เอเค 47
ปืนเล็กยาวจู่โจมสัญชาติโซเวียต ขนาดกระสุน 7.62×39มม เริ่มผลิตเมื่อ ค.ศ. 1949 / From Wikipedia, the free encyclopedia
เอเค-47 เป็นที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการว่า อัฟโตแม็ท คาลาชนิคอฟ (รัสเซีย: Автома́т Кала́шникова, อักษรโรมัน: Avtomát Kaláshnikova, แปลตรงตัว: 'Kalashnikov’s automatic device'; ยังเป็นที่รู้จักกันคือ คาลาชนิคอฟ และ เอเค) เป็นปืนไรเฟิลจู่โจมด้วยกระสุนขนาด 7.62×39มม. ทำงานด้วยระบบแรงดันแก๊ส(gas-operated) ที่ถูกพัฒนาขึ้นในสหภาพโซเวียตโดยนาย มีฮาอิล คาลาชนิคอฟ เป็นอาวุธปืนรุ่นต้นกำเนิดของปืนไรเฟิลตระกูลคาลาชนิคอฟ(หรือ "เอเค") ส่วนตัวเลขท้ายว่า 47 หมายถึงปีที่สร้างปืนรุ่นนี้จนเสร็จสิ้น
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ โปรดเพิ่มพารามิเตอร์ reason หรือ talk ลงในแม่แบบนี้เพื่ออธิบายปัญหาของบทความ |
มีข้อสงสัยว่าบทความนี้อาจละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ระบุไม่ได้ชัดเจนเพราะขาดแหล่งที่มา หรืออ้างถึงสิ่งพิมพ์ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ หากแสดงได้ว่าบทความนี้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แทนป้ายนี้ด้วย {{ละเมิดลิขสิทธิ์}} หากคุณมั่นใจว่าบทความนี้ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แสดงหลักฐานในหน้าอภิปราย โปรดอย่านำป้ายนี้ออกก่อนมีข้อสรุป |
เอเค 47[N 1] | |
---|---|
![]() เอเค-47 ไทป์ 2 พร้อมติดดาบปลายปืน | |
ชนิด | ปืนเล็กยาวจู่โจม |
แหล่งกำเนิด | สหภาพโซเวียต |
บทบาท | |
ประจำการ | ค.ศ. 1949–1974 (สหภาพโซเวียต) ค.ศ. 1949–ปัจจุบัน (ประเทศอื่น ๆ) |
ผู้ใช้งาน | ดูประเทศผู้ใช้งาน |
สงคราม | ดูการศึก |
ประวัติการผลิต | |
ผู้ออกแบบ | มีฮาอิล คาลาชนิคอฟ |
ช่วงการออกแบบ | ค.ศ. 1946–1948[1] |
บริษัทผู้ผลิต | คาลาชนิคอฟคอนเซิร์น และอื่น ๆ อีกมาก รวมถึงนอริงโก |
ช่วงการผลิต | ค.ศ. 1948–ปัจจุบัน[2][3] |
จำนวนที่ผลิต | เอเค 47 ประมาณ 75 ล้านกระบอก, อาวุธของตระกูลคาลาชนิคอฟ 100 ล้านกระบอก[4][5] |
แบบอื่น | ดูรุ่น |
ข้อมูลจำเพาะ | |
มวล | ปราศจากแมกกาซีน: 3.47 kg (7.7 lb) แมกกาซีน ว่างเปล่า: 0.43 kg (0.95 lb) (ส่งออกแต่แรก)[6] 0.33 kg (0.73 lb) (หล็กกล้า)[7] 0.25 kg (0.55 lb) (พลาสติก)[8] 0.17 kg (0.37 lb) (โลหะผสมที่มีน้ำหนักเบา)[7] |
ความยาว | พานท้ายไม้: 880 mm (35 in)[8] 875 mm (34.4 in) ยืดพานท้าย 645 mm (25.4 in) พับพานท้าย[6] |
ความยาวลำกล้อง | ความยาวโดยรวม: 415 mm (16.3 in)[8] ความยาวลำกล้องปืนเล็กยาว: 369 mm (14.5 in)[8] |
กระสุน | 7.62×39 มม. |
การทำงาน | แรงดันแก๊ส, ลูกเลื่อนหมุนตัว |
อัตราการยิง | อัตราเร็วในการยิงทางทฤษฎี: 600 นัดต่อนาที[8] อัตราเร็วในการยิงต่อสู้: กึ่งอัตโนมัติ 40 นัดต่อนาที[8] การระเบิด 100 นัดต่อนาที[8] |
ความเร็วปากกระบอก | 715 m/s (2,350 ft/s)[8] |
ระยะหวังผล | 350 ม. (380 หลา)[8] |
ระบบป้อนกระสุน | ซองกระสุนแบบกล่องถอดได้ 30 นัด[8] นอกจากนี้ยังมีแบบกล่อง 5, 10, 20 และ 40 นัด รวมถึงใช้แมกกาซีนแบบจาน 75 และ 100 นัดได้ |
ศูนย์เล็ง | ศูนย์เปิดปรับได้ 100–800 ม. รัศมีศูนย์: 378 mm (14.9 in)[8] |
งานออกแบบปืนรุ่นเอเค-47 เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1945 ในปี ค.ศ. 1946 เอเค-47 ได้ถูกนำเสนอสำหรับการพิจารณาคดีทหาร และในปี ค.ศ. 1948 รุ่นที่ยังอยู่ในคลังได้ถูกนำเสนอให้เข้าสู่หน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ถูกรับเลือกโดยหน่วยทหารของกองทัพบกโซเวียต การพัฒนาในช่วงแรกของการออกแบบคือ รุ่นเอเคเอ็ส (S—Skladnoy หรือ"พับได้") ซึ่งถูกติดตั้งด้วยพานท้ายปืนที่ทำมาจากเหล็กที่สามารถพับเก็บได้ ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1949 เอเค-47 ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากกองทัพโซเวียต[9] และถูกใช้งานโดยรัฐสมาชิกส่วนใหญ่ของกติกาสัญญาวอร์ซอ
แม้ว่าจะผ่านพ้นไป 7 ทศวรรษ แต่ละรุ่นและรูปแบบต่างๆ ยังคงเป็นปืนไรเฟิลที่ได้รับความนิยมและใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก เนื่องจากด้วยความน่าเชื่อถือภายใต้สภาวการณ์ที่เลวร้าย ต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อนำมาเทียบกับอาวุธปืนฝั่งตะวันตกในยุคสมัยเดียวกัน ด้วยสภาพความพร้อมที่จะใช้งานในแทบทุกภูมิภาคทางภูมิศาสตร์และใช้งานที่ง่ายดาย เอเค-47 ได้ถูกผลิตในหลายประเทศและได้แสดงให้เห็นถึงการใช้งานของกองกำลังติดอาวุธ เช่นเดียวกับกองกำลังรบนอกแบบและการก่อการกำเริบทั่วโลก และเป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาอาวุธปืนประจำตัวของทหารแต่ละบุคคลที่ประจำการในหน่วยต่างๆ อีกมากมายและอาวุธปืนพิเศษ ในปี ค.ศ. 2004 "จากจำนวนอาวุธปืนทั่วโลกประมาณ 500 ล้านกระบอก มีจำนวนราวประมาณ 100 ล้านกระบอกเป็นอาวุธรุ่นตระกุลคาลาชนิคอฟ ซึ่งสามในสี่ส่วนเป็นปืนรุ่นเอเค-47"[4]