สำหรับความหมายอื่น ดูที่
หางดงหางดง (ไทยถิ่นเหนือ: ) เป็นอำเภอหนึ่งในเขตปริมณฑลของนครเชียงใหม่[1]ที่มีความเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อำเภอหางดงมีความพร้อมทุก ๆ ด้าน มีการเติบโตอย่างอสังหาริมทรัพย์ บ้านจัดสรร[2] โรงแรมรีสอร์ท ธุรกิจค้าปลีก ห้างสรรพสินค้าจำนวนมาก
ข้อมูลเบื้องต้น อำเภอหางดง, การถอดเสียงอักษรโรมัน ...
อำเภอหางดง |
---|
|
การถอดเสียงอักษรโรมัน |
---|
• อักษรโรมัน | Amphoe Hang Dong |
---|
|
คำขวัญ: เศรษฐกิจดี สตรีแสนสวย ร่ำรวยหัตถกรรม วัฒนธรรมมั่นคง หางดงพัฒนา |
แผนที่จังหวัดเชียงใหม่ เน้นอำเภอหางดง |
พิกัด: 18°41′13″N 98°55′8″E |
ประเทศ | ไทย |
---|
จังหวัด | เชียงใหม่ |
---|
พื้นที่ |
---|
• ทั้งหมด | 277.1 ตร.กม. (107.0 ตร.ไมล์) |
---|
ประชากร (2566) |
---|
• ทั้งหมด | 93,740 คน |
---|
• ความหนาแน่น | 338.29 คน/ตร.กม. (876.2 คน/ตร.ไมล์) |
---|
รหัสไปรษณีย์ | 50230, 50340 (เฉพาะตำบลหนองตอง) |
---|
รหัสภูมิศาสตร์ | 5015 |
---|
ที่ตั้งที่ว่าการ | ที่ว่าการอำเภอหางดง เลขที่ 181 หมู่ที่ 3 ตำบลหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ 50230 |
---|
|
ปิด
หางดงปัจจุบันมีสภาพเมืองที่กลมกลืนกับนครเชียงใหม่จนเรียกได้ว่าคือเมืองเดียวกัน อำเภอหางดงมีสภาพทางเศรษฐกิจดีมาก มีการจราจรที่คับคั่งที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งเป็นอำเภอที่รองรับความเจริญของนครเชียงใหม่เพื่อขยายไปยังศูนย์กลางทางตอนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย
อำเภอหางดงมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอและจังหวัดใกล้เคียงดังนี้
อำเภอหางดง เดิมมีนามว่า “แขวงแม่ท่าช้าง” เป็นเขตการปกครองที่ตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยรัฐบาลกลางที่กรุงเทพฯ จัดระบบการปกครองที่เรียกว่า มณฑลเทศาภิบาล กำหนดแบ่งเมืองเชียงใหม่เป็นหัวเมืองชั้นนอกและหัวเมืองชั้นในแขวงแม่ท่าช้างจัดอยู่ในเขตหัวเมืองชั้นในหัวหน้าผู้รับผิดชอบเรียกว่า “นายแขวง” นายแขวงคนแรกของแขวงแม่ท่าช้าง คือ หลวงคชดิษฐาภิบาล (ไผ่) ระหว่างปี พ.ศ. 2451–2453 แขวงแม่ท่าช้างได้เปลี่ยนฐานะเป็นชื่ออำเภอหางดง พื้นที่อำเภอหางดงก่อนนี้มีสภาพรกร้างว่างเปล่าทั้งหมู่บ้านและราษฎรมีน้อย เวลานั้นมีพญามะโน เจ้าน้อยมหาอินทร์ และพญาประจักร์ ได้ครอบครองขึ้นตรงต่อเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
ที่เรียกว่า “แม่ท่าช้าง” นั้น กล่าวกันว่า ในท้องที่นี้มีดงกรรมอยู่ดงหนึ่งเป็นดงไม้สัก มีลำน้ำแม่ท่าช้างไหลผ่านดงนี้ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอนี้ขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 1 กิโลเมตร เวลาเมื่อเจ้านายทางเชียงใหม่จะไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนหรือขุนยวมก็เดินผ่านทางนี้ เมื่อมาถึงดงนี้จำต้องลงจากหลังช้างแล้วข้ามท่านี้เข้าดงไปจึงเรียกลำน้ำนี้ว่า “แม่ท่าช้าง” ในสมัย ร.ศ.120 ทางการได้มีการให้จัดตั้งแขวงขึ้น โดยพิจารณาถึงหมู่บ้านใหญ่ๆ หลายตำบลรวมกันในระยะทางที่จะไปมาถึงได้ภายใน 6 ชั่วโมงหรือมีราษฎรมากกว่าหมื่นคนจึงจัดเป็นหนึ่งๆ ทำนองอำเภอหนึ่งในขณะนั้นจึงเรียกว่า “แขวงแม่ท่าช้าง” บ้างก็ว่า “แม่ท่าช้าง” มาจากคำว่า “แม่ต๋าจ้าง” หรือ “แม่ตาช้าง” ซึ่งหมายถึงลำน้ำแม่ท่าช้าง ที่ต้นน้ำออกมาจากช่องน้ำเล็กๆ เหมือนตาช้าง จึงเรียกว่า “แม่ต๋าจ้าง”
ในปี พ.ศ. 2460 ทางการได้เปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อให้ตรงกับนามตำบลที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่เป็นอำเภอ “หางดง” เพราะอยู่ทางทิศใต้ของดงกรรมดังกล่าว คำว่า หาง แปลว่า ท้าย คือทางทิศใต้หรือท้ายของดงกรรม ต่อมาวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2481 สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศว่า “ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ยุบอำเภอหางดงเป็นกิ่งอำเภอ ขนานนามว่า กิ่งอำเภอหางดง[3] และให้ไปขึ้นอยู่ในความปกครองของอำเภอเมืองเชียงใหม่ ในเดือนเดียวกันนี้กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งที่ 206/2481 ลงวันที่ 19 กันยายน 2481 อนุมัติให้ตำบลหารแก้ว ตำบลสันกลาง และตำบลหนองตอง ไปขึ้นอยู่ในความปกครองของอำเภอบ้านแม (อำเภอสันป่าตอง) กับโอนตำบลขัวมุงและตำบลสันทรายไปขึ้นอยู่ในความปกครองของอำเภอสารภี คงเหลืออยู่ 8 ตำบลเท่านั้น การไปขึ้นกับอำเภอเมืองเชียงใหม่นั้นต่อมาปรากฏว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากต้องเดินทางไปติดต่อราชการที่อำเภอเมืองฯ ระยะทางถึง 15 กิโลเมตร ในปี พ.ศ. 2490 ทางราชการได้พิจารณาขึ้นเป็นอำเภอหางดงอีกครั้ง[4] ให้รวมตำบลหารแก้วและตำบลหนองตอง กลับมาขึ้นกับอำเภอหางดงเหมือนเดิม[5] และแต่งตั้งในให้นายเที่ยง ถีระวงษ์ ตำแหน่งผู้ตรวจการเทศบาลจังหวัดตาก มาดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอหางดงเป็นคนแรก
- วันที่ 6 ธันวาคม 2451 ยกเลิกอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ และโอนพื้นที่ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านทุ่งตอง (ตำบลหนองตอง) มาขึ้นกับอำเภอแม่ท่าช้าง[6]
- วันที่ 29 เมษายน 2460 เปลี่ยนชื่ออำเภอแม่ท่าช้าง จังหวัดเชียงใหม่ เป็น อำเภอหางดง[7][8]
- วันที่ 12 กันยายน 2481 ยุบท้องที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ลงเป็น กิ่งอำเภอหางดง[3] และกำหนดให้ขึ้นการปกครองกับอำเภอเมืองเชียงใหม่
- วันที่ 19 กันยายน 2481 โอนพื้นที่หมู่ 5,6 (ในขณะนั้น) ของตำบลเมืองฮะ อำเภอสะเมิง ไปขึ้นกับตำบลบ้านปง อำเภอหางดง กับโอนพื้นที่ตำบลสันกลาง ตำบลหารแก้ว ตำบลหนองตอง อำเภอหางดง ไปขึ้นกับอำเภอบ้านแม และโอนพื้นที่ตำบลขัวมุง ตำบลสันทราย อำเภอหางดง ไปขึ้นกับอำเภอสารภี[9]
- วันที่ 10 มิถุนายน 2490 ตั้งตำบลสบแม่ข่า แยกออกจากตำบลสันผักหวาน ตำบลบ้านแหวน และตำบลขุนคง[10]
- วันที่ 21 ตุลาคม 2490 ยกฐานะกิ่งอำเภอหางดง อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็น อำเภอหางดง[4] อีกครั้ง
- วันที่ 16 สิงหาคม 2492 โอนพื้นที่ตำบลหารแก้ว และตำบลหนองตอง (ยกเว้นหมู่ที่ 8–10) อำเภอสันป่าตอง มาขึ้นกับอำเภอหางดง กับโอนพื้นที่หมู่ 8–9 (ในขณะนั้น) ของตำบลหนองตอง ไปขึ้นกับตำบลแม่ก๊า อำเภอสันป่าตอง และโอนพื้นที่หมู่ 10 (ในขณะนั้น) ของตำบลหนองตอง ไปขึ้นกับตำบลทุ่งต้อม อำเภอสันป่าตอง[5]
- วันที่ 7 มกราคม 2500 จัดตั้งสุขาภิบาลหางดง ในท้องที่หมู่ 1–5 ตำบลหางดง[11]
- วันที่ 15 กันยายน 2513 จัดตั้งสุขาภิบาลหนองตองพัฒนา ในท้องที่ทั้งหมดของตำบลหนองตอง[12]
- วันที่ 24 สิงหาคม 2516 จัดตั้งตำบลหารแก้ว ตำบลหนองควาย ตำบลบ้านแหวน ตำบลสันผักหวาน ตำบลหนองแก๋ว ตำบลขุนคง ตำบลสบแม่ข่า ตำบลบ้านปง และตำบลหางดง (เฉพาะนอกเขตสุขาภิบาลหางดง) เป็น สภาตำบลหารแก้ว สภาตำบลหนองควาย สภาตำบลบ้านแหวน สภาตำบลสันผักหวาน สภาตำบลหนองแก๋ว สภาตำบลขุนคง สภาตำบลสบแม่ข่า สภาตำบลบ้านปง และสภาตำบลหางดง[13]
- วันที่ 21 ตุลาคม 2528 ตั้งตำบลน้ำแพร่ แยกออกจากตำบลหางดง[14]
- วันที่ 25 กรกฎาคม 2531 เปลี่ยนแปลงเขตอำเภอหางดงกับอำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยโอนพื้นที่หมู่ 7 บ้านดอยปุย (ในขณะนั้น) ของตำบลบ้านปง อำเภอหางดง ไปขึ้นกับตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่[15]
- วันที่ 17 ตุลาคม 2532 กำหนดเขตตำบลบ้านปง อำเภอหางดง โดยตัดหมู่ที่ 7 บ้านดอยปุย (เดิม) ของตำบลบ้านปง อำเภอหางดง ไปตั้งและกำหนดเป็นหมู่ 11 ของตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่[16]
- วันที่ 25 ธันวาคม 2539 ยกฐานะจากสภาตำบลหนองควาย สภาตำบลบ้านแหวน สภาตำบลบ้านปง สภาตำบลสันผักหวาน สภาตำบลน้ำแพร่ สภาตำบลหารแก้ว สภาตำบลขุนคง สภาตำบลหนองแก๋ว สภาตำบลหางดง (เฉพาะนอกเขตสุขาภิบาลหางดง) และสภาตำบลสบแม่ข่า เป็น องค์การบริหารส่วนตำบลหนองควาย องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแหวน องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านปง องค์การบริหารส่วนตำบลสันผักหวาน องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำแพร่ องค์การบริหารส่วนตำบลหารแก้ว องค์การบริหารส่วนตำบลขุนคง องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแก๋ว องค์การบริหารส่วนตำบลหางดง และองค์การบริหารส่วนตำบลสบแม่ข่า[17]
- วันที่ 25 พฤษภาคม 2542 ยกฐานะจากสุขาภิบาลหางดง และสุขาภิบาลหนองตองพัฒนา เป็นเทศบาลตำบลหางดง และเทศบาลตำบลหนองตองพัฒนา ตามลำดับ[18] ด้วยผลของกฎหมาย
- วันที่ 27 ตุลาคม 2552 จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลหารแก้ว เป็น เทศบาลตำบลหารแก้ว[19] จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแหวน เป็น เทศบาลตำบลบ้านแหวน[20] จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลสันผักหวาน เป็น เทศบาลตำบลสันผักหวาน[21]
- วันที่ 6 เมษายน 2555 เปลี่ยนแปลงชื่อองค์การบริหารส่วนตำบลหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ท่าช้าง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่[22]
- วันที่ 5 กันยายน 2556 จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลหนองควาย เป็น เทศบาลตำบลหนองควาย[23]
- วันที่ 6 กันยายน 2556 จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ท่าช้าง เป็น เทศบาลตำบลแม่ท่าช้าง[24] จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแก๋ว เป็น เทศบาลตำบลหนองแก๋ว[25] จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านปง เป็น เทศบาลตำบลบ้านปง[26] กับเปลี่ยนแปลงชื่อองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำแพร่พัฒนา[27] และจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำแพร่พัฒนา เป็น เทศบาลตำบลน้ำแพร่พัฒนา[28]
การปกครองส่วนภูมิภาค
อำเภอหางดงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 ตำบล 109 หมู่บ้าน ได้แก่
ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับที่, อักษรไทย ...
ลำดับที่ | อักษรไทย | อักษรโรมัน | จำนวน หมู่บ้าน | ประชากรทั้งหมด (พ.ศ. 2566)[29] | ประชากรแยกตามส่วนท้องถิ่น (พ.ศ. 2566)[29] |
1. | หางดง | Hang Dong | 9 | 11,147 |
6,733 | (ทต.หางดง) |
4,414 | (ทต.แม่ท่าช้าง) |
2. | หนองแก๋ว | Nong Kaeo | 9 | 5,938 | 5,938 | (ทต.หนองแก๋ว) |
3. | หารแก้ว | Han Kaeo | 9 | 5,913 | 5,913 | (ทต.หารแก้ว) |
4. | หนองตอง | Nong Tong | 14 | 8,185 | 8,185 | (ทต.หนองตองพัฒนา) |
5. | ขุนคง | Khun Khong | 9 | 5,395 | 5,395 | (อบต.ขุนคง) |
6. | สบแม่ข่า | Sop Mae Kha | 5 | 2,540 | 2,540 | (อบต.สบแม่ข่า) |
7. | บ้านแหวน | Ban Waen | 13 | 11,798 | 11,798 | (ทต.บ้านแหวน) |
8. | สันผักหวาน | San Phak Wan | 7 | 18,305 | 18,305 | (ทต.สันผักหวาน) |
9. | หนองควาย | Nong Khwai | 12 | 11,243 | 11,243 | (ทต.หนองควาย) |
10. | บ้านปง | Ban Pong | 11 | 5,411 | 5,411 | (ทต.บ้านปง) |
11. | น้ำแพร่ | Nam Phrae | 11 | 7,865 | 7,865 | (ทต.น้ำแพร่พัฒนา) |
รวม | 109 | 93,740 | 85,805 (เทศบาล) 7,935 (อบต.) |
ปิด
"พระราชบัญญัติเปลี่ยนแปลงฐานะของสุขาภิบาลเป็นเทศบาล พ.ศ. ๒๕๔๒" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 116 (9 ก): 1–4. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-04-09. สืบค้นเมื่อ 2020-06-02 – โดยทาง ให้บรรดาสุขาภิบาลตามกฎหมายว่าด้วยสุขาภิบาลที่มีอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีฐานะเป็นเทศบาลตำบลตามกฎหมายว่าด้วยเทศบาลในพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 กรมการปกครอง. กระทรวงมหาดไทย. "สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เดือนธันวาคม 2566." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: . สืบค้น 13 มีนาคม 2567.