"พายุไต้ฝุ่นชบา" เปลี่ยนทางมาที่นี่ บทความนี้เกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่นในปี พ.ศ. 2553 สำหรับสำหรับพายุลูกอื่นที่มีชื่อเดียวกัน ดูที่
พายุชบาพายุไต้ฝุ่นชบา (อักษรโรมัน: Chaba)[nb 1] หรือที่ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นกาตริง (ตากาล็อก: Katring)[nb 2] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากพายุไต้ฝุ่นเมกี และเป็นพายุลูกแรกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่พายุไต้ฝุ่นเมอโลร์ในปี พ.ศ. 2552 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2553 อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หย่อมความกดอากาศต่ำได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างเชื่องช้าจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และพายุโซนร้อนในวันรุ่งขึ้น พายุโซนร้อนชบาได้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นในเช้าตรู่ของวันที่ 26 ตุลาคม และมีความรุนแรงสูงสุดเทียบเท่ากับมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 5 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน พายุไต้ฝุ่นชบามีกำลังแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (125 ไมล์ต่อชั่วโมง)[nb 3] และความกดอากาศที่ 905 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.72 นิ้วของปรอท) หลังจากนั้นไม่นานพายุไต้ฝุ่นชบาก็เริ่มอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และได้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนเมื่อผ่านไปใกล้ประเทศญี่ปุ่น ส่วนที่เหลือของพายุยังคงอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ จนกระทั่งพายุสลายไปในวันรุ่งขึ้น[1]
ข้อมูลเบื้องต้น ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา, ก่อตัว ...
ปิด
เครื่องวัดกำลังงานแสงเชิงสเปกตรัมแบบการถ่ายภาพความละเอียดปานกลางของดาวเทียมของนาซาได้ถ่ายภาพกลุ่มเมฆที่หมุนเป็นเกลียวของพายุไต้ฝุ่นชบาได้พัดแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลฟิลิปปิน[2] และเมฆปกคลุมเหนือหมู่เกาะรีวกีวของประเทศญี่ปุ่นรวมถึงเกาะโอกินาวะ และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ[3]
พายุฝนฟ้าคะนองจากพายุไต้ฝุ่นชบาได้ถล่มเมืองทำให้บ้านเรือนประมาณ 500 หลัง ได้ประสบปัญหาไฟฟ้าดับ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 5 ราย ในจังหวัดโอกินาวะ[4] การแข่งขันรถในโตเกียวได้ถูกเลื่อนโดยสมาคมแข่งรถแห่งประเทศญี่ปุ่นไปจนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นชบา[5]
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยาของพายุไต้ฝุ่นชบา
- วันที่ 21 ตุลาคม ดาวเทียมของนาซาได้เคลื่อนตัวผ่านบริเวณหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งทำให้มีฝนตกลงมาที่หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาในมหาสมุทรแปซิฟิก และหย่อมความกดอากาศต่ำได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในเวลาต่อมา พายุได้ก่อตัวขึ้นห่างอยู่ประมาณ 850 กิโลเมตร (530 ไมล์) ทางตอนใต้ของอิโวะจิมะ และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลม 1 นาทีที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (30 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) พายุดีเปรสชันเขตร้อนได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากอยู่ในบริเวณที่มีลมเฉือนในแนวดิ่งต่ำ และมีอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลอุ่น
- วันที่ 22 ตุลาคม พายุดีเปรสชันเขตร้อนอยู่เหนือน่านน้ำเปิดทางตะวันตกเฉียงเหนือ และไม่มีภัยคุกคามต่อแผ่นดิน ดาวเทียมของนาซาได้บันทึกข้อมูลอินฟราเรดความเย็นของเมฆพายุในขณะที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านเหนืออวกาศ พายุตั้งอยู่ประมาณ 1,400 กิโลเมตร (870 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วลม 1 นาทีที่ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (15 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร เครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศได้ใช้เทคโนโลยีอินฟราเรดเพื่อวัดอุณหภูมิของพายุ และดาวเทียมของนาซาได้ถ่ายภาพอุณหภูมิสูงสุดของเมฆพายุดีเปรสชันเขตร้อนเผยให้เห็นพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงบางแห่งที่อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ -53 องศาเซลเซียส ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางทิศใต้จุดศูนย์กลางของพายุ ข้อมูลดาวเทียมมีข้อบ่งชี้ว่าศูนย์หมุนเวียนระดับต่ำถูกลมภายนอกพัดเข้ามา และนั่นเป็นสัญญาณว่าพายุอาจจะอ่อนกำลังลงมากขึ้นในระยะสั้น การพาความร้อนที่รุนแรงที่สุด หรือเมฆที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองที่ทำให้เกิดพายุดีเปรสชันเขตร้อน และอยู่ทางทิศใต้ของศูนย์กลางการไหลเวียน
- วันที่ 23 ตุลาคม พายุดีเปรสชันเขตร้อนเข้าสู่พื้นที่รับผิดชอบของประเทศฟิลิปปินส์ และสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) ได้กำหนดชื่อท้องถิ่นว่า กาตริง
- วันที่ 24 ตุลาคม ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 4] ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อน และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 5] ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อนเช่นกัน และกำหนดให้ชื่อว่า ชบา
- วันที่ 25 ตุลาคม พายุโซนร้อนชบาตั้งอยู่ประมาณ 970 กิโลเมตร (600 ไมล์) ทางตอนใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (70 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงประมาณ 6 เมตร ดาวเทียมของนาซาได้เคลื่อนตัวผ่านพายุเพื่อถ่ายภาพอินฟราเรดความเย็นของเมฆพายุด้วยเครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศ และเผยให้เห็นว่าอุณหภูมิของเมฆมีอากาศเย็นอยู่ที่ประมาณ -52 องศาเซลเซียส นั้นแสดงว่ามีการหมุนเวียนของลมบริเวณทางทิศใต้ และทางทิศตะวันตก ยิ่งอุณหภูมิของเมฆเย็นลง พายุก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น และพายุฝนฟ้าคะนองก็รุนแรงขึ้นเช่นกัน ภาพถ่ายดาวเทียมไอน้ำแสดงให้เห็นว่าแถบพายุฝนฟ้าคะนองที่มีการพาความร้อนลึกตามแนวขอบทางทิศตะวันตกของการไหลเวียนศูนย์กลางของพายุ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ยกระดับพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นในเวลาต่อมา
- วันที่ 26 ตุลาคม พายุไต้ฝุ่นชบาเป็นพายุที่มีขนาดใหญ่ที่ทอดยาวตั้งแต่ประเทศฟิลิปปินส์ไปจนถึงจังหวัดโอกินาวะ มีการจัดระเบียบได้อย่างดี และมีกำลังแรงในขณะที่เคลื่อนตัวผ่านทะเลฟิลิปปิน พายุตั้งอยู่ประมาณ 800 กิโลเมตร (500 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (85 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเวลา 11:50 น. (04:50 น. เวลาสากลเชิงพิกัด)
- วันที่ 27 ตุลาคม ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานว่าพายุไต้ฝุ่นชบาถึงระดับความรุนแรงสูงสุดกลายเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 ด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (180 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในเวลา 17:53 น. (10:53 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) พายุไต้ฝุ่นชบาตั้งอยู่ประมาณ 440 กิโลเมตร (270 ไมล์) ทางตอนใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (125 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 3 เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงเกือบประมาณ 7 เมตร พายุยังคงอยู่ในน่านน้ำเปิดของทะเลฟิลิปปิน และมีตาพายุที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร (10 ไมล์) แต่เมฆของพายุได้กระจายผ่านคาเดนาไปไกลถึงตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น และพายุยังคงมีกำลังแรงไว้เพราะอยู่ในบริเวณที่มีลมเฉือนในแนวตั้งต่ำ และมีการไหลออกที่ดี ขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้กระแสลมกรดบริเวณขั้วโลกทำให้แรงลมเฉือนแนวตั้งมากขึ้น และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมคาดการณ์ว่าพายุไต้ฝุ่นชบาจะอ่อนกำลังลงระหว่างเคลื่อนตัวไปยังประเทศญี่ปุ่น
- วันที่ 28 ตุลาคม ตาพายุของพายุไต้ฝุ่นชบาทำให้นักพยากรณ์สามารถมองเห็นความรุนแรงของพายุได้ดี ดาวเทียมของนาซาได้บันทึกภาพอินฟราเรดของพายุ และแสดงให้เห็นตาพายุที่กว้าง 65 กิโลเมตร (40 ไมล์) ได้อย่างชัดเจน ซึ่งบ่งบอกถึงพายุลูกนี้มีกำลังแรงมาก ดาวเทียมของนาซาได้เคลื่อนตัวผ่านพายุไต้ฝุ่นชบา และเครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศที่ได้บันทึกภาพอินฟราเรดไว้แสดงให้เห็นตาพายุของพายุได้อย่างชัดเจน อุณหภูมิของเมฆพายุฝนฟ้าคะนองที่มีอากาศเย็นอยู่ที่ประมาณ -52 องศาเซลเซียส ขณะที่พายุทำให้เกิดฝนตกหนักทางทะเลฟิลิปปินเมื่อเวลา 11:35 น. (04:35 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) เครื่องส่งเสียงอินฟราเรดบรรยากาศได้ให้ข้อมูลอินฟราเรดที่เกี่ยวกับอุณหภูมิของเมฆพายุไต้ฝุ่นชบาแก่นักพยากรณ์ของศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) อุณหภูมิเหล่านั้นมีความสำคัญ เนื่องจากสามารถบอกนักพยากรณ์ได้ว่าพายุฝนฟ้าคะนองมีอุณหภูมิสูงมากเท่าใด พายุก็จะมีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ภารกิจวัดปริมาณน้ำฝนในเขตร้อนได้เคลื่อนตัวผ่านพายุไต้ฝุ่นชบา และเรดาร์ปริมาณน้ำฝนพบว่าพายุมีการจัดระเบียบได้เป็นอย่างดี และครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีฝนตกปานกลางกับฝนตกหนักมาก แต่ข้อมูลไม่ได้แสดงตาพายุได้อย่างชัดเจน และจุดศูนย์กลางของพายุได้ปรากฏให้เห็นแถบเมฆพายุฝนฟ้าคะนองอยู่บริเวณศูนย์กลางการไหลเวียนของพายุไต้ฝุ่นชบาเมื่อเวลา 18:04 น. (11:04 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) พายุตั้งอยู่ประมาณ 240 กิโลเมตร (150 ไมล์) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (125 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 3 เมื่อเวลา 22:00 น. (15:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และทำให้เกิดคลื่นสูงประมาณ 10 เมตร
- วันที่ 30 ตุลาคม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ลดระดับพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนเมื่อเคลื่อนตัวผ่านเข้าไปใกล้ประเทศญี่ปุ่น และส่วนเศษซากของพายุยังคงอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ แต่มีกำลังแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อเข้าใกล้คาบสมุทรอะแลสกาจนกลายเป็นพายุที่มีขนาดใหญ่โดยมีความเร็วลมต่อเนื่อง 10 นาทีที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (60 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศต่ำสุดกลางของ 940 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.76 นิ้วของปรอท) และจนกระทั่งสลายไปอย่างสมบูรณ์ในวันรุ่งขึ้น
- วันที่ 1 พฤศจิกายน พายุหมุนนอกเขตร้อนได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณใกล้กับคอร์โดวา รัฐอะแลสกา แต่ยังไม่ทันที่จะถึงแม่น้ำ ความชื้นในบรรยากาศก็เข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือฝั่งสหรัฐ และสร้างสถิติสำหรับวันที่ฝนตกในซีแอตเทิล
ประเทศญี่ปุ่น
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศเป็นจำนวนมาก เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นชบากำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังจังหวัดโอกินาวะ จึงทำให้มีความกังวลว่าพายุอาจมีลมแรงถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (140 ไมล์ต่อชั่วโมง) และเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือสู่หมู่เกาะอามามิเพราะเกาะเล็ก ๆ รอบหมู่เกาะอามามิฝนตกหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย รองหัวหน้าสถานีตำรวจในจังหวัดคาโงชิมะได้รายงานบลูมเบิร์กเทเลวิชันว่า “เราตื่นตัวที่จะพร้อมอพยพผู้คนหากจำเป็น”[8] เที่ยวบินถูกยกเลิก และประชาชนหลาย 100 คน ขออพยพไปในที่พักพิงจากพายุไต้ฝุ่นชบา เนื่องจากพายุกำลังเคลื่อนตัวผ่านไปยังเกาะต่าง ๆ ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น พายุอยู่ห่างจากหมู่เกาะอามามิไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 150 กิโลเมตร (95 ไมล์) และมีความเร็วลม 145 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (90 ไมล์ต่อชั่วโมง) ประชาชนอย่างน้อย 257 คน ในหมู่เกาะอามามิได้อพยพไปยังห้องโถงสาธารณะ และโรงเรียน เจ้าหน้าที่สายการบินที่ท่าอากาศยานอามามิได้ทำการยกเลิกเที่ยวบิน 19 เที่ยวบิน ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร 390 คน[9]
ผู้อยู่อาศัยในหมู่เกาะอามามิได้รับการดูแลอย่างสูงจากดินถล่ม หลังจากถูกพายุซัดกระหน่ำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่กว้าง และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย เคนอิจิโระ มาเอดะ เจ้าหน้าที่ของนครอามามิกล่าวว่า “พื้นที่ของพวกเราไม่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมใด ๆ แต่เรายังคงเรียกร้องให้ผู้อยู่อาศัยของเราอยู่ในการเฝ้าระวังเป็นพิเศษจนกว่าพายุไต้ฝุ่นชบาจะเคลื่อนตัวออกจากภูมิภาคนี้”[10] เจ้าหน้าที่สายการบินได้ทำการยกเลิกเที่ยวบินกว่า 160 เที่ยวบิน[11] และประชาชนทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นเริ่มเตรียมกระสอบทราย และเสริมความแข็งแรงของหน้าต่างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพายุไต้ฝุ่นชบาที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้[12]
ประเทศญี่ปุ่น
รัฐบาลนครอามามิเรียกร้องให้ประชาชนรับฟังผ่านระบบเสียงตามสายแบบไร้สายของชุมชนเพื่อหาที่หลบภัยก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังใช้มาตรการป้องกันภัยพิบัติอื่น ๆ เช่น โรงเรียนประถมศึกษา และโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นทุกแห่งได้ทำการหยุดการเรียนการสอน และวางกระสอบทรายในบริเวณที่โดนโคลนถล่มก่อนหน้านี้ พายุฝนฟ้าคะนองถล่มเมืองทำให้บ้านเรือนประมาณ 500 หลัง ได้ประสบปัญหาไฟฟ้าดับ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 5 ราย ในจังหวัดโอกินาวะ เกาะมินะมิไดโตมีการบันทึกความเร็วลมสูงสุดที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (100 ไมล์ต่อชั่วโมง) และเกาะโอกิโนเอราบุ ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่เกาะอามามิได้มีการบันทึกความเร็วลมสูงสุดที่ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (60 ไมล์ต่อชั่วโมง) ตามหน่วยงานได้รายงานว่าคลื่นสูงมากกว่า 6 เมตร จะยังคงอยู่จนถึงคืนวันศุกร์ในนครอามามิ และส่วนหนึ่งของจังหวัดคาโงชิมะ นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์อีกว่าจะมีคลื่นสูงในวันที่ 30 ตุลาคม ตามแนวชายฝั่งทางตะวันตก และทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น
พายุไต้ฝุ่นชบาเริ่มลดระดับลงจากความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นกลายเป็นพายุโซนร้อน และอยู่ห่างจากโตเกียวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 440 กิโลเมตร (275 ไมล์) เมื่อเวลา 10:40 น. (03:40 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือด้วยความเร็วลมอยู่ที่ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (20 ไมล์ต่อชั่วโมง) และกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้โตเกียวโดยผ่านจากคาบสมุทรโบโซไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 200 กิโลเมตร (125 ไมล์) พายุโซนร้อนชบาเริ่มอ่อนกำลังลงในขณะที่เคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปยังทางตอนใต้ของโตเกียว และพายุฝนฟ้าคะนองได้พัดถล่มเมือง จึงทำให้กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการแข่งม้าต้องถูกยกเลิก[13]
ชื่อ กาตริง ถูกถอนชื่อออกจากรายชื่อพายุของฟิลิปปินส์โดยสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) และอาจเป็นเพราะชื่อนี้ถูกใช้หลายครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย และทำลายล้างในส่วนของเกาะลูซอนในปี พ.ศ. 2530 และในปี พ.ศ. 2537 ชื่อนี้ก็ถูกแทนที่ด้วยชื่อ คนอร์ ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งเนื่องจากเป็นชื่อของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวทางเพศที่แพร่ระบาดเมื่อไม่กี่ปีก่อน และปากาซาได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น การ์ดิง ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2557[14]
"ชบา" เป็นชื่อพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 4 ลำดับที่ 26 ของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกฝั่งเหนือ และส่งโดยประเทศไทย
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น "กาตริง" (23 ถึง 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553) จากรายงานของสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA)
"Typhoon Chaba". earthobservatory.nasa.gov (ภาษาอังกฤษ). Nasa. 2023-10-25. สืบค้นเมื่อ 25 October 2023.{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
"Typhoon Chaba". earthobservatory.nasa.gov (ภาษาอังกฤษ). Nasa. 2010-10-27. สืบค้นเมื่อ 27 October 2010.{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
"Typhoon Chaba". earthobservatory.nasa.gov (ภาษาอังกฤษ). Nasa. 2010-10-29. สืบค้นเมื่อ 29 October 2010.{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)