) นับตั้งแต่ปี 2009 ซัลดัญญาประสบความสำเร็จในอาชีพการงานจากการแสดงเป็นนีโอตา อูฮูรา ในภาพยนตร์ชุด สตาร์ เทรค และเนย์ทีรี ในภาพยนตร์ชุด อวตาร ของเจมส์ แคเมรอน เธอยังแสดงเป็นกาโมราในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล นับตั้งแต่ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล (2014) ไปจนถึง รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 3 (2023)[6] นอกจากผลงานแฟรนไชส์แล้ว ซัลดัญญายังแสดงในภาพยนตร์บันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์เรื่อง ย้อนเวลาหาอดัม และละครชุดขนาดสั้นแนวโรแมนติกดรามาเรื่อง เริ่มจากศูนย์ ซึ่งทั้งสองเรื่องเข้าฉายทางเน็ตฟลิกซ์ในปี 2022 ต่อมาในปี 2023 เธอรับบทนำเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอในซีรีส์แนวสายลับทางช่องพาราเมาต์+ เรื่อง สเปเชียลออปส์: ไลออนเนส
โซเอ ยาดิรา ซัลดัญญา นาซาริโอ เกิดเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 1978 ที่เมืองพัสเซอิก รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐ[7] บิดาของเธอ อาริดิโอ ซัลดัญญา เป็นชาวโดมินิกัน[8][9] ส่วนมารดาของเธอ อาซาเลีย นาซาริโอ เป็นชาวโดมินิกันที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวปวยร์โตรีโก ในวัยเด็ก ซัลดัญญาอาศัยอยู่กับมารดาที่สาธารณรัฐโดมินิกัน แต่พวกเขาอพยพไปรัฐนิวยอร์กเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายทางการเมือง[ต้องการอ้างอิง] ในบทสัมภาษณ์กับนิตยสาร ไวร์ด (Wired) ซัลดัญญากล่าวว่า เธอมีเชื้อสายโดมินิกันสามในสี่และเชื้อสายปวยร์โตรีโกหนึ่งในสี่[10][11][12]
ซัลดัญญามีพี่สาวชื่อ มาเรียล และน้องสาวชื่อ ไซส์ลี ซึ่งพวกเธอได้รับการเลี้ยงดูแบบสองภาษาทั้งภาษาอังกฤษและภาษาสเปน โดยภาษาสเปนถือเป็นภาษาหลักที่ใช้พูดคุยกันในครอบครัว ทั้งนี้ ตลอดช่วงปฐมวัยของเธอใช้เวลาอยู่ในแจ็กสันไฮตส์ ควีนส์ ในนครนิวยอร์ก[13]
บิดาของพวกเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อซัลดัญญาอายุได้เก้าขวบ มารดาของเธอส่งลูกสาวทั้งสามคนกลับไปที่สาธารณรัฐโดมินิกัน เพื่อให้ครอบครัวฝั่งบิดาผู้ล่วงลับช่วยเลี้ยงดู โดยมารดาของเธอยังคงอยู่ในนครนิวยอร์กเพื่อหารายได้สำหรับจ่ายค่าเล่าเรียนให้กับลูก ๆ ของเธอในโรงเรียนเอกชน[7] อาซาเลีย ผู้เป็นแม่ม่ายนั้น สมรสใหม่กับดาโกเบร์โต กาลัน ผู้กลายเป็นบิดาบุญธรรมของเด็ก ๆ ทั้งสามคน โดยพวกเธอถือว่า เขาเป็นเสมือนพ่ออีกคนโดยสมบูรณ์[14][15][9]
ซัลดัญญาเป็นสมาชิก Faces หลังเปิดตัวในตอนหนึ่งของลอว์แอนด์ออร์เดอร์ (ตอน "Refuge, Part 2") ในปี 1999[16] บทบาทภาพยนต์แรกของเธอคือ ฟลอร์รัก เวทีร้อน (2000) กำกับโดยนิโคลัส ไฮต์เนอร์ เธอปรากฏตัวในยานพาหนะของบริตนีย์ สเปียส์ใน ครอสโรดส์ แสบ ซ่า ใส ไล่หารัก (2002) ภาพยนตร์ได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบ แต่ประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศ[17][18] ซัลดัญญาแสดงนำในภาพยนตร์คอมเมดี-ดรามา Drumline (2002) ร่วมกับนิก แคนนอน ซึ่งได้รับเสียงวิจารณ์ผสม[19][20]
ในคืนชีพกองทัพโจรสลัดสยองโลก (2003) เธอรับบทเป็น Anamaria โจรสลัดที่เข้าร่วมกับวิลล์ เทอร์เนอร์และ Mr. Gibbs เพื่อหาโอกาสในการเผชิญหน้าแจ็ก สแปร์โรว์ในเรื่องการขโมยเนือของเธอ ซาลแดนาปรากฏตัวในด้วยรักและมิตรภาพรับบทเป็น Dolores Torres เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และแฟน สตาร์ เทรค บทบาทนี้มีส่วนช่วยให้เธอแสดงในภาพยนตร์รีบูต สตาร์ เทรค (2009)[21]
ใน ค.ศ. 2005 ซัลดัญญาปรากฏในเรื่อง Constellation, เกส ฮู ใครเอ่ย...เขยหนุ่มเด็กแนว ร่วมกับแอชตัน คุชเชอร์ และ Dirty Deeds เธอแสดงนำในภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี-ดรามาเรื่องPremium (2006) และ ภาษารักไม่จำกัดนิยาม (2007)[22] ซาลแดนาแสดงนำในBlackout ภาพยนตร์โทรทัศน์ที่มาฉากในนครนิวยอร์กในช่วงเหตุไฟฟ้าดับทางตะวันออกเฉียงเหนือ ค.ศ. 2003 ภาพยนตร์นี้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลภาพยนตร์ซือริชใน ค.ศ. 2007[23] และเปิดตัวใน BET เมื่อ ค.ศ. 2008[24] ซัลแดนารับบทนักแสดงเสริมเป็น Angie Jones ในภาพยนตร์ทริลเลอร์แอกชัน แวนเทจ พอยต์ เสี้ยววินาทีสังหาร (2008)[25]
ซาลแดนาปรากฎตัวในสองบทบาทเมื่อ ค.ศ. 2009 ทำให้เธอมีชื่อเสียงขึ้นอย่างมาก[26] เธอรับบทเป็นนิโอตา อูฮูราใน สตาร์ เทรค สงครามพิฆาตจักรวาล[27] เจ.เจ. แอบรัมส์ ผู้กำกับภาพยนตร์นี้ ขอให้ซัลแดนาเล่นบทบาทนี้เนื่องจากตัวเธอชอบงานของเธอ เธอพบกับนิเชลล์ นิโคลส์เพื่อทำความเข้าใจการสร้างภูมิหลังและชื่อตัวละครของอูฮูรา[28] แม่ของซัลแดนาเป็นแฟนครับ สตาร์ เทรค โดยฝากข้อความเสียงในระหว่างการถ่ายทำ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับบทบาท[29] เมื่อ 5 ปีก่อนในตอนที่สตีเวน สปีลเบิร์กกำกับเธอในเรื่อง ด้วยรักและมิตรภาพ เขาสอนให้เธอทำท่า Vulcan salute[21] สตาร์ เทรค (2009) ประสบความสำเร็จในรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศที่ 385.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[30]
ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงเรื่องที่สองของซาลแดนาใน ค.ศ. 2009 คือ อวตาร ที่เธอรับบทเป็นเนย์ทีรี อวตารได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักวิจารณ์ โดยรวมคะแนนชื่นชอบจากรอตเทนโทเมโทส์ที่ 83%[31] เก็บรายได้ทั่วโลกไป 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีรายได้มากที่สุดตลอดกาล[32] และยังเป็นภาพยนตร์แรกที่เก็บรายได้มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก[33] ภาพยนตร์นี้เข้าชิงรางวัลแซทเทิร์น 10 สาขา และชนะทั้งหมดในงานรางวัลแซทเทิร์น ครั้งที่ 36 โดยรางวัลแซทเทิร์น สาขานักแสดงหญิงดีเด่นของซาลแดนาสำหรับตัวละครที่ใช้ซีจีทั้งหมด เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยพบเห็น[34]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 ซาลแดนาได้หมั้นกับคีธ บริตตัน นักแสดงและผู้บริหารของมายแฟชันดาตาเบส (My Fashion Database)[35] ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 เธอกับบริตตันได้ประกาศยุติความสัมพันธ์หลังจากคบหากันนานกว่าสิบเอ็ดปี[36] จากนั้นซาลแดนาเริ่มคบหากับแบรดลีย์ คูเปอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน ตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 2011 จนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2013[37]
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 ซาลแดนาเริ่มคบหากับมาร์โก เปเรโก ศิลปินชาวอิตาลี ทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 ในกรุงลอนดอน[38][39] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 ซาลแดนาเปิดเผยว่า เปเรโกได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของเธอหลังจากสมรสกัน[40][41] โดยที่เธอเปลี่ยนเป็น โซเอ ซัลดัญญา-เปเรโก ในขณะที่เขาเปลี่ยนเป็น มาร์โก เปเรโก-ซัลดัญญา[42] ซาลแดนากับเปเรโกมีบุตรชายด้วยกันสามคน เป็นฝาแฝดสองคนชื่อ ไซ อารีดีโอ และโบอี เอซีโอ เกิดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014[43] ส่วนคนที่สามชื่อ เซน เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017[44][45] ซาลแดนากล่าวว่าบุตรของเธอสามารถพูดได้หลายภาษา เพราะเธอและสามีจะพูดภาษาสเปน ภาษาอิตาลี และภาษาอังกฤษ ในขณะอยู่กับพวกเขา[46]
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013 ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ ดิอีดิต ของเน็ต-อะ-พอร์เตอร์ ซาลแดนาเผยว่าเธอเป็นโรคต่อมไทรอยด์อักเสบฮาชิโมโตะ อันเป็นโรคภูมิต้านตนเอง ซึ่งแม่และน้องสาวของเธอก็เป็นโรคดังกล่าวด้วยเช่นกัน เพื่อสู้กับผลกระทบของโรคนี้ ซาลแดนากล่าวว่า เธอและสามียึดตนเองเป็นผู้รับประทานอาหารที่ปราศจากกลูเตนและนม[47] นอกจากนี้ ซาลแดนายังสนับสนุนเอฟไอเอ็นซีเออินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นองค์การระบบการเงินในระดับจุลภาค[48] ใน ค.ศ. 2017 ซาลแดนาได้ก่อตั้งบีอีเอสอี ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสื่อดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อ "ต่อสู้กับการขาดความหลากหลายในสื่อกระแสหลัก" พร้อมกับให้ความสนใจเรื่องราวเชิงบวกภายในชุมชนลาติน[49] ใน ค.ศ. 2020 ซาลแดนาใช้โซเชียลมีเดียของเธอเพื่อเข้าร่วมโหวตไรเดอส์ #IDCheck Challenge เพื่อช่วยกระจายข่าวเกี่ยวกับข้อกำหนดของบัตรประจำตัวผู้มีสิทธิเลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนั้น[50]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.