Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บริษัทเอ็กซ์พีเดียกรุ๊ป (อังกฤษ: Expedia Group, Inc.)รับทำทะเบียนการค้า เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกาที่ให้บริการด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ระดับโลก โดยมีธุรกิจในเครือหลากหลายแบรนด์ ได้แก่ Expedia.com, Hotels.com, Hotwire.com, trivago, Egencia (ชื่อเดิมคือ Expedia Corporate Travel), Venere.com, Expedia Local Expert, Classic Vacations, Expedia CruiseShipCenters, Travelocity, Orbitz และ HomeAway บริษัทในเครือของ Expedia, Inc. ดำเนินธุรกิจโดยมีจุดขายภายใต้แบรนด์นี้มากกว่า 100 จุดขายในกว่า 60 ประเทศ นอกจากนี้ Expedia, Inc. ยังให้บริการด้านการจองสำหรับการเดินทางแก่พันธมิตรมากกว่า 10,000 ราย เช่น สายการบินและโรงแรม แบรนด์สำหรับผู้บริโภค และเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีปริมาณผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สูงผ่านทาง Expedia Affiliate Network โดย 80% ของพันธมิตรเหล่านี้ดำเนินงานผ่าน API ของตนเอง[3] ทั้งนี้ Expedia, Inc. จดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ EXPE[4]
สำนักงานใหญ่ของ Expedia, Inc.ในเมืองเบลล์วิว รัฐวอชิงตัน | |
ประเภท | มหาชน |
---|---|
การซื้อขาย | NASDAQ: EXPE S&P 500 Component |
อุตสาหกรรม | ท่องเที่ยว เทคโนโลยี |
ก่อตั้ง | 22 ตุลาคม 1996 (เป็นแผนกหนึ่งของ ไมโครซอฟท์) |
สำนักงานใหญ่ | เบลล์วิว รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา |
บุคลากรหลัก | Barry Diller (Chairman) Dara Khosrowshahi (CEO) Mark Okerstrom (CFO) |
ผลิตภัณฑ์ | Expedia.com Hotels.com Hotwire.com trivago Egencia Venere Classic Vacations Expedia Local Expert Travelocity Orbitz HomeAway CarRentals.com |
รายได้ | US$ 5.763 พันล้าน (2014)[1] |
รายได้จากการดำเนินงาน | US$ 517.8 ล้าน (2014)[1] |
รายได้สุทธิ | US$ 398.1 ล้าน (2014)[1] |
สินทรัพย์ | US$ 9.02 พันล้าน (2014)[1] |
พนักงาน | 18,000 (ธันวาคม 2014)[2] |
บริษัทแม่ | Liberty Media |
Expedia, Inc. ซึ่งก่อตั้งขึ้นในฐานะที่เป็นแผนหนึ่งของไมโครซอฟท์ในเดือนตุลาคม 1996 ได้แยกตัวออกมาในปี 1999 และต่อมา TicketMaster ได้เข้าซื้อกิจการไปในปี 2001[5] (TicketMaster ได้เปลี่ยนชื่อเป็น USA Networks ในปี 2001 และเปลี่ยนเป็น InterActiveCorp ในปี 2003[6]) IAC ได้แตกกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวของตนออกมาภายใต้ชื่อเอ็กซ์พีเดียในเดือนสิงหาคม 2005 ซึ่งประกอบด้วย Expedia, Expedia Corporate Travel (Egencia ในปัจจุบัน), TripAdvisor, Classic Vacations, eLong, Hotels.com และ Hotwire.com[7] ในปลายปี 2011 Expedia, Inc. แยกตัวออกจาก TripAdvisor Media Group โดยยังคงรักษาความเป็นแบรนด์ธุรกิจการท่องเที่ยวของบริษัทเอาไว้[8] เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2012 Expedia, Inc. ได้เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ใน Trivago ซึ่งเป็นเมตาเสิร์ชเอนจินด้านการท่องเที่ยว โดยทำการซื้อขายในรูปแบบเงินสดและผลประโยชน์ทางหุ้นรวมกันซึ่งคิดเป็นมูลค่า 477 ล้านยูโร (ประมาณ 630 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)[9]
Richard Barton ซึ่งเป็น CEO คนแรกระบุว่า คำว่าเอ็กซ์พีเดีย (Expedia) นั้นมาจากการผสมกันของคำว่า “การสำรวจและความเร็ว” (exploration และ speed) และมีตัวอักษร "X" ที่มีคะแนนสูงในเกมสแคร็บเบิล
ในปี 2012 หน่วยธุรกิจ Engecia ของ Expedia ได้เข้าซื้อกิจการ Via Travel ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในนอร์เวย์ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ได้กระตุ้นยอดขายโดยรวมของ Expedia ให้กลายเป็นบริษัทด้านการท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงสุดในปี 2013
ในปี 2013 Expedia เข้าซื้อกิจการ 61% ของ Trivago ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเมตาเสิร์ชยอดนิยม
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2014 มีการประกาศว่า Expedia, Inc. ได้ตกลงซื้อกิจการของ Wotif.com Holdings Ltd ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ที่ครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งนี้ แบรนด์ของ Wotif ได้แก่ Wotif.com, lastminute.com.au และ travel.com.au[10]
ในเดือนตุลาคม 2014 Australian Competition and Consumer Commission ได้อนุมัติการเข้าซื้อ Wotif.com ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการจองของออสเตรเลียแก่ Expedia, Inc. ด้วยเงินจำนวน 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ[11]
ในเดือนมกราคม 2015 Expedia, Inc. ได้ซื้อ Travelocity จาก Sabre Corp เป็นเงิน 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ Expedia, Inc. ทำงานร่วมกับ Travelocity เพื่อให้บริการแพลตฟอร์มด้านเทคโนโลยีสำหรับจุดขายของ Travelocity ในสหรัฐฯ และแคนาดา[12]
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 Expedia, Inc. ตกลงเข้าซื้อ Orbitz ด้วยเงินสด 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ[13] ในเดือนกันยายน 2015 Expedia, Inc. ได้รับอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ป้องกันการผูกขาดของสหรัฐฯ ให้สามารถเข้าซื้อ Orbitz ได้[14]
ติดต่อการทำ ทะเบียนการค้า ในไทย ย้อนหลัง ID line n007t008
ในปี 2015 Expedia, Inc. ซื้อ HomeAway เป็นเงิน 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ [15]
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2011 Travelscape ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Expedia, Inc. ที่ตั้งอยู่ใน ลาสเวกัส ได้รับคำสั่งจาก ศาลฎีกาของสหรัฐอเมริกา ให้ชำระเงินจำนวน 6.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นค่าภาษีการขายย้อนหลังให้แก่รัฐ เซาท์แคโรไลนา ซึ่งทาง Travelscape โต้แย้งว่าความพยายามเก็บภาษีผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่ตั้งอยู่นอกรัฐของเซาท์แคโรไลนานั้นละเมิดกฎหมาย Dormant Commerce Clause ทั้งนี้ ในคำตัดสินที่เป็นเอกฉันท์นั้น ศาลพิจารณาว่าบริษัทมีการแสดงตัวในรัฐมากเพียงพอที่จะต้องเรียกเก็บภาษีการขาย แม้ว่า Travelscape จะไม่ได้มีสิ่งก่อสร้างทางกายภาพในรัฐเซาท์แคโรไลนา แต่ศาลก็พิจารณาว่าการเดินทางเพื่อการขายของพนักงานบริษัทที่เกิดขึ้นเป็นประจำและข้อเท็จจริงที่บริษัทได้จัดหาห้องพักของโรงแรมในรัฐนั้นพิสูจน์ให้เห็นถึงการปรากฏตัวเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษี[16]
Expedia, Inc. เริ่มเข้าซื้อกิจการของ Travelscape ด้วยเงิน 89.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ VacationSpot.com ด้วยเงิน 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2000 หลังจากนั้นได้เข้าซื้อ Classic Custom Vacations ในเดือนมีนาคม 2002 ด้วยเงิน 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบริษัทได้แตกธุรกิจออกเป็นสี่ส่วน ซึ่งบางส่วนของบริษัทถูกขายให้กับบริษัทอื่น เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2000 Technology Crossover Ventures เข้าซื้อหุ้นส่วนน้อยซึ่งคิดเป็น 7% ใน Expedia, Inc. ด้วยเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยที่ USA Networks เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 65% เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2002 ด้วยเงิน 1.372 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปีต่อมา เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2003 USA Interactive ก็ได้เข้าซื้อ Expedia, Inc. ด้วยเงิน 3.636 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในท้ายที่สุด Expedia, Inc. ก็ถูกแยกออกมาเป็นนิติบุคคลอิสระโดยมีมูลค่า 7.981 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัทมีการเข้าซื้อกิจการมากที่สุดในปี 2002 โดยทำการเข้าซื้อสามบริษัท ได้แก่ Classic Custom Vacations, Metropolitan Travel และ Newtrade Technologies[17]
ในเดือนมกราคม 2015 Expedia, Inc. เข้าซื้อ Travelocity ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์จาก Sabre Corporation บริษัทด้านเทคโนโลยีด้วยเงิน 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ[18]
วันที่ | บริษัท | ธุรกิจ | ประเทศ | มูลค่า (USD) | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|
17 มีนาคม 2000 | Travelscape | ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต | สหรัฐ | $89,750,000 | [19] |
17 มีนาคม 2001 | Vacationspot | ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต | สหรัฐ | $70,850,000 | [20] |
11 มีนาคม 2002 | Classic Custom Vacations[note 1] | บริษัทท่องเที่ยว | สหรัฐ | $78,000,000 | [21] |
11 กรกฎาคม 2002 | Metropolitan Travel | บริษัทท่องเที่ยว | สหรัฐ | — | [22] |
28 ตุลาคม 2002 | Newtrade Technologies | ซอฟต์แวร์การจอง | แคนาดา | — | [23] |
5 เมษายน 2004 | Activity World | การเดินทางและการท่องเที่ยว | สหรัฐ | — | [24] |
12 เมษายน 2004 | Egencia | บริษัทท่องเที่ยว | ฝรั่งเศส | — | [25] |
15 กรกฎาคม 2008 | Venere.com | เครื่องมือในการจองโรงแรม | อิตาลี | €200,000,000 | [26] |
18 ตุลาคม 2010 | Mobiata | นักพัฒนาแอพมือถือ | สหรัฐ | — | [27] |
27 เมษายน 2012 | VIA Travel | บริษัทจัดการการเดินทาง | นอร์เวย์ | — | [28] |
12 มีนาคม 2013 | trivago GmbH | เมตาเสิร์ชเอนจินด้านโรงแรม | เยอรมนี | $564,000,000 | [29] |
6 กรกฎาคม 2014 | Wotif | บริษัทท่องเที่ยว | ออสเตรเลีย | $657,000,000 | [30] |
23 มกราคม 2015 | Travelocity | บริษัทท่องเที่ยว | สหรัฐ | $280,000,000 | [31] |
17 กันยายน 2015 | Orbitz | บริษัทท่องเที่ยว | สหรัฐ | $1.6×10 9 | [32] |
4 พฤศจิกายน 2015 | HomeAway | บริการให้เช่าที่พักในช่วงวันหยุด | สหรัฐ | $3.9×10 9 | [33] |
วันที่ | ผู้เข้าซื้อ | บริษัทเป้าหมาย | ธุรกิจเป้าหมาย | ประเทศของผู้เข้าซื้อ | มูลค่า (USD) | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|
31 ธันวาคม 2000 | Technology Crossover Ventures | Expedia, Inc.[note 2] | การท่องเที่ยวออนไลน์ | สหรัฐ | $50,000,000 | [34] |
5 กุมภาพันธ์ 2002 | USA Networks | Expedia, Inc.[note 3] | การท่องเที่ยวออนไลน์ | สหรัฐ | $1.372×10 9 | [35] |
8 สิงหาคม 2003 | USA Interactive | Expedia, Inc.[note 4] | การท่องเที่ยวออนไลน์ | สหรัฐ | $3.636×10 9 | [36] |
9 สิงหาคม 2005 | IAC/InterActiveCorp | Expedia Inc.[note 5] | การท่องเที่ยวออนไลน์ | สหรัฐ | $7.981×10 9 | [37] |
Expedia, Inc. มีสำนักงานใหญ่อยู่ในอาคารที่มีชื่อว่า Expedia Building ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเบลล์วิว รัฐวอชิงตัน โดย Expedia, Inc. ครองพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 3 ถึงชั้น 19 (และบางส่วนของชั้น 20) ของอาคารที่มีความสูง 20 ชั้นแห่งนี้ โดยอาคารดังกล่าวสร้างเสร็จเมื่อปี 2008 ซึ่งเดิมทีมีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า Google ต้องการครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของอาคาร แต่เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุปั้นจั่นในปี 2006 ทำให้การก่อสร้างอาคารล่าช้าและทำให้ Google ถอนตัวออกจากโครงการ[38]
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2015 Expedia, Inc. ประกาศว่าพวกเขาอาจย้ายสำนักงานใหญ่ของตนไปยังย่าน อินเทอร์เบย์ ของ ซีแอตเทิล ภายในปลายปี 2018 โดยซื้อพื้นที่ของ Amgen บนพื้นที่ริมน้ำของ อ่าวเอลเลียต ด้วยเงิน 228.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ[39][40][41] ในส่วนหนึ่งของการย้ายสำนักงานนี้ Expedia, Inc. เสนอให้มีการขยายพื้นที่สำนักงานจาก 41 เอเคอร์ เป็น 1.23 ล้านตารางฟุต เพื่อรองรับพนักงาน 4,500 คน ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวออกแบบโดย Bohlin Cywinski Jackson[42][43]
ในเวลาต่อมาการย้ายสำนักงานถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2019 โดยอ้างถึงอุปสรรคด้านโลจิสติกบางประการ ซึ่งรวมถึงการเดินทางจาก อีสต์ไซด์ ไปยังซีแอตเทิลและการจราจรที่ติดขัดในพื้นที่[44] นอกจากนี้ ยังมีการประกาศมอบรางวัลจูงใจให้แก่พนักงานที่มองหาการคมนาคมรูปแบบอื่น โดยทางบริษัทมีการสำรวจบริการ รถรับส่งของบริษัท จาก ลานจอดรถ ใน เรดมอนด์[45]
ในปี 2008 Expedia, Inc. ได้รับขนานนามว่าเป็นบริษัทบนอินเทอร์เน็ตที่น่าชื่นชมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาจากการเปิดเผยโดยนิตยสาร Fortune โดย Expedia, Inc. รั้งอันดับสามรองจาก IAC และ Google ตามด้วย Amazon.com ในอันดับที่สี่[46] นอกจากนี้ National Travel ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ American Express Travel ประกาศว่าได้เพิ่ม Expedia Vacations ลงในกลุ่มผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวของบริษัท
Expedia, Inc. ติดอันดับต้นๆ ในรายชื่อบริษัทที่น่าชื่นชมมากที่สุดของนิตยสาร Fortune โดยในปี 2008 Expedia, Inc. รั้งอันดับที่ 3 ในประเภทอุตสาหกรรมการบริการทางอินเทอร์เน็ต/ค้าปลีก และติดอยู่ในรายชื่อของบริษัทที่น่าชื่นชมมากที่สุดในรัฐวอชิงตัน[46]
Expedia, Inc. ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนี่งใน “บริษัทที่มีการบริหารจัดการยอดเยี่ยมที่สุดของอเมริกา” โดยนิตยสาร Forbes ทั้งนี้ Expedia, Inc. มีชื่ออยู่ในรายชื่อบริษัทมหาชนของอเมริกาที่มีผลกำไรไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีการบริหารจัดการยอดเยี่ยมที่สุด 400 อันดับแรกของ Forbes เป็นครั้งแรก[47]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.