![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/c6/NagoyaProtocol.svg/langth-640px-NagoyaProtocol.svg.png&w=640&q=50)
พิธีสารนาโงยะ
From Wikipedia, the free encyclopedia
พิธีสารนาโงยะว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมเพื่ออนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ หรือที่รู้จักกันในชื่อ พิธีสารนาโงยะว่าด้วยการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรและการแบ่งปันผลประโยชน์ (อังกฤษ: Nagoya Protocol on Access and Benefit Sharing) เป็นความตกลงเพิ่มเติมใน ค.ศ. 2010 ต่ออนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity; CBD) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการทำให้วัตถุประสงค์หนึ่งจากสามของอนุสัญญาดังกล่าวนั้นเป็นผลสำเร็จ กล่าวคือการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมและเสมอภาคอันเกิดจากการใช้แหล่งทรัพยากรพันธุกรรมโดยการอนุรักษ์และใช้ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน พิธีสารนาโงยะกำหนดพันธะสภาพของประเทศที่ลงนามในการวางมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรม การแบ่งปันผลประโยชน์ และการร่วมมือต่อพิธีสาร
พิธีสารนาโงยะว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมเพื่ออนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ | |
---|---|
![]() ประเทศที่ลงนาม
ประเทศที่ลงนามโดยไม่มีเจตนาให้สัตยาบัน
ประเทศที่ไม่ได้ลงนามแต่เป็นสมาชิกของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
ประเทศที่ไม่ได้ลงนามและไม่ได้เป็นสมาชิกของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
นอกจากสมาชิกรัฐที่หลากหลาย สหภาพยุโรปยังเป็นสมาชิกของพิธีสารด้วย (ไม่ได้อยู่ในแผนภาพ) | |
ประเภท | สิ่งแวดล้อม |
วันลงนาม | 29 ตุลาคม ค.ศ. 2010 |
ที่ลงนาม | นาโงยะ, ประเทศญี่ปุ่น |
วันมีผล | 12 ตุลาคม ค.ศ. 2014 |
เงื่อนไข | 50 รัฐให้สัตยาบันต่ออนุสัญญา |
ผู้ลงนาม | 92 |
ภาคี | 128 |
ผู้เก็บรักษา | เลขาธิการสหประชาชาติ |
ภาษา | อาหรับ, จีนแมนดาริน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย และสเปน |
พิธีสารนาโงยะมีมติเห็นชอบในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ในนาโงยะ ประเทศญี่ปุ่น และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2014 จนถึงเดือนตุลาคม ค.ศ. 2020 มี 128 กว่าภาคีรวมถึงรัฐสมาชิกสหประชาชาติ 127 รัฐ และสหภาพยุโรปที่ให้สัตยาบันต่อพิธีสารฯ
มีการแสดงข้อกังวลว่าการเพิ่มความเป็นอำมาตยาธิปไตย และการตรากฎหมายอาจสร้างความเสียหายในการควบคุมดูแล การอนุรักษ์และการรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพ, ในการตอบโต้ต่อโรคติดเชื้ออย่างเป็นสากล และการวิจัย[1][2]