อินเจนูอิตี
เฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับที่ถูกทดสอบในภารกิจ มาร์ส 2020 / From Wikipedia, the free encyclopedia
อินเจนูอิตี (อังกฤษ: Ingenuity) เป็นเฮลิคอปเตอร์หุ่นยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งอยู่บนดาวอังคาร ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 มันประสบความสำเร็จในการบินขับเคลื่อนควบคุมโดยใช้แรงยกจากชั้นบรรยากาศบนดาวเคราะห์ใด ๆ นอกจากโลกเป็นครั้งแรก ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 โดยบินขึ้นเป็นแนวดิ่ง รักษาความสูง และลงจอด[9][10] เฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กลอยขึ้นประมาณ 3 m (9.8 ft) และอยู่เหนือพื้น 39.1 วินาที ก่อนกลับสู่พื้นผิวดาวอังคาร[11]
อินเจนูอิตี | |
---|---|
ส่วนหนึ่งของ มาร์ส 2020 | |
เฮลิคอปเตอร์ อินเจนูอิตี ในมุมมองของยานเพอร์เซเวียแรนส์ หลังจากถูกปล่อยลงสู่พื้นผิวดาวอังคาร ณ ลานพี่น้องไรต์ | |
ชื่ออื่น |
|
ประเภท | เฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับ |
ผู้ผลิต | ห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น (นาซา) |
หมายเลขจดทะเบียน | IGY |
รายละเอียดทางวิศวกรรม | |
ขนาด | |
เส้นผ่าศูนย์กลาง | ใบพัด: 1.2 m (4 ft)[1][2][3] |
ความสูง | 0.49 m (1 ft 7 in)[1] |
มวลหลังการลงจอด | |
กำลังไฟฟ้า | 350 watts[1][4] |
ประวัติการบิน | |
วันที่ส่งขึ้น | 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 11:50:00 UTC |
ฐานส่ง | แหลมคะแนเวอรัล, SLC-41 |
ลงจอด | 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 20:55 UTC |
พิกัดลงจอด | 18.4447°N 77.4508°E / 18.4447; 77.4508 หลุมอุกกาบาตเจซีโร จุดลงจอดออกเตเวีย อี บัตเลอร์ |
สถานะ | |
อุปกรณ์ | |
| |
สัญลักษณ์เฮลิคอปเตอร์ดาวอังคารของเจพีแอล |
อินเจนูอิตีเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจมาร์ส 2020 ของนาซา, โดรนอากาศยานปีกหมุนร่วมแกนขนาดเล็กนี้ ทำหน้าที่เป็นตัวสาธิตเทคโนโลยีสำหรับความเป็นไปได้ในการใช้ยานสำรวจบินได้บนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ พร้อมทั้งศักยภาพในการสำรวจตำแหน่งแห่งความสนใจ และสนับสนุนการวางแผนเส้นทางขับเคลื่อนของยานสำรวจดาวอังคารในอนาคต[12][13][1] อินเจนูอิตี ปัจจุบันอยู่บนพื้นผิวดาวอังคาร โดยมันถูกเก็บไว้ด้านใต้ของยานสำรวจเพอร์เซเวียแรนส์ระหว่างการเดินทางไปดาวอังคาร มันถูกปล่อยลงบนพื้นผิวในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2564[5][6][7] ประมาณ 60 วันหลังจากการลงจอดของเพอร์เซเวียแรนส์ ณ จุดลงจอดออกเตเวีย อี บัตเลอร์ ในหลุมอุกกาบาตเจซีโร หลังจากที่มันปล่อยเฮลิคอปเตอร์ลงบนพื้นผิวแล้ว ยานสำรวจดาวอังคารนั้นขับเคลื่อนออกมาประมาณ 100 m (330 ft) จากเฮลิคอปเตอร์เพื่อให้มี "เขตกันชน" ซึ่งเป็นเขตที่อินเจนูอิตี้ได้ทำการบินครั้งแรก [14] [15] การบินครั้งแรกนั้นเกิดนั้นในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ณ เวลา 14:15น. UTC+7 (7:15น. UTC) พร้อมกับการถ่ายทอดสดผ่านสัญญาณต่อเนื่องในอีก 3 ชั่วโมงต่อมา (17:15น. UTC+7, 10:15น. UTC) ยืนยันการบินสำเร็จ[16][17][18][19]
อินเจนูอิตี นั้นถูกคาดว่าจะบินได้ถึงห้าครั้งระหว่างช่วงทดสอบ 30 วัน ซึ่งถูกวางแผนไว้ให้ปฏิบัติในช่วงต้นของภารกิจของยานสำรวจดาวอังคาร โดยส่วนใหญ่เป็นการสาธิตเทคโนโลยี[1][20] โดยการบินแต่ละครั้งนั้นถูกวางแผนให้บินที่ความสูงตั้งแต่ 3–5 m (10–16 ft) เหนือพื้นดิน.[1] เป็นเวลาถึง 90 วินาที ต่อครั้ง อินเจนูอิตี สามารถเดินทางในแนวราบได้ 50 m (160 ft) และกลับมายังจุดเริ่มต้น[1] โดยระบบควบคุมอัตโนมัติ ระหว่างช่วงการบินสั้น ๆ ของมันจะถูกวางแผนด้วยการการควบคุมหุ่นยนต์ทางไกล เขียนขั้นตอนการทำงานโดยผู้ดำเนินการ ณ ห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น (เจพีแอล) มันจะสื่อสารโดยตรงกับ ยานสำรวจเพอร์เซเวียแรนส์หลังจากการลงจอดแต่ละครั้ง ใบพัดของมันปลดออกได้สำเร็จในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2564 ไม่กี่วันหลังจากถูกปล่อยลงพื้นผิวจากเพอร์เซเวียแรนส์[21][22]
อินเจนูอิตี ขนชิ้นส่วนผ้าจากปีกของไรต์ไฟลเออร์ เครื่องบินของพี่น้องไรต์ อากาศยานขับเคลื่อนควบคุมลำแรกของมนุษยชาติบนโลก [23] และจุดบินขึ้นและลงจอดแรกของอินเจนูอิตีถูกตั้งชื่อว่า ลานพี่น้องไรต์ [24] ก่อนการบินของอินเจนูอิตี การบินครั้งแรกในทุกประเภทบนดาวเคราะห์ดวงอื่นนอกจากโลกคือ การบินบอลลูนไร้แรงขับบนดาวศุกร์ โดยยานอวกาศ เวกา 1 ของสหภาพโซเวียตในปี พ.ศ. 2528[25]
วันที่ 18 มกราคม 2567 เฮลิคอปเตอร์อินเจนูอิตี ได้ขึ้นบินเที่ยวบินที่ 72 และในขณะที่กำลังลงจอดได้ขาดการติดต่อจากยาน Perseverance ซึ่งเป็นยานแม่ NASA จึงได้ให้ยาน Perseverance วิ่งไปยังจุดที่ Ingenuity ลงจอด เพื่อให้ยาน Perseverance ถ่ายภาพเพื่อให้นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดครั้งนี้ และในระหว่างที่ Perseverance กำลังแล่นไปหา Ingenuity นั้น Ingenuity ก็สามารถติดต่อกับ Perseverance ได้อีกครั้ง และได้ส่งภาพถ่ายเงาของใบพัดข้างหนึ่งกลับมายังโลก ซึ่งจากภาพถ่ายนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าใบพัดของ Ingenuity ได้รับความเสียหาย ซึ่งคาดว่าใบพัดของ Ingenuity นี้ไปโดนกับหินในระหว่างลงจอด อันเป็นสาเหตุที่ทำให้สัญญาญการติดต่อขาดหายไป ในวันที่ 26 มกราคม 2567 NASA จึงได้ประกาศยุติภารกิจการบินของ Ingenuity อย่างถาวร และให้ Ingenuity ทำหน้าที่ตรวจสอบสภาพอากาศอยู่กับที่แทน[26]