Loading AI tools
เครื่องหมายของรัฐ องค์กร หรือศักดิ์ศรีทางศาสนา มักจะใช้เพื่ออำนาจและเกียรติยศ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เครื่องหมาย (อังกฤษ: Insignia) มาจาก ภาษาละติน insignia, พหูพจน์ของ insigne 'emblem, symbol, ensign') เป็นป้าย (Sign) หรือลักษณะเฉพาะ (mark) ที่แสดงถึงความแตกต่างของกลุ่ม ระดับ ยศ หรือหน้าที่ นอกจากนี้ยังใช้งานเป็นสัญลักษณ์แสดงอิทธิพลของสมาคมหรือกลุ่มอย่างเป็นทางการ รวมถึงคณะประศาสน์การ (Governing body)
เครื่องหมายนั้นโดยทั่วไปจะถูกทำขึ้นมาจากโลหะหรือผ้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของหน่วยงานทั่วไปหรือหน่วยงานเฉพาะทาง ซึ่งเครื่องหมายนั้นก็มีการใช้งานร่วมกันมาจากการประดับเครื่องหมายที่แตกต่างกันเพื่อบอกความแตกต่างของยศ ระดับ หรือศักดินา
เครื่องหมายมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท รวมไปถึง เครื่องอิสริยาภรณ์สำหรับพลเรือน (Civil decoration) และทางทหาร (Military decoration) มงกุฎ (crowns) ตราสัญลักษณ์ (Emblem) และตราอาร์ม (Coat of arms)
การใช้เครื่องหมายนั้นมีมาก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งในรูปแบบของส่วนบุคคลและแบบกลุ่ม (โดยเฉพาะในทางหทาร) เมื่อต้องการให้เห็นเครื่องหมายก็จะนำเครื่องหมายดังกล่าวไปประดับไว้ที่ยอดเสาหรือหัวของหอก ซึ่งชาวเปอร์เซียใช้นกอินทรีทองคำเป็นเครื่องหมาย ส่วนชาวอัสซีเรียใช้เครื่องหมายนกพิราบ และชาวอาร์มีเนียใช้เครื่องหมายสิงโต โดยนกอินทรีกลายมาเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในฐานะ aquila ซึ่งเป็นเครื่องหมายของกองทหารโรมันในช่วงประมาณ 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ในช่วงแรก ๆ นั้น เครื่องหมายทางการทหารนั้นเรียบง่ายมาก เช่น กิ่งไม้ นกที่กำลังทำท่าตะปบเหยื่อ หัวของสัตว์ร้าย หรือฟางขนาดหนึ่งกำมือ ประดับไว้บนยอดเสาหรือไม้ยาว เพื่อแสดงให้คู่ต่อสู้ได้รับรู้ว่ากำลังอยู่ในการต่อสู้ประจัญกัน หรือเพื่อบอกสถานที่นัดพบกันหากถอนกำลังหรือเพลี้ยงพล้ำพ่ายแพ้ แต่เมื่องานศิลปะที่ใช้ในการทำสงครามได้รับการปรับปรุงขัดเกลา เครื่องหมายที่แข็งแรงมั่นคงและเด่นชัดกว่าเก่าได้รับการออกแบบขึ้นมาและตรงความต้องการของเหล่าทหารที่มีความต้องการเครื่องหมายที่มีลักษณะเฉพาะ
ในชาวยิวนั้น ทั้ง 12 เผ่าของชาวยิวมีการใช้เครื่องหมายที่มีสีสันโดดเด่น เป็นรูปหรือสัญลักษณ์ที่ถูกกำหนดตามการให้พรของยาโคบ (Blessing of Jacob)[1] โดยในพระคำภีร์กล่าวว่าสิงโตนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเผ่ายูดาห์ (Judah) เรือเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าเศบูลุน (Zebulun) ดวงดาวและท้องฟ้าเป็นของเผ่าอิสสาคาร์ (Issachar) เป็นต้น
ในผู้คนที่เคารพในเทพเจ้าจะมีรูปของพระเจ้าหรือสัญลักษณ์ของพระเจ้าบนเครื่องหมายของพวกตน เช่น ชาวอียิปต์เลือกนกแก้วและจระเข้บนเครื่องหมาย ชาวอัสซีเรียและชาวบาบีโลนมีนกพิราบ ตามที่เยเรมีย์ได้บันทึกไว้ในบทที่ XXV และ XLVI ในคำพยากรณ์ของเขา เนื่องจากชื่อ "เซมิรามิส" (Semiramis) แต่เดิมนั้นคือ "เคมีร์มอร์" (Chemirmor) แปลว่า นกพิราบ
ในช่วงเวลายุคแห่งวีรบุรุษ โล่ หมวก หรือเกราะบนหัวหอกถือเป็นเครื่องหมายทางหทารของทหารกรีก แต่อย่างไรก็ตาม โฮเมอร์ได้บันทึกไว้ว่าในระหว่างการปิดล้อมเมืองทรอย อะกาเมมนอน (Agamemnon) ใช้ผ้าสีม่วงในการกำหนดสัญลักษณ์จุดนัดพบสำหรับกองทหารของเขา[2]
ทีละเล็กละน้อย เครื่องหมายเริ่มถูกนำมาใช้บนดาบและโล่ ชาวเอเธนส์ใช้อะธีนา ต้นมะกอก และนกเค้าแมวเป็นเครื่องหมาย ชาวเมสสิเนียนและบาวลาโคเนียใช้อักษรตัวแรกของชื่อเป็นเครื่องหมาย
เครื่องหมายสำคัญของชาวเปอร์เซียคือนกอินทรีทองคำบนปลายหอกที่วางอยู่บนเกวียนและมีนายทหารคนสำคัญสองคนคุ้มกัน โดยเซโนฟอน (Xenophon) สันนิษฐานว่าเครื่องหมายดังกล่าวถูกใช้งานโดยกษัตริย์แห่งเปอร์เซียทุกพระองค์[3]
ในบรรดากองทัพยุคนั้น บางครั้งการชูผ้าคลุมสีม่วง (หรือสีอื่น ๆ) ก็เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนสำคัญในการประกาศหรือออกคำสั่งในการโจมตี
ในช่วงแรก ชาวโรมันใช้เพียงสัญลักษณ์ฟางหนึ่งกำมือในการใช้เป็นเครื่องหมาย และวางอยู่บนยอดของเสาเหมือนกับชนชาติอื่น ๆ จนเวลาผ่านไปจึงได้ใช้รูปทรงของหมาป่า ม้า หมูป่า และมินะทอร์ จนกระทั่งหลังจากพลินีผู้อาวุโสเข้ามาทำหน้าที่กงสุลในปีที่สอง ไกอุส มาริอุสได้แทนที่เครื่องหมายทั้งหมดด้วยนกอินทรี ซึ่งต่อมากลายเป็นเครื่องหมายหลักของหน่วยรบ โดยแต่ละหน่วยรบ หรืออย่างน้อยในหน่วยแรก จะถือหอกที่ประดับนกอินทรีสีเงินที่สยายปีกออกมาบนฐานติดอยู่บนยอด
ในยุคของจักรพรรดิ กองทัพมักจะถูกระบุตัวตนโดยมือสีเงินเปิดฝ่ามือ หรือที่รู้จักกันในนาม Signum manipuli ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี[4] เครื่องหมายดังกล่าวเกิดขึ้นมาโดยนายทหารที่เรียกว่า signifer โดยมีตัวอย่างมากมายให้เห็นในเสาตรายานุส ซึ่งในแผนครั้งแรกจะมีการประดับนกอยู่ด้านบน โดยอาจจะเป็นนกอินทรี
อนุสาวรีย์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากสมัยโบรานมักจะมีการประดับด้วยเครื่องหมายของมงกุฎและโล่ขนาดเล็กที่เรียกว่า clypei ซึ่งน่าจะเป็นภาพเหมือนของเทพเจ้าหรือวีรบุรุษในยุคโรมัน โดยมีตราสัญลักษณ์อื่น ๆ ที่แสดงถึงกองทหารแต่ละกอง ในบางเชิงเทินยังถูกประดับด้วยเครื่องหมายถ้วยรางวัลแห่งสงคราม
เมื่อเยอร์มานิคุส (Germanicus) เสียชีวิต หลายคนตำหนิปิโซ (Gnaeus Calpurnius Piso) และกองทหาร (Legion) ได้ลบสิ่งที่อ้างถึงเขาออกจากเครื่องหมายหน่วย
นกอินทรีสามารถมองเห็นได้บนยอดของเครื่องหมายบนเสาตรายานุส บริเวณเวซิลลุม (vexillum) ขนาดเล็กหรือบริเวณฐาน สอดคล้องกับที่เวเกเนียส (Vegetius) ได้บันทึกไว้เช่นกัน หน่วยทหารระดับโครฮอร์ท (Roman cohorts) และหน่วยทหารเซนจูเรียน (Centurions) นั้นเขียนชื่อของตนเอาเอาไว้ที่กลางโล่ เพื่อระบุให้ทหารแต่ละคนรู้ว่าโล่ของตนคืออันไหน[5] ซึ่งก่อนหน้าในยุคของเวเกเนียสได้บันทึกไว้นั้น เครื่องหมายจะมีใช้เฉพาะในหน่วยทหารระดับมานิเปิล (Maniple) เท่านั้น ไม่มีในหน่วยระดับโครฮอร์ท และบางครั้งก็มีเพียงเวซิลลุมสีม่วงและเครื่องหมายของหน่วยเท่านั้นประดับอยู่บนยอดหอกโดยไม่มีการตกแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด
เครื่องหมายใต้นกอินทรีประกอบไปด้วยเหรียฯตรา วางไว้เหนือเหรียญตราอีกอันหนึ่งและติกติดไว้กับก้านของหอก โดยบนเหรียญจะมีตัวอักษร SPQR ย่อมาจากคำว่า Senatus Populusque Romanus (แปลว่า วุฒิสภาโรมันและประชาชน The Roman Senate and People) และรูปเหมือนขององค์จักรพรรดิ
หน่วยทหารระดับมานิเปิล (Maniple) และเซนจูเรียน (Centurions) นั้นจะมีเครื่องหมายสีเดียวกัน โดยชื่อของแต่ละกองทหาร (Legion) และหมายเลขของเซนจูเรียนจะถูกปักด้วยทองคำ
มาตรฐานธงประจำกองทัพ (Labarum) ที่จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชได้ประดับชุดอักษรย่อ (Christogram) นั้นแตกต่างจากเวซิลลุม (vexillum) ตรงที่มันมีลักษณะที่แบนสามารถประดับไว้ในผืนสี่เหลี่ยมได้ ดังที่ปรากฏในเหรียญราชอิสริยาภรณ์จักรพรรดิเทออดอซิอุสที่ 1 และเหรียญอื่น ๆ ในขณะที่เวซิลลุมนั้นมักจะปรากฏอยู่บนเสาตรายานุสซึ่งไม่ได้รับการปกป้อง แต่ก็ถูกติดตั้งอยู่บนยอดของเสา
เวเกเนียส (Vegetius) ได้บันทึกเอาไว้ว่าในยุคของเขา ธงรูปมังกรนั้นเป็นเครื่องหมายของพวกไร้อารยธรรม เมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกควบคุมไว้โดยชาวโรมัน พวกเขาได้เก็บเครื่องหมายทางหทารเหล่านี้เอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับเครื่องหมายอินทรีของกองทหารโรมัน
นายทหารของโรมันที่รับหน้าที่ในการถือเครื่องหมายที่เรียกว่า insigniferos ไม่ว่าจะเป็นทหารราบหรือทหารม้าจะถูกคลุมด้วยเกราะที่ทำจากหนังหมี สิงโต หรือสัตว์ดุร้ายอื่น ๆ เพื่อแสดงถึงความกล้าหาญและการยืนหยัดที่จะปกป้องเครื่องหมายนั้น
ในช่วงเวลาบ้านเมืองสงบ ไม่มีศึกสงคราม กองทหารประจำการจะนำเครื่องหมายไปเก็บไว้ในคลังสาธารณะภายใต้การดูแลของขุนคลัง โดยจะเบิกมาใช้งานอีกครั้งเมื่อมีคำสั่งในการระดมพลและนำไปยังแคมปัส มาร์เชียส (Campus Martius) ดังที่ลิวีได้กล่าวไว้ว่า Signa quaestores ex cerario ferre (ทหารพลาธิการจะต้องแจกเครื่องหมายจากคลังของตน)
เครื่องหมายของกอลโบราณ (Ancient Gauls) และกลุ่มอนารยชนอื่น ๆ ใช้สัตว์ชนิดต่าง ๆ เป็นเครื่องหมาย รวมถึงวัว สิงโต และหมี ชาวริปัวเรียนแฟรงก์ (Ripuarian Franks) มีดาบเป็นสัญลักษณ์บนเครื่องหมาย ซึ่งในหมู่ของพวกเขาถูกถือว่าเป็นตัวแทนของเทพเจ้าแห่งสงคราม ส่วนของชาวซีกัม (Sicambri) นั้นจะมีหัวเป็นวัว ซึ่งตามคำกล่าวของเบเนตอง (Beneton) นั้นสิ่งนั้นหมายถึงเทพเจ้าเอปิส (Apis) แห่งอียิปต์ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าตนเองสืบเชื้อสายมาจากที่นั้น โดยกษัตริย์องค์แรกของชาวแฟรงก์ใช้เครื่องหมายเป็นคางคก[6]
ในช่วงสงครามครูเสด นักรบครูเสดทุกคนที่ไปยังปาเลสไตน์ได้ปักกางเขนของคริสเตียนเอาไวนบนธง ซึ่งมักจะเป็นกางเขนมอลตา[7] หรือกางเขนเยรูซาเลม[8]
ในยุคกลาง ตราประจำเมืองจะถูกดูแลไว้โดยกองทหารรักษาการณ์เพื่อแสดงความยกย่องการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา นอกจากนี้เพื่อแสดงความเคารพต่อตัวตรา ได้มีการวาดนักบุญองค์อุปถัมภ์ลงบนตรา และสวดอธิษฐานขอให้คุ้มครองเมือง โดยนักบุญองค์อุปถัมภ์ของขุนนางศักดินานั้นจะถือดาบและโล่ด้วย ต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งกองทหารประจำการถาวร รัชทายาทจะมอบธงที่ประดับไปด้วยดาบและโล่หรือธงของแต่ละกองกำลังให้กับพวกเขา ซึ่งมีการระบุรายละเอียดบางอย่างของแต่ละกองทหารด้วย และมีการมอบตราอาร์มให้กับหน่วยทหารที่เป็นที่นิยมและโปรดปรานในเวลาต่อมา
ธงกองกำลังและเครื่องหมายของชาวเติร์กโดยปกติทำมาจากผ้าไหมหลากสี มีดาบ (scimitar) ที่ปักด้วยทองคำ และตัวอักษรอาหรับ ที่หัวของหอกมีลักษณะกลมสีทอง ประดับด้วยพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวสีเงิน[9] นอกจากนี้พวกเขายังห้อยปอยผมหางม้าหรือมัดของขนม้าขนาดใหญ่ซึ่งหมายเลขของจำนวนสามารถบ่งบอกได้ถึงระดับชั้นศักดินาของนายพลหรืออำมาตย์ที่มาบังคับบัญชาในกองทัพ เมื่อผู้นำขุนนางมาบัญชาการรบด้วยตนเองหรืออยู่ในกองทัพ ธงหรือเครื่องหมายของกองกำลังจะประดับหางม้าจำนวน 7 เส้น (ตุรกี: tug)
ธงกองกำลังที่สำคัญที่สุดของชาวเติร์กคือธงกองกำลังของมูฮัมมัด ถือเป็นวัตถุที่ถูกปกป้องคุ้มกันอย่างล้ำค้าที่สุด มันมักจะถูกเก็บไว้ในหีบทองคำพร้อมกับอัลกุรอาน ซึ่งจะถูกลบออกเมื่ออยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่านั้น
โซลิส (Solís) เรียกมันว่าธงกองกำลังหลวงแห่งแม็กซิกัน (ธงกองกำลังที่เอร์นัน กอร์เตสยึดได้ในสมรภูมิโอทัมบา (Battle of Otumba)) มีลวดลายที่ทำจากทองคำแท้ห้อยลงมาจากหอก ประดับด้วยขนนกหลากสี ซึ่งทำให้แตกต่างจากเครื่องหมายชั้นรองลงมา ธงกองกำลังนี้ไม่เคยถูกลบออกนอกจากภายใต้การกดดันที่รุนแรงที่สุด[10] ฉะนั้นธงนี้จึงมีความสำคัญที่สุด หากกองกำลังสูญเสียธงก็จะส่งผลต่อการสู้รบด้วย ทำให้เอร์นัน กอร์เตสจึงต้องต่อสู้จนถึงที่สุดเพื่อให้ได้มันมาและยุติการปะทะในสมรภูมิดังกล่าว
ในยุคโบราณ วัตถุที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตที่ใช้ในเครื่องหมายที่ระบุว่าได้รับมาจากเทพเจ้า จะทำให้ผู้คนเชื่อว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานมา จนในที่สุดวัตถุเหล่านั้นก็จะถูกเคารพบูชาตามเทพเจ้าเหล่านั้น จากนั้นเมื่อมีการเพิ่มจำนวนผู้นับถือศาสนาคริสต์ในช่วงยุคกลาง วัตถุต่าง ๆ ที่ถูกยึดโยงกับพระเจ้าผ่านเครื่องหมายเหล่านั้นก็ถูกแทนที่ด้วยกางเขนของคริสเตียนและตราสัญลักษณ์ของนักบุญองค์อุปถัมภ์ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคารพในเครื่องหมายก็ตาม แม้ว่าในยุคปัจจุบัน การสูญเสียเครื่องหมายหรือธงกองกำลังก็นับเป็นเรื่องที่น่าอับอายอยู่เช่นกัน[11]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.