Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มุซัยลิมะฮ์ (อาหรับ: مُسَيْلِمَةُ) หรือ มัสละมะฮ์ อิบน์ ฮะบีบ (อาหรับ: مَسْلَمَةُ بْنُ حَبِيبٍ; เสียชีวิต ค.ศ. 632) เป็นนักเทศน์ในด้านเอกเทวนิยม[1][2][3]จากเผ่าบะนูฮะนีฟะฮ์[4][5] เขาอ้างตนเองเป็นศาสดาในอาระเบียเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยเป็นหัวหน้าในช่วงสงครามริดดะฮ์ มุสลิมถือว่าเขาเป็นศาสดาจอมปลอม หรือ "จอมโกหก" (อาหรับ: اَلْكَذَّابُ)[6]
ชื่อจริงของมุซัยลิมะฮ์คือ มัสลามาฮ์ บิน ฮาบีบ แต่มุสลิมเรียกเขาเป็นมุซัยลิมะฮ์ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของมัสละมะฮ์[7][8]
มุซัยลิมะฮ์เป็นบุตรของฮะบีบ จากเผ่าบะนูฮะนีฟะฮ์ หนึ่งในเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในอาระเบีย ซึ่งอาศัยอยู่ในแคว้นนัจญด์ บะนูฮะนีฟะฮ์เป็นตระกูลที่นับถือศาสนาคริสต์ของบะนูบักร์ และดำรงอยู่อย่างอิสระก่อนการปรากฏตัวของอิสลาม[9]
ในบันทึกแรกที่มุซัยลิมะฮ์มีส่วนเกี่ยวข้องคือการป้กป้องเผ่าของตนเองโดยให้พวกเขานับถือศาสนาอิสลามในช่วงปลายฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 9
คำสอนของเขาเกือบสูญหายไป แต่ยังมีการทบทวนอย่างเป็นกลางอยู่ในแดเบสทอเนแมซอเฮบ[10] โดยมีรายงานว่า เขาให้ละหมาด 3 ครั้งต่อวัน โดยหันไปทิศใดก็ได้ เขาให้ถือศีลอดในเวลากลางคืนในเดือนเราะมะฎอน แทนที่จะเป็นตอนกลางวัน ห้ามการขลิบปลายอวัยวะเพศ มุซัยลิมะฮ์ประกาศว่าทาสคนใดที่เข้ารับศาสนาของตนจะกลายเป็นไท และยังกล่าวอีกว่าการใส่ชื่อเขาหรือชื่อศาสดาคนใดในการละหมาดเป็นเรื่องที่ผิด[11]
มุซัยลิมะฮ์ ผู้ที่นักประวัติศาสตร์มุสลิมกล่าวหาว่ามีความสามารถในการร่ายคาถา[12] สร้างปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ให้แก่ผู้คนด้วยสิ่งนี้ เช่น ใส่ไข่ลงในขวด, ตัดขนนกแล้วติดที่เดิมให้มันบินใหม่ได้ และใช้ความสามารถนี้ดึงดูดผู้คนให้สนใจเขามากขึ้น
มุซัยลิมะฮ์ได้แบ่งปันโองการที่เขาอ้างว่ามาจากอัลลอฮ์[13] แล้วบอกผู้คนว่ามุฮัมมัดได้แบ่งอำนาจให้กับเขา หลังจากนั้น ผู้คนเริ่มเชื่อว่าเขาเป็นศาสดาเหมือนกับศาสดามุฮัมมัดและนำทางให้เผ่าของเขาดีขึ้น มุซัยลิมะฮ์จึงเริ่มทำภารกิจเหมือนกับศาสดาของอัลลอฮ์ และแบ่งปันโองการที่เขาอ้างว่าเป็นโองการในอัลกุรอ่าน โดยอายะฮ์ส่วนใหญ่ที่เขาอ้างมีเนื้อหาสรรเสริญเผ่าบนีฮานีฟะฮ์มากกว่าชาวกุเรช
วันหนึ่งเขาเขียนจดหมายถึงมุฮัมมัดในช่วงปลายฮ.ศ.10 ความว่า:
“ | จากมุซัยลิมะฮ์ ศาสนทูตของอัลลอฮ์ ถึงมุฮัมมัด ศาสนทูตของอัลลอฮ์ ขอความสันติจงมีแด่ท่าน ข้าและเจ้ามีบางอย่างเหมือนกัน ครึ่งหนึ่งของโลกจะเป็นของเรา ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของโลกจะเป็นของชาวกุเรช แต่ชาวกุเรชเป็นพวกที่ชอบละเมิด | ” |
มุฮัมมัดจึงตอบกลับมาว่า:
“ | "จากมุฮัมมัด ศาสนทูตของอัลลอฮ์ ถึงมุซัยลิมะฮ์ จอมโกหก สันติต่อผู้ที่ตามทางนำ (ของอัลลอฮ์) ตอนนี้ทุกสิ่งบนโลกขึ้นอยู่กับพระองค์ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสรรเสริญพระองค์ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือการเกรงกลัวพระองค์"[14] | ” |
ในช่วงสงครามริดดะฮ์ที่เกิดขึ้นหลังศาสดามุฮัมหมัดเสียชีวิต ซะญาห์ บินต์ อัลฮาริษประกาศตนเองเป็นศาสดาหญิงหลังเรียนรู้ว่ามุซัยลิมะฮ์และฏุลัยฮะฮ์ได้ประกาศเป็นศาสดาแล้ว[15] ผู้คน 4,000 คนรวมตัวไปที่มะดีนะฮ์กับเธอ ส่วนที่เหลือค่อยสมทบไป อย่างไรก็ตาม เธอได้ยกเลิกแผนโจมตีมะดีนะฮ์หลังรู้ว่ากองทัพของคอลิด อิบน์ อัลวะลีดเอาชนะฏุลัยฮะฮ์ อัลอะซะดี (ผู้อ้างตนเองเป็นศาสดาอีกคน)[16] ภายหลัง เธอกับมุซัยลิมะฮ์จึงร่วมมือกำจัดภัยของคอลิด ต่อมา ทั้งคู่แต่งงานและซะญาห์ยอมรับเขาเป็นศาสดาด้วย คอลิดเอาชนะกลุ่มกบฏที่หลงเหลือของซะญาห์และค่อยไปต่อสู้กับมุซัยลิมะฮ์
มุซัยลิมะฮ์สู้รบและเสียชีวิตในยุทธการที่ยะมามะฮ์
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.