Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มินิเมโทร (อังกฤษ: Mini Metro) เป็นวิดีโอเกมแนวปริศนาประเภทกลยุทธ์ ที่พัฒนาโดยทีมไดโนซอร์โปโลคลับ (Dinosaur Polo Club) โดยผู้เล่นต้องสร้างเครือข่ายของรางรถไฟที่มีประสิทธิภาพสำหรับเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สถานีแสดงเป็นรูปทรงต่าง ๆ และผู้เล่นสามารถสร้างรางและเชื่อมมันโดยการลากเส้น ด่านต่าง ๆ ตั้งตามที่อยู่ของเมืองจริง และการปรากฏตัวของสถานีกับผู้โดยสารคือการสร้างขั้นตอน (Procedural generation) ภาพของเกมใช้สีเข้มกับรูปเรขาคณิตแบบง่าย เพื่อทำภาพลักษณ์ให้เหมือนกับแผนที่การขนส่งสมัยใหม่ และจังหวะกับเสียงถูกสร้างให้เหมือนกับผลงานของดนตรีมินิมัล (minimal music)
มินิเมโทร | |
---|---|
ผู้พัฒนา | ไดโนซอร์โปโลคลับ |
ผู้จัดจำหน่าย | ไดโนซอร์โปโลคลับ, เพลย์ดิเจียส (แอนดรอยด์) |
ออกแบบ |
|
โปรแกรมเมอร์ |
|
ศิลปิน | เจมีย์ เชิร์ชแมน |
แต่งเพลง | ดิซาสเตอร์พีซ |
เอนจิน | ยูนิตี |
เครื่องเล่น | เบราว์เซอร์, ลินุกซ์, แมคโอเอส, วินโดวส์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, นินเท็นโด สวิตช์, เพลย์สเตชัน 4 |
วางจำหน่าย |
|
แนว | ปริศนา, กลยุทธ์ |
รูปแบบ | เดี่ยว, หลายผู้เล่น |
ตัวเกมได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวก โดยมีการชื่นชมต่ออินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย, วิธีเล่นที่เข้าใจง่าย และมีความคล้ายกับลัทธิจุลนิยม
มินิเมโทร เป็นเกมแนวปริศนาประเภทกลยุทธ์ ที่ผู้เล่นต้องทำภารกิจสร้างเครือข่ายของรางรถไฟที่มีประสิทธิภาพสำหรับเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว[2] ในแต่ละด่านเป็นส่วนหนึ่งจากสถานที่จริง และเริ่มต้นที่สามสถานี[3][4] แต่ละสถานีมีรูปร่างโหนดที่แตกต่างกัน[3] ผู้เล่นต้องสร้างเส้นทางเชื่อมระหว่างสถานีโดยลากเส้นระหว่างสถานีทั้งสอง; แต่ละสายมีสีไม่เหมือนกัน[3][5] ผู้โดยสารปรากฏบนสถานีเป็นรูปร่างที่สถานีที่จะลง[3] โดยรถไฟจะนำผู้โดยสารไปยังสถานีที่ต้องการ[5] แม่น้ำ, ทางแยกรางรถไฟ และการปรากฏตัวของสถานีกับผู้โดยสารทำให้แนที่ดูซับซ้อนและจัดการได้ยากขึ้น[3][6] สถานีที่มีรูปร่างปกติอาจเปลี่ยนโหนดเป็นรูปร่างที่ยากขึ้น[3]
ในโหมด "ปกติ" แต่ละสถานีจำกัดความจุของผู้โดยสารที่รออยู่ ถ้าสถานีแน่นเกินไป เกมจะจบลงทันที[3] เมื่อแพ้แล้ว ผู้เล่นสามารถสร้างเครือข่ายต่อในโหมด "ไม่สิ้นสุด" ซึ่งเป็นโหมดที่ไม่จำกัดความจุของสถานี[3] เพื่อบรรเทาการเติบโตของเครือข่าย ผู้เล่นสามารถอัพเกรดได้ในแต่ละสัปดาห์ของเกม[2][3] ในการอัพเกรดแต่ละครั้ง ผู้เล่นจะได้รถไฟคันใหม่และเลือกระหว่างทางเลือกสุ่มสองอัน เช่น เพิ่มรางใหม่ เพิ่มตู้โดยสารใหม่ เพิ่มอุโมงค์ หรือทางสับเปลี่ยน (ซึ่งเพิ่มความจุของสถานีและอนุญาตให้เพิ่ม/ลดผู้โดยสารทันที)[3] และเกมนี้สามารถหยุดเวลาชัวคราวเพิ่อสร้างและจัดการเส้นทางรถไฟใหม่[5] ในโหมด "สุดขีด" เมื่อทำเส้นทางระหว่างสถานีแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้[3][7]
ในปีค.ศ. 2018 ได้มีการเพิ่มโหมด "สร้างสรรค์" ขึ้น ซึ่งให้ผู้เล่นสร้าง, บริหาร และเพิ่มสถานีในเกมได้ โดยที่มีรถไฟ, ตู้โดยสาร, อุโมงค์ หริอทางสับเปลี่ยนได้ไม่จำกัด
มินิเมโทร ถูกผลิตโดยไดโนซอร์โปโลคลับ (Dinosaur Polo Club) ซึ่งเปนบริษัทิสระของชายสองคนในประเทศนิวซีแลนด์[8] โดยเป็นเกมแรกของสตูดิโอที่ก่อตั้งในปีค.ศ. 2013 โดยพี่น้องปีเตอร์กับโรเบิร์ท เคอร์รี[8][9] พวกเขาเคยทำงานให้กับผู้พัฒนาวิดีโอเกมสิธ (Sidhe) แต่ลาออกในปีค.ศ. 2006 เพื่อพัฒนาเกมอินดี[9]
การพัฒนาเกม มินิเมโทร เริ่มขึ้นในเดือนเษายน ค.ศ. 2013 ภายใต้ชื่อ ไมน์เดอะแก็ป (Mind the Gap)[9][10] โรเบิร์ท เคอร์รีแนะนำให้สร้างเกมแนวระบบขนส่งสาธารณะหลังจากตนเองไปที่ลอนดอนและใช้ระบบรถไฟใต้ดินของเมือง[9] ซึ่งมีคอนเซปให้ผู้เล่นสร้างระบบขนส่งที่ช่วยตัวแทนอัจฉริยะ (intelligent agents) เดินทางไปรอบ ๆ โดยให้โหนดกับเส้นแสดงเป็นสถานีรถไฟกับทางรถไฟ.[9] พวกเขาเลือกที่จะพัฒนาเกมโดยใช้ยูนิตีเกมเอนจิน[10]
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2013 ได้มีการปล่อยรุ่นแอลฟาของ มินิเมโทร ขึ้น[10] พวกเขาตัดสินใจให้เกมรุ่นเว็บไซต์เล่นได้ฟรี จนกว่าจะถึงรุ่นสุดท้าย (รุ่นเผยแพร่)[10] ตอนแรก พวกเขาจะเผยแพร่รุ่นสุดท้ายของเกมในช่วงปลายปีค.ศ. 2013 อยาสงไรก็ตาม เนื่องจากขอบเขตที่จำกัดของตัวเกม ทำให้การพัฒนานานไปกว่าที่คาดคิดเอาไว้[10] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2014 พวกเขาตัดสินใจเยแพร่รุ่นที่อยู่ในระหว่างพัฒนาผ่านทางSteam Early Access.[10][5] แล้วเผยแพร่รุ่นต่อไปตามคำตอบรับของคอมมิวนิตี[10]
พี่น้องได้จ้ายคนสองคนในการช่วยเหลือสองอย่างคือ: ศิลปะกับดนตรี[10] เจมี เชิร์ชแมน (Jamie Churchman) อดีตผู้ร่วมงานที่สิธได้ช่วยเรื่องการดีไซน์เกม[9][10] พวกเขาได้ให้ทางดิซาสเตอร์พีซ (Disasterpeace) ช่วยทำงานในด้านเสียงดนตรี[10] [11] โดยแต่ละด่านมีจังหวะและเสียง; โครงสร้างฮาร์มอนิกที่เปลี่ยนไปตามขนาดและรูปร่างในระบบสถานีของผู้เล่น[12] เสียงดนตรีได้แรงบันดาลใจจากดนตรีมินิมัล และผลงานของฟิลิป กลาส (Philip Glass) กับสตีฟ ไรช์ (Steve Reich)[12]
ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 ได้มีการเผยแพร่ มินิเมโทร รุ่นมินิเอคเซส (early access) สำหรับลินุกซ์, โอเอสเอ็กซ์ และวินโดวส์[13][14] ทางไดโนซอร์โปโลคลับได้ร่วมมือกับเพลย์อิซึม (Playism) กับปลั้กอินดิจิทัล (Plug In Digital) เพื่อเผยแพร่เกมบนร้านค้าดิจิทัล และคอชมีเดีย (Koch Media) สำหรับการขายในยุโรป[15] ส่วนรุ่นของแอนดรอยด์ (เผยแพร่โดยเพลย์ดิเจียส (Playdigious)[16]) และไอโอเอสถูกเผยแพร่ในวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2016[17] ส่วนบนนินเทนโดสวิทช์ที่เผยแพร่ในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2018 ได้เพิ่มโหมดหลายผู้เล่นขึ้น[18] และเผยแพร่รุ่น เพลย์สเตชัน 4 ในวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 2019.[19]
มินิเมโทร ได้รับเสียงวิจารณ์ "เป็นที่โปรดปรานโดยทั่วไป" จากเมทาคริติก[20][21] เจนนี ลาดา นักเขียนจาก Technology Tell กล่าวว่าได้รู้สึกผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าตัวเกมสร้างแรงกดดันแก่ผู้เล่นก็ตาม[25] GamesTM ได้รีวิวถึงรุ่นพีซีว่า ความลึกในวิธีเล่นของ มินิเมโทร พร้อมกับเส้นระดับความยากทำให้เกมดูน่าสนใจ[2] ร็อบ ริช นักเขียนจาก Gamezebo ได้คอมเมนต์ถึงรูปแบบดีไซน์และปุ่มควบคุมที่ใช้งานง่ายในรุ่นโทรศัพท์ เขาคิดว่าการใช้รูปร่างเรขาคณิตเพื่อแสดงถึงผู้โดยสารกับสถานีช่ายย่อภารกิจที่ซับซ้อน ทำให้เกมเข้าถึงง่าย[7] คริสเตียน วาเลนทิน (Christian Valentin) นักวิจารณ์จาก Pocket Gamer กล่าวว่าในตอนเล่นแรก ๆ อาจสับสน แต่ต่อมารู้สึกเหมือน "มีส่วนร่วมอย่างน่าแปลกใจ"[23]
ในงาน Independent Games Festival ค.ศ. 2016 มินิเมโทร ชนะรางวัล "เสียงดีเด่น"[26] และได้เข้าชิงถึงสามรางวัล คือ: "รูปแบบศิลปะดีเด่น", "ดีไซน์ดีเด่น" และ "Seumas McNally Grand Prize".[27] ตัวเกมได้เข้าชิงสำหรับ "Debut Game" ที่ บริติชอะคาเดมีเกมส์อวอร์ดส์ครั้งที่ 12[28] และได้รับการยกย่องสำหรับ "Best Debut" ในงาน Game Developers Choice Awards ประจำครั้งที่ 16[29] เกมสปอต ได้จัดให้ มินิเมโทร ใน 5 เกมที่ดีที่สุดสำหรับโทรศัพท์ในปีค.ศ. 2016.[30]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.