วิกฤตการณ์ปากน้ำ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วิกฤตการณ์ปากน้ำ เป็นจุดแตกหักของความตึงเครียดในวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 การปะทะกันเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2436 เมื่อเรือรบฝรั่งเศสแล่นฝ่าเข้าไปในปากแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 3 ลำถูกโจมตีโดยป้อมปืนของสยามและเรือปืน ผลการรบ ฝรั่งเศสสามารถดำเนินการปิดล้อมกรุงเทพฯ มีการเจรจาระหว่างกันซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของเหตุการณ์
วิกฤตการณ์ปากน้ำ | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 | |||||||
ภาพวาดใน L'Illustration แสดงเรือฝรั่งเศสวางสมอที่สถานอัครราชทูต | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
สาธารณรัฐฝรั่งเศส | สยาม | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
แอดการ์ อูว์มัน | พระยาชลยุทธโยธินทร์ | ||||||
กำลัง | |||||||
เรือการข่าว 1 ลำ เรือปืน 1 ลำ เรือกลไฟ 1 ลำ |
พื้นดิน: ปืนเสือหมอบ 7 กระบอก ค่ายทหาร 1 แห่ง ทะเล: เรือปืน 5 ลำ | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
เสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บ 2 นาย เรือกลไฟเกยตื้น 1 ลำ เรือนำร่องเสียหาย 1 ลำ เรือปืนเสียหาย 1 ลำ |
เสียชีวิต ~10 นาย บาดเจ็บ ~12 นาย เรือปืนอับปาง 1 ลำ เรือปืนเสียหาย 1 ลำ1 | ||||||
|
การรุกคืบของฝรั่งเศสเพื่อเข้ามายึดครองดินแดนในแถบอินโดจีนเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 กรณีพิพาทเริ่มคุกรุ่นจากเหตุการณ์เมื่อพวกฮ่อได้รุกจากสิบสองจุไทลงมาตีเมืองหลวงพระบางในช่วงปี พ.ศ. 2428 [1] พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้โปรดเกล้าฯ ให้นายพันเอก เจ้าหมื่นไวยวรนาถ (เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต)) เป็นแม่ทัพยกกำลังไปปราบฮ่อ ฝ่ายฝรั่งเศสอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนสิบสองจุไทและหัวพันทั้งห้าทั้งหกว่าเป็นเมืองขึ้นของญวน ขอให้ทัพไทยถอยออกไปให้พ้นเขต การเจรจาต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับข้อเสนอของกันและกัน มีการข่มขู่จากฝรั่งเศสว่ามีกองกำลังเสริมประจำในไซ่ง่อนและจะส่งกองเรือรบเข้ามากรุงเทพฯและอ้างว่าฝ่ายอังกฤษได้จัดส่งเรือรบเข้ามาเพิ่มเติมในน่านน้ำไทย
ในที่สุดฝรั่งเศสจึงส่งเรือการข่าว "แองกงสตัง" (Inconstant) และเรือปืน "โกแมต" (Comète) 2 มาถึงปากแม่น้ำและขออนุญาตแล่นเรือผ่านปากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อไปสมทบกับเรือ "ลูแตง" (Le Lutin) [2] เพื่อเจรจาต่อรอง เมื่อสยามปฏิเสธ ผู้บังคับบัญชาฝ่ายฝรั่งเศส พลเรือตรี แอดการ์ อูว์มัน (Edgar Humann) เมินเฉยต่อความต้องการของสยามและคำสั่งจากรัฐบาลฝร่งเศส ซึ่งก่อนการต่อสู้ พลเรือตรี อูว์มัน ได้รับคำสั่งห้ามเข้าสู่ปากแม่น้ำเพราะสยามได้เตรียมการอย่างดีสำหรับการรบ กองกำลังฝ่ายสยามประกอบด้วยป้อมพระจุลจอมเกล้าที่พึ่งสร้างเสร็จ มีปืนเสือหมอบขนาด 6 นิ้ว 7 กระบอก3 ป้อมอื่น ๆ ใกล้เคียง (ป้อมแผลงไฟฟ้า ที่เมืองนครเขื่อนขันธ์ (พระประแดง), ป้อมเสือซ่อนเล็บ, ป้อมผีเสื้อสมุทร) ระดมพลและเตรียมความพร้อมตามหัวเมืองชายทะเลตะวันออก มีการติดต่อสั่งซื้อยุทธภัณฑ์จากต่างประเทศ และการเตรียมการนี้มีมาอย่างน้อยก็ตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้เสด็จตรวจป้อมพระจุลจอมเกล้าอยู่เนือง ๆ ทรงเปิดทางรถไฟสายปากน้ำ และมีการทดลองยิงปืนใหญ่ให้ทอดพระเนตร สยามยังได้จมเรือสำเภาและเรือบรรทุกหินในแม่น้ำเพื่อเป็นแนวป้องกัน บีบให้เส้นทางเดินเรือกลายเป็นทางผ่านแคบ ๆ เพียงทางเดียว มีการเตรียมระเบิดตอร์ปิโดขนาดเล็ก เตรียมปืนใหญ่ไว้ที่บางนา บางจาก และคลองพระโขนง[3]
เรือปืน 5 ลำจอดทอดสมออยู่ด้านหลังแนวสิ่งกีดขวาง ประกอบไปด้วย เรือมกุฎราชกุมาร, เรือทูลกระหม่อม, เรือหาญหักศัตรู, เรือนฤเบนทร์บุตรี และ เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์4 มีเรือ 2 ลำเป็นเรือรบทันสมัย คือ เรือมกุฎราชกุมาร และเรือมูรธาวสิตสวัสดิ์[4] ขณะที่เรือที่เหลือเป็นเรือปืนเก่าหรือเรือกลไฟแม่น้ำที่ดัดแปลงมา มีการวางข่ายทุ่นระเบิด 16 ลูก ผู้บังคับบัญชาป้อมเป็นนายพลเรือชาวดัตช์ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวยุโรปหลายคนที่เข้ารับราชการในกองทัพไทย พลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ) เป็นผู้บังคับบัญชาเรือปืน
วันที่ 13 กรกฎาคม ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) หมู่เรือรบฝรั่งเศสมาถึงสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาเวลา 17.00 น. โชคเข้าข้างฝรั่งเศสเมื่อฝนตกเกือบหนึ่งชั่วโมง พอแสงสุดท้ายเริ่มจางหายเรือรบเหล่านั้นก็แล่นเข้าสู่เจ้าพระยาโดยมีเรือกลไฟนำร่องฌองบัปติสต์เซย์ (Jean Baptist Say) เรือสินค้าเป็นเรือนำร่อง ติดตามด้วยเรือแองกงสตัง และเรือโกแมตเป็นขบวนเรียงตามกัน เข้าสู่ปากแม่น้ำ เมื่อเวลา 18.30 น. ทหารในป้อมพระจุลจอมเกล้าก็เริ่มยิงเพื่อเป็นสัญญาณเตือน 2 นัด แต่เรือรบฝรั่งเศสก็ยังคงแล่นเรื่อยมาอย่างเดิม ในนัดที่สามสยามได้ใช้กระสุนจริงยิงเตือน กระสุนตกลงในน้ำหน้าเรือฌองบัปติสต์เซย์ เมื่อเห็นฝรั่งเศสเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือน นัดที่สี่จากเรือปืน มกุฎราชกุมาร และ มูรธาวสิตสวัสดิ์ ก็เปิดฉากยิงเมื่อเวลา 18.50 น. เรือแองกองสตองได้ยิงตอบโต้กับป้อมในขณะที่โกแมตยิงสู้กับเรือปืนสยาม มีเรือขนาดเล็กที่บรรจุระเบิดถูกส่งมาพุ่งชนเรือฝรั่งเศสแต่พลาดเป้า การต่อสู้กินเวลาประมาณ 30 นาที
ความแม่นยำในการยิงของฝ่ายสยามน้อยและอาวุธที่ยิงได้ช้ากว่า ตอร์ปิโดระเบิดก่อนเวลาอันสมควร ทุ่นกีดขวางไม่เพียงพอ ในที่สุด พลเรือตรี อูว์มัน ก็พาเรือรบฝ่าการด่านของสยามเข้ามาได้ในความมืด และสามารถจมเรือปืนฝ่ายสยามได้หนึ่งลำ ส่วนอีกลำได้รับความเสียหายจากกระสุนปืน ทหารสยามตาย 10 นาย บาดเจ็บ 12 นาย ฝรั่งเศสได้รับความเสียหายน้อยกว่า ขณะที่ผ่านปากน้ำเรือฌองบัปติสต์เซย์ถูกยิงด้วยปืนใหญ่ ไปเกยตื้นที่แหลมลำพูราย เรือแองกงสตังและเรือโกแมตมีความเสียหายจากรอยกระสุนปืนแต่ก็แล่นผ่านไปได้ถึงกรุงเทพ จอดทอดสมออยู่ที่สถานทูตฝรั่งเศส[2] ทหารฝรั่งเศสตาย 3 นาย บาดเจ็บ 2 นาย เรือโกแมตถูกยิงได้รับความเสียหายมากกว่าเรือแองกงสตัง ป้อมของสยามไม่ได้รับความเสียหาย
ฝ่ายสยามเตรียมที่จะนำเรือพระที่นั่งมหาจักรีมาต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้รับความเห็นชอบจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ[5]
เช้าวันต่อมา ลูกเรือฌองบัปติสต์เซย์ยังคงอยู่บนเรือที่เกยตื้น สยามได้ส่งเรือเข้ามาควบคุมเรือกลไฟฌองบัปติสต์เซย์และได้พยายามจมเรือแต่ไม่สำเร็จ จากรายงาน นักโทษได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายและถูกส่งตัวเข้าคุกกรุงเทพ วันต่อมาเรือปืนฝรั่งเศส ฟอร์แฟต (Forfait) ได้มาถึงปากน้ำและส่งเรือพร้อมทหารเต็มลำเข้ายึดเรือฌองบัปติสต์เซย์แต่เมื่อถึงเรือกลับโดนโจมตีขับไล่ถอยไปโดยทหารสยามที่ยึดเรืออยู่ เมื่อพลเรือตรี อูว์มัน มาถึงกรุงเทพ เขาได้ทำการปิดล้อมและหันกระบอกปืนมาทางพระบรมมหาราชวัง
ผ่านไป 1 สัปดาห์ วันที่ 19 กรกฎาคม ฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้สยามเคารพสิทธิ์ของญวนและเขมรเหนือดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ให้เสียค่าปรับไหมในเหตุการณ์ที่ทุ่งเชียงคำ,คำม่วนและการรบที่ปากน้ำเจ้าพระยา ให้เสียเงิน 2,000,000 ฟรังค์เป็นค่าปรับไหมในความเสียหาย, ให้จ่ายเงิน 3,000,000 ฟรังค์ ชำระเป็นเงินเหรียญโดยทันที เป็นมัดจำการจะชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ และ “ค่าทำขวัญ” หรือถ้าไม่สามารถก็ต้องยอมให้รัฐบาลฝรั่งเศสมีสิทธิเก็บภาษีอากรในเมืองพระตะบองและเสียมราฐ, ให้รัฐบาลสยามตอบข้อเสนอให้ทราบภายใน 48 ชั่วโมง
ฝ่ายสยามยื่นคำตอบเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ยอมยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง, ชำระค่าเสียหาย 2 ล้านฟรังค์ และจ่ายเงินเหรียญนกเม็กซิกัน 3 ล้านฟรังค์ทันทีเพื่อมัดจำ
เมื่อฝ่ายสยามยอมรับข้อเสนอทุกข้อของฝรั่งเศสโดยไม่มีเงื่อนไข ฝรั่งเศสก็เรียกร้องเพิ่มเติมโดยยึดปากน้ำและเมืองจันทบุรีไว้เป็นประกัน, ให้ถอนกำลังจากเมืองพระตะบองและเสียมราฐ และสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะตั้งกงสุลที่เมืองนครราชสีมาและเมืองน่าน
เหตุการณ์ร.ศ. 112 สิ้นสุดลงด้วยการลงนามในหนังสือสัญญาวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 รัฐบาลสยามยอมสละกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.