Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สถาปัตยกรรมนอร์มัน (อังกฤษ: Norman architecture) เป็นคำที่ใช้ในการบรรยายลักษณะสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ที่วิวัฒนาการโดยนอร์มันในดินแดนต่างๆ ที่ได้เข้าปกครองหรือมีอิทธิพลในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 และ 12 โดยเฉพาะในการบรรยายถึงสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์แบบอังกฤษ นอร์มันเป็นผู้ริเริ่มการก่อสร้างปราสาท, ป้อมปราการที่รวมทั้งหอกลางแบบนอร์มัน, สำนักสงฆ์, แอบบี, คริสต์ศาสนสถาน และมหาวิหารเป็นจำนวนมากในอังกฤษ ในลักษณะการใช้โค้งกลม (โดยเฉพาะรอบหน้าต่างและประตู) และมีลักษณะหนาหนักเมื่อเทียบกับสถาปัตยกรรมท้องถิ่น
ลักษณะสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ที่กล่าวนี้เริ่มขึ้นในนอร์ม็องดีและแผ่ขยายไปทั่วยุโรปโดยเฉพาะในอังกฤษซึ่งเป็นที่ที่มีการวิวัฒนาการมากที่สุดและยังคงมีสิ่งก่อสร้างจากยุคนั้นที่ยังหลงเหลืออยู่มากกว่าประเทศอื่น ในขณะเดียวกันตระกูลโอตวิลล์ (Hauteville family) ซึ่งเป็นตระกูลนอร์มันที่ปกครองซิซิลีก็สร้างลักษณะสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์อีกลักษณะหนึ่งที่มีอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์และซาราเซ็นที่ก็เรียกว่า “สถาปัตยกรรมนอร์มัน” เช่นกันหรือบางครั้งก็เรียกว่า “สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ซิซิลี”
“สถาปัตยกรรมนอร์มัน” อาจจะเป็นคำที่เริ่มใช้กันโดยนักโบราณศึกษา (antiquarian) ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 แต่การลำดับลักษณะตามสมัยต่างๆ มาจากการกำหนดของทอมัส ริคแมน (Thomas Rickman) ในหนังสือที่เขียนในปี ค.ศ. 1817 ชื่อ ความพยายามในการแยกลักษณะสถาปัตยกรรมอังกฤษตั้งแต่สมัยนอร์มันพิชิตอังกฤษจนถึงสมัยการปฏิรูปศาสนา (An Attempt to Discriminate the Styles of English Architecture from the Conquest to the Reformation) ที่ริคแมนเริ่มใช้คำว่า “นอร์มัน, กอทิกอังกฤษตอนต้น, กอทิกวิจิตร และกอทิกเพอร์เพ็นดิคิวลาร์” ในการแยกลักษณะสถาปัตยกรรมแบบต่างๆ ส่วนคำว่า “โรมาเนสก์” โดยทั่วไปเป็นคำที่ใช้ในภาษากลุ่มโรมานซ์ในอังกฤษมาตั้งแต่ ค.ศ. 1715[1] และนำมาใช้ในการบรรยายลักษณะสถาปัตยกรรมของคริสต์ศตวรรษที่ 11 และ 12 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1819[2] แม้ว่าสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้สารภาพจะทรงสร้างแอบบีเวสต์มินสเตอร์ในแบบโรมาเนสก์ (ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งก่อสร้างเดิมหมดในปัจจุบัน) ก่อนหน้าการรุกรานของชาวนอร์มันไม่นานนัก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญขนาดใหญ่ที่เก่าที่สุดที่สร้างแบบโรมาเนสก์ในอังกฤษ ในอังกฤษไม่มีสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ที่สร้างก่อนการรุกรานเหลืออยู่ให้เห็น แต่นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าลักษณะบางส่วนที่หลงเหลืออยู่ในคริสต์ศาสนสถานบางแห่งที่โดยทั่่วไปกล่าวกันว่าเป็นลักษณะ “นอร์มัน” นั้นอันที่จริงแล้วอาจจะเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแองโกล-แซ็กซอน
ขณะที่ช่างสลักหินวิวัฒนาการลักษณะการแกะและทดลองหาวิธีแก้ปัญหาการสร้างเพดานสันอยู่ก็ได้พบวิธีใหม่ๆ ในการก่อสร้างเช่นการใช้โค้งที่แหลมขึ้นกว่าเดิม ที่ต่อมากลายมาเป็นลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมกอทิก นักประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมและนักวิชาการมีความเห็นว่าการศึกษาความเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมควรเป็นการศึกษาที่มีความต่อเนื่องเป็นหน่วยทั้งหมดรวมกันแทนที่จะเป็นการศึกษาของลักษณะเป็นส่วนๆ ซึ่งรวมทั้งการศึกษาวิวัฒนาการภายในสถาปัตยกรรมนอร์มันหรือโรมาเนสก์เช่นที่ว่า นักวิชาการเรียกลักษณะสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะที่อยู่ในระหว่างการวิวัฒนาการจากสมัยหนึ่งไปเป็นอีกสมัยหนึ่งว่าเป็น “ลักษณะคาบสมัย” (Transitional) หรือ “ลักษณะคาบสมัยนอร์มัน-กอทิก” (Norman-Gothic Transitional) เว็บไซต์บางแห่งใช้คำว่า “นอร์มันกอทิก” ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายกำกวมที่อาจจะหมายถึงลักษณะคาบสมัยหรือลักษณะนอร์มันอย่างเดียวก็เป็นได้[3],[4]
ผู้รุกรานไวกิงมาถึงปากแม่น้ำแซนในปี ค.ศ. 911 ในช่วงเวลาที่ชนแฟรงก์ยังต่อสู้บนหลังม้าและลอร์ดของชนแฟรงก์ยังสร้างปราสาทอยู่ มาอีกศตวรรษต่อมาประชาชนในบริเวณนั้นก็ยอมจำนนต่อไวกิงและรวมตัวกันเป็นชนที่เรียกว่านอร์มันที่ยอมรับประเพณีท้องถิ่น, ภาษา และการนับถือคริสต์ศาสนา ขุนนางนอร์มันเริ่มสร้างปราสาทที่ทำด้วยไม้ที่ต่อมาวิวัฒนาการมาเป็นปราสาทเนิน และต่อมาวิวัฒนาการก็เป็นคริสต์ศาสนสถานที่สร้างด้วยหินแบบโรมาเนสก์ของชนแฟรงก์ เมื่อมาถึงปี ค.ศ. 950 นอร์มันก็เริ่มสร้างหอกลางด้วยหิน นอร์มันเป็นกลุ่มชนที่เดินทางอย่างกว้างไกลและขณะที่เดินทางไปตามท้องถิ่นต่างๆ นอร์มันก็รับวัฒนธรรมต่างๆ ที่รวมทั้งวัฒนธรรมของตะวันออกไกล้ บางอย่างก็นำเข้ามาผสมกับลักษณะศิลปะและสถาปัตยกรรมของตนเอง นอร์มันวิวัฒนาผังแบบบาซิลิกาของสถาปัตยกรรมคริสเตียนยุคแรกที่ขยายด้านข้างและมุขตะวันออกออกไปมากกว่าเดิม และสร้างหอสองหอทางด้านหน้าของมุขตะวันตกเช่นที่เห็นในการก่อสร้างวัดแซ็งเตเตียน (Abbaye-aux-Hommes) ที่เมืองคอง (Caen) ที่เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1067 และกลายมาเป็นแบบอย่างในการสร้างมหาวิหารขนาดใหญ่ในอังกฤษต่อมาอีกยี่สิบปีให้หลัง
ในอังกฤษขุนนางนอร์มันและสังฆราชมีอิทธิพลมาก่อนหน้าที่จะเข้ามารุกรานในปี ค.ศ. 1066 และอิทธิพลของนอร์มันนี้ก็มีผลต่อลักษณะสถาปัตยกรรมแองโกล-แซ็กซอนตอนปลาย สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้สารภาพทรงเติบโตขึ้นในนอร์ม็องดีและในปี ค.ศ. 1042 พระองค์ก็ทรงนำช่างหินจากนอร์ม็องดีมาสร้างแอบบีเวสต์มินสเตอร์ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างแบบโรมาเนสก์สิ่งแรกในอังกฤษ
ในปี ค.ศ. 1051 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงนำขุนนางนอร์มันเข้ามาในอังกฤษผู้มาสร้างปราสาทเนินในเวลส์ หลังจากการรุกรานของนอร์มันแล้วทั้งการก่อสร้างปราสาทเนินและการก่อสร้างอื่นๆ ก็แพร่หลายอย่างรวดเร็ว การขยายตัวของการก่อสร้างก็รวมทั้งคริสต์ศาสนสถาน และแอบบี และป้อมปราการอันใหญ่โตและซับซ้อนกว่าเดิมที่รวมทั้งการก่อสร้างหอกลางที่ทำด้วยหิน
ลักษณะของสถาปัตยกรรมเป็นลักษณะที่หนาหนักและเป็นทรงเรขาคณิตง่ายๆ การตกแต่งก็อาจจะมีแถบรูปสลักหินเล็กๆ เช่นตามคันทวย หรือซุ้มบอด (blind arcade) หรือการแกะสลักตกแต่งหัวเสาหรือในบริเวณหน้าบันเหนือประตูโค้งครึ่งวงกลม “ซุ้มโค้งนอร์มัน” เป็นซุ้มโค้งครึ่งวงกลม รอบโค้งมักจะตกแต่งเป็นลวดลายเรขาคณิตเช่นรูปหยักเชฟรอน (chevron) ผนังก็มักจะมีบริเวณพิธี (chancel) ที่ลึกและหอกลางเหนือจุดตัดเป็นสี่เหลี่ยมที่กลายมาเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมคริสต์ศาสนสถาน (Church architecture) ของอังกฤษต่อมา เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1083 นอกจากสิ่งก่อสร้างใหญ่ๆ เช่นปราสาทหรือมหาวิหารแล้ววัดเล็กๆ ประจำท้องถิ่นเป็นจำนวนร้อยก็สร้างกันขึ้นในสมัยนี้ด้วย วัดเล็กๆ เหล่านี้มักจะมีโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นโถงที่มีช่องทางเดินกลางช่องเดียวและหอสี่เหลี่ยมหอหนึ่งคร่อมทางเข้าหน้าวัดด้านตะวันตก ลักษณะวัดประจำท้องถิ่นที่สร้างมาตั้งแต่สมัยนอร์มันที่เห็นในปัจจุบันอาจจะมีลักษณะต่างจากที่กล่าวบ้างเพราะได้รับการขยายเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงจากเดิมในสมัยต่อมา
หลังจากมหาวิหารแคนเตอร์บรีได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ในปี ค.ศ. 1174 แล้วช่างหินนอร์มันก็เริ่มสร้างส่วนใหม่เป็นสถาปัตยกรรมกอทิก ราว ค.ศ. 1191 มหาวิหารเวลล์สในมณฑลซัมเมอร์เซ็ท และมหาวิหารลิงคอล์นก็สร้างเป็นแบบสถาปัตยกรรมกอทิกอังกฤษ สถาปัตยกรรมนอร์มันก็ออกไปมีอิทธิพลไกลออกไปในท้องถิ่นในสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดเล็กลง
สกอตแลนด์ก็ได้รับอิทธิพลของนอร์มันตอนต้นเมื่อขุนนางนอร์มันมามีบทบาทในราชสำนักของพระเจ้าแม็คเบ็ธแห่งสกอตแลนด์ราว ค.ศ. 1050 พระเจ้ามัลคอล์มที่ 3 ผู้ครองราชย์ต่อมาทรงโค่นราชบัลลังก์ของแม็คเบ็ธด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษและนอร์มัน มาร์กาเร็ตพระราชินีในพระองค์ทรงส่งเสริมการเผยแพร่คริสต์ศาสนาในสกอตแลนด์ ลัทธิเบ็นนาดิคตินเข้ามาก่อตั้งสำนักสงฆ์ที่ดันเฟิร์มไลน์ พระราชโอรสองค์ที่สี่ของพระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเดวิดที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ และทรงสร้างชาเปลเซนต์มาร์กาเร็ตเป็นอนุสรณ์แก่พระราชมารดาในคริสต์ศตวรรษที่ 12
นอร์มันตั้งถิ่นฐานส่วนใหญ่ทางด้านตะวันออกของไอร์แลนด์ที่ต่อมาเรียกกันว่า “เดอะเพล” (the Pale) และสร้างสิ่งก่อสร้างไว้หลายแห่งที่รวมทั้งปราสาททริม, ปราสาทสอร์ด และ ปราสาทดับลิน
นอร์มันเริ่มสร้างปราสาทที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของนอร์มันในอิตาลีมาตั้งแต่ต้น วิลเลียมแขนเหล็ก (William Iron Arm) สร้างปราสาทหนึ่งในคาลาเบรียในปี ค.ศ. 1045 หลังจากการเสียชีวิตของโรเบิร์ต จิสคาร์ด (Robert Guiscard) ในปี ค.ศ. 1085 แล้วคาบสมุทรทางด้านใต้ของอิตาลีก็ประสบกับสงครามกลางเมือง และตกอยู่ภายใต้การปกครองของผู้นำที่อ่อนแอลงทุกที การก่อความไม่สงบเกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ขุนนางชั้นรองพยายามต่อต้านอำนาจของพระมหากษัตริย์จากปราสาทของตนเอง ในโมลิเซนอร์มันก็เริ่มโครงการก่อสร้างปราสาทที่ทั้งใหญ่และซับซ้อน และนำเทคนิคการก่อสร้างที่เรียกว่า “opus gallicum” มาใช้ในอิตาลี
นอกจากการก่อสร้างปราสาทป้องกันเป็นระยะๆ (Encastellation) แล้ว นอร์มันก็ยังสร้างคริสต์ศาสนสถานหลายแห่งที่ยังเห็นได้ในปัจจุบัน เช่นในการสร้างที่บรรจุศพสำหรับตระกูลโอตวิลล์ที่เวโนซา
สมัยนอร์มันระหว่างซิซิลีเกิดขึ้นในระหว่างราวปี ค.ศ. 1070 จนถึงราวปี ค.ศ. 1200 สถาปัตยกรรมตกแต่งด้วยงานโมเสกปิดทองเช่นที่มหาวิหารที่มอนเรอาเล ชาเปลพาลาติเนในพาเลอร์โมสร้างในปี ค.ศ. 1130 อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของลักษณะนี้ที่ภายใต้โดม (องค์ประกอบแบบไบแซนไทน์) ตกแต่งด้วยงานโมเสกเป็นภาพพระเยซูและเทวดา
สถาปัตยกรรมนอร์มันตอนปลายในซิซิลี ลักษณะของสถาปัตยกรรมกอทิกเริ่มปรากฏขึ้นเช่นที่มหาวิหารเมสซินาที่สถาปนาในปี ค.ศ. 1197 แต่หอระฆังสร้างเป็นแบบสถาปัตยกรรมกอทิกสูงซึ่งแตกต่างจากกอทิกยุคแรกที่สร้างในสมัยนอร์มัน ที่เป็นโค้งแหลมแทนที่จะเป็นค้ำยันแบบที่กางออกไปและรายยอดแหลมเล็ก (pinnacle) ของลักษณะของสมัยสถาปัตยกรรมกอทิกต่อมา
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.