Loading AI tools
มหาวิทยาลัยญี่ปุ่น จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาวิทยาลัยโตเกียว (ญี่ปุ่น: 東京大学/ とうきょう だいがく โรมาจิ: Tōkyō Daigaku ทับศัพท์: โทเกียวไดงะกุ) หรือย่อว่า โทได (ญี่ปุ่น: 東大 โรมาจิ: Tōdai)[6] เป็นมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่นในลักษณะของมหาวิทยาลัยวิจัย ตั้งอยู่ที่โตเกียว มีพื้นที่แยกออกเป็น 5 วิทยาเขต ใน ฮงโง โคมาบะ คาชิวะ ชิโรงาเนะ และนากาโนะ และได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีเกียรติมากที่สุดในญี่ปุ่น[7][8] และยังจัดเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
東京大学 | |
ใบแปะก๊วย สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยโตเกียว | |
ละติน: Universitas Tociensis | |
ชื่อเดิม | Imperial University (1886–1897) Tokyo Imperial University (1897–1947) |
---|---|
ชื่อย่อ | โทได / 東大, UT |
ประเภท | รัฐ (ระดับชาติ) |
สถาปนา | 12 เมษายน 1877 |
สังกัดวิชาการ | IARU AEARU AGS BESETOHA AALAU Washington University in St. Louis McDonnell International Scholars Academy[1] |
อธิการบดี | Teruo Fujii |
อาจารย์ | 3,937 เต็มเวลา (2022)[2] |
ผู้ศึกษา | 28,133 (2022)[3] excluding research students and auditors |
ปริญญาตรี | 13,962 (2022)[4] |
บัณฑิตศึกษา | 14,171 (2022)[5] รวมถึงหลักสูตรระดับมืออาชีพ |
6,123 | |
ที่ตั้ง | , , |
วิทยาเขต | เขตเมือง |
สี | น้ำเงิน |
เว็บไซต์ | u-tokyo.ac.jp |
มหาวิทยาลัยโตเกียวประกอบด้วย 10 คณะซึ่งมีนักศึกษารวมทั้งสิ้นประมาณ 30,000 คน ในจำนวนนี้มีนักศึกษาต่างชาติประมาณ 2,100 คนเป็นนักศึกษาไทยประมาณ 150 คน (ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงทีสุดในบรรดามหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น) ปัจจุบันมีหลักสูตรครอบคลุมสาขาวิทยาการเกือบทั้งหมด แต่ที่มีชื่อเสียงมากเป็นพิเศษคือ กฎหมาย รัฐศาสตร์ วรรณกรรม เศรษฐศาสตร์ แพทยศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ผลิตนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงของญี่ปุ่นจำนวนมาก นับแต่อดีตจนปัจจุบันแม้ว่าสัดส่วนจะลดลงก็ตาม อัตราส่วนของรัฐมนตรีที่เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยโตเกียวยังคงสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยแต่ละช่วงคริสต์ศตวรรษจะอยู่ที่ประมาณ 23, 12, 14, 15 และ 16 ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1950, 60', 70', 80' และ 90' ตามลำดับ
มหาวิทยาลัยโตเกียวมีการเรียนการสอนที่เป็นที่ยอมรับว่า เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาชั้นสูงในหลากหลายสาขาวิชา และมีอัตราการแข่งขันในการเข้าศึกษาสูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยโตเกียวมีมหาวิทยาลัยคู่แข่งอยู่หกมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยเคโอซึ่งก่อตั้งก่อนช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มหาวิทยาลัยฮิโตะสึบาชิซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากในหมู่คนญี่ปุ่นและเปิดสอนเฉพาะวิชาด้านสังคมศาสตร์ หรือมหาวิทยาลัยเกียวโตซึ่งผลิตนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลเป็นจำนวนมาก หนึ่งในศิษย์เก่าเจ้าของรางวัลโนเบลของมหาวิทยาลัยโตเกียวคืออธิการบดีมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพิเรียลชื่อ ศาสตราจารย์ คิคุจิ ไดโรกุ ในด้านกีฬา ทีมเบสบอลมหาวิทยาลัยโตเกียว ประสบความสำเร็จมากที่สุดทีมหนึ่งในระดับมหาวิทยาลัยของกรุงโตเกียว
ศูนย์ฮงโงะเป็นศูนย์หลักของมหาวิทยาลัยซึ่งเดิมเป็นที่พำนักของตระกูล "มาเอดะ" ช่วงสมัยเอโดะผู้เป็นเจ้าเมืองเคงะ สัญลักษณ์หนึ่งที่เป็นที่รู้จักและอยู่จนปัจจุบันของมหาวิทยาลัยคือ "อะกามง" (ประตูแดง) ส่วนตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเป็นรูปใบแปะก๊วย ซึ่งปลูกอยู่เรียงรายทั่วทั้งบริเวณของมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยโตเกียวก่อตั้งช่วงยุคสมัยเมจิในปี ค.ศ. 1877 ภายใต้ชื่อปัจจุบันโดยรวมโรงเรียนแพทย์ของรัฐบาลเดิมเข้ากับการเรียนการสอนแบบตะวันตกเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยหลวง (帝國大學 เทโคะกุ ไดงะกุ) ในปีค.ศ. 1886 แล้วเปลี่ยนอีกเป็น "มหาวิทยาลัยจักรพรรดิโตเกียว" (東京帝國大學 โทเกียว เทโคะกุ ไดงะกุ) ในปีค.ศ. 1887 เมื่อระบบเครือมหาวิทยาลัยจักรพรรดิเริ่มก่อสร้างตัวขึ้น
มหาวิทยาลัยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเมจิในปี ค.ศ. 1877 ภายใต้ชื่อปัจจุบันด้วยการรวมโรงเรียนรัฐบาลเก่าแก่ด้านการแพทย์ดั้งเดิม และการเรียนรู้สมัยใหม่และได้เปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยหลวง (帝國大學 เทโคะกุ ไดงะกุ) ในปี 1886 จากนั้นเป็น "มหาวิทยาลัยจักรพรรดิโตเกียว" (東京帝國大學 โทเกียว เทโคะกุ ไดงะกุ) ในปี 1897 เมื่อระบบมหาวิทยาลัยของจักรพรรดิถูกสร้างขึ้น ในเดือนกันยายน 1923 แผ่นดินไหวและไฟไหม้ทำลายหนังสือประมาณ 700,000 เล่มของห้องสมุดมหาวิทยาลัย หนังสือที่สูญหายรวมถึงห้องสมุดโฮชิโนะ (星野文庫 โฮชิโนะ บุนโกะ) ซึ่งมีหนังสือประมาณ 10,000 เล่ม หนังสือเป็นสมบัติของ โฮชิโนะ ฮิซาชิ ก่อนที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของห้องสมุดของมหาวิทยาลัยและส่วนใหญ่เกี่ยวกับปรัชญาและประวัติศาสตร์ของจีน
พอในปี ค.ศ. 1947 หลังจากญี่ปุ่นพ่ายสงครามโลกครั้งที่สอง มหาวิทยาลัยได้กลับมาใช้ชื่อดั้งเดิมอีกครั้ง และเริ่มต้นระบบมหาวิทยาลัยใหม่ในปี ค.ศ. 1949 โทได หรือ โตไดได้ยุบรวมสถาบันการศึกษาขั้นสูงแห่งแรก (ปัจจุบันคือศูนย์โคมาบะ) และสถาบันการศึกษาขั้นสูงแห่งโตเกียวเดิม เข้าเป็นศูนย์ของมหาวิทยาลัย โดยแบ่งแยกการเรียนการสอนปีแรกและปีที่สองของระดับปริญญาบัณฑิตไว้ที่ศูนย์นี้ หลังจากนั้นพอนักศึกษาขึ้นชั้นปีที่สามจึงย้ายเข้าเรียนที่ศูนย์หลักฮงโงะ
แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะก่อตั้งขึ้นในช่วงสมัยเมจิ แต่ก็มีรากฐานก่อนหน้านี้ในหน่วยงานดาราศาสตร์ (天文方; 1684), สำนักงานการศึกษาโชเฮอิซากะ (昌平坂学問所; 1797) และสำนักงานแปลหนังสือตะวันตก (蕃書和解御用; 1811) สถาบันเหล่านี้เป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นโดยโชกุนโทคุงาวะ (1603–1867) และมีบทบาทสำคัญในการนำเข้าและแปลหนังสือจากยุโรป
คิคุจิ ไดโรกุ บุคคลสำคัญในการศึกษาของญี่ปุ่นทำหน้าที่เป็นประธานของมหาวิทยาลัยหลวงโตเกียว
สำหรับโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1964 มหาวิทยาลัยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาประเภทปัญจกรีฑาสมัยใหม่
มหาวิทยาลัยโตเกียวเข้าร่วมกับกับสมาพันธ์ความร่วมมือมหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งประเทศญี่ปุ่น ภายใต้กฎหมายใหม่ซึ่งใช้กับมหาวิทยาลัยของรัฐทุกมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 (ออกนอกระบบ)
แม้ว่าจะสมาพันธ์จะมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นอิสระทางการเงินและการบริหาร มหาวิทยาลัยโตเกียวยังคงถูกควบคุมบางส่วนโดยกระทรวงการศึกษา วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (มงบุคางะกุโช หรือ มงกะโช)
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2012 มหาวิทยาลัย ประกาศว่าจะเปลี่ยนจุดเริ่มต้นของปีการศึกษาตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน เพื่อจัดระเบียบปฏิทินให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล การเปลี่ยนแปลงจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปในช่วงห้าปี แต่ประธานคนเดียวได้รับการประกาศอย่างไม่ดีและมหาวิทยาลัยก็ยกเลิกแผนการดังกล่าว
จากนิตยสารเจแปนไทมส์ ระบุว่ามหาวิทยาลัยมีอาจารย์ 1,282 คนในเดือนกุมภาพันธ์ 2012 โดยในจำนวนนั้นมี 58 คนเป็นผู้หญิง
ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2012 เป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยโตเกียวเริ่มหลักสูตรระดับปริญญาตรีสองหลักสูตร ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดและมุ่งเน้นไปที่นักศึกษาต่างชาติ - หลักสูตรภาษาอังกฤษที่ Komaba (PEAK) - หลักสูตรนานาชาติในสาขาญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออก และหลักสูตรนานาชาติ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ในปี 2014 คณะวิชาวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโตเกียวได้เปิดตัวหลักสูตรการถ่ายโอนระดับปริญญาตรีภาษาอังกฤษทั้งหมด ที่เรียกว่าหลักสูตรวิทยาศาสตร์ทั่วโลก (GSC)
สระน้ำซันชิโระ ตั้งอยู่ใจกลางมหาวิทยาลัยศูนย์ฮงโงะ ก่อสร้างเมื่อ ค.ศ. 1615 หลังจากการพังทลายของปราสาทโอซากะ ท่านโชกุนในสมัยนั้นจึงพระราชทานสระน้ำและสวนรอบ ๆ ให้กับ "มาเอดะ โทชิตสึเนะ" โดย "มาเอดะ สึนาโนริ" เป็นคนพัฒนาสวนเพิ่มเติมจนกลายเป็นสวนที่สวยงามที่สุดใน เอโดะ (ปัจจุบันคือโตเกียว) ด้วยภูมิสถาปัตย์แบบดั้งเดิมแปดแบบแบ่งเป็นแปดบริเวณ ส่วนที่มีชื่อเสียงคือสระน้ำเทียม เนินเขา และคุ้มต่าง ๆ แต่เดิมรู้จักกันในชื่อว่า "อิคุโตะกุ เอ็น" ซึ่งหมายถึง"สวนแห่งการเผยแผ่พระธรรม" เส้นรอบขอบของสระน้ำจะเป็นรูปหัวใจหรือ "โคโคโระ" หรือ "ชิน" ดังนั้นชื่ออย่างเป็นทางการจะเรียกว่า "อิคุโตะกุ เอ็น ชินจิอิเกะ" อย่างไรก็ตามผู้คนมักเรียกว่า สระน้ำซันชิโระ หลังจากมีการตีพิมพ์นิยายเรื่องซันชิโระของ "นัตสึเมะ โซเซกิ"
อันดับมหาวิทยาลัย | |
---|---|
อันดับในประเทศ(อันดับนานาชาติ) | |
สถาบันที่จัด | อันดับ |
QS WORLD (2019) | 1 (23) |
ARWU World | 1 (25) |
THE World | 1 (27) |
ใน ค.ศ. 2005 มหาวิทยาลัยโตเกียวได้รับการจัดให้เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย[12] จากการจัดอันดับสถาบันในระดับอุดมศึกษาโดยมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง ประเทศจีน
ใน ค.ศ. 2011 มหาวิทยาลัยโตเกียวได้รับการจัดให้เป็นอันดับ 8 ของโลกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง[13] จากการจัดอันดับสถาบันในระดับอุดมศึกษาโดยไทมส์ไฮเออร์เอดยูเคชันซัปพลีเมนต์ ประเทศอังกฤษ
ใน ค.ศ. 2011-2012 มหาวิทยาลัยโตเกียวได้รับการจัดให้เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย[14] จากการจัดอันดับสถาบันในระดับอุดมศึกษาโดยไทมส์ไฮเออร์เอดยูเคชันซัปพลีเมนต์ ประเทศอังกฤษ
จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของคอกโครัลลีไซมอนส์ประจำปี 2019 ได้จัดลำดับให้มหาวิทยาลัยโตเกียวอยู่ในอันดับที่ 23 ของโลก อันดับที่ 4 ของทวีปเอเชีย และอันดับที่ 1 ของประเทศญี่ปุ่น[15]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.