คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ผู้ตรวจการแผ่นดิน (ประเทศไทย)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทย จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2542 โดยตั้งแต่ พ.ศ. 2564 มีผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน 3 คน
Remove ads
ความหมายของผู้ตรวจการแผ่นดิน
สรุป
มุมมอง
คำว่า “Ombudsman” หรือ “ออมบุดสแมน” ในภาษาสวีดิช หมายถึง “ผู้แทน” หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจในการตรวจการ หรือกระทำการต่าง ๆ ในประเทศอังกฤษเรียกว่า “Parliamentary Commissioner of Administration” เป็นบุคลากรหรือองค์กรทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของฝ่ายปกครอง สำหรับประเทศไทย “ผู้ตรวจการ” ดัดแปลงมาจากคำว่า “ผู้ตรวจราชการ” (Inspector) ซึ่งในวิชาบริหารถือว่าเป็นผู้ช่วยผู้บริหารชั้นสูงคอยตรวจแนะนำ (ไม่ใช่สืบสวนเพื่อเอาผิด) แล้วรายงานให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการเอง ตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน มีกำเนิดเริ่มต้นมาจากประเทศสวีเดน นับตั้งแต่ พ.ศ. 2352
ความเป็นมาของผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งราชอาณาจักรไทย
ผู้ตรวจการแผ่นดินในประเทศไทยเริ่มมีการจัดตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2542 โดยใช้ชื่อว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา[2]
ต่อมารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หมวด 11 ส่วนที่ 1 มาตรา 242 - 244 ประกอบบทเฉพาะกาลมาตรา 299 วรรคหนึ่ง กำหนดให้มี "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" จำนวน 3 คน และให้ "ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา" ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ (24 สิงหาคม พ.ศ. 2550) ดำรงตำแหน่งเป็น "ผู้ตรวจการแผ่นดิน"
ผู้ตรวจการแผ่นดิน (เดิมเรียกว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา) คือ บุคคลที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาจากผู้ซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือของประชาชน มีความรอบรู้และมีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน วิสาหกิจ หรือกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ร่วมกันของสาธารณะ และมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ผู้ตรวจการแผ่นดินมีจำนวนสามคนซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากผู้ซึ่งได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาผู้ซึ่งได้รับการสรรหาต้องเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าหรือหัวหน้าหน่วยงานของรัฐที่เทียบได้ไม่ต่ำกว่ากรมตามที่คณะกรรมการสรรหาประกาศกำหนด โดยต้องดำรงตำแหน่งดังกล่าวเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี จำนวน 2 คน และเป็นผู้มีประสบการณ์ในการดำเนินกิจการอันเป็นสาธารณะมาแล้วไม่น้อยกว่า 20 ปี จำนวน 1 คน
ผู้ตรวจการแผ่นดินมีวาระการดำรงตำแหน่ง 7 ปีนับแต่วันที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง และให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว[3]
Remove ads
หน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน
สรุป
มุมมอง
หน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
- เสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติใด ๆ บรรดาที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน หรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน หรือเป็นภาระแก่ประชาชนโดยไม่จำเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ
- แสวงหาข้อเท็จจริงเมื่อเห็นว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมอันเนื่องมาจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ขจัดหรือระงับความเดือดร้อนหรือไม่เป็นธรรมนั้น
- เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบถึงการที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วน ตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญ
- หน้าที่และอำนาจอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หรือกฎหมายอื่น
การดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจข้างต้น ต้องมุ่งหมายที่จะส่งเสริมสนับสนุน และให้คำแนะนำ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขจัดความเหลื่อมล้ำ อำนวยประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างทัดเทียมกัน และลดภาระที่เกิดขึ้นกับประชาชนโดยไม่จำเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ รวมทั้งขจัดหรือระงับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมที่หน่วยงานของรัฐปฏิบัติต่อประชาชน
ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินตาม (1) และ (2) โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อพิจารณาสั่งการตามที่เห็นสมควรต่อไป อนึ่ง ในกรณีการดำเนินการตามหน้าที่ข้างต้น พบว่า เป็นกรณีที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่สามประการข้างต้น ผู้ตรวจการแผ่นดินอาจเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองได้
ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 มาตรา 22 มาตรา 23 และมีเรื่องที่ไม่อยู่ในอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2560 มีลักษณะดังต่อไปนี้ไว้พิจารณา
- เรื่องที่เป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีกำหนด เว้นแต่นโยบายนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือมีผลให้มีการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ
- เรื่องที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาลหรือเรื่องที่ศาลมีคำพิพากษา คำสั่ง หรือคำวินิจฉัยเสร็จเด็ดขาดแล้ว เว้นแต่เป็นการศึกษาเพื่อประโยชน์ในการเสนอแนะให้มีการปรับปรุงกฎหมายหรือกฎที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม
- เรื่องที่ไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน
- เรื่องที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระอื่น หรือที่องค์กรอิสระอื่นรับไว้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระนั้นแล้ว แต่ไม่ตัดอำนาจในการที่จะขอรับทราบผลการพิจารณาขององค์กรอิสระที่รับเรื่องไว้ดำเนินการ
- เป็นการร้องเรียนโดยใช้สิทธิไม่สุจริตและการพิจารณาจะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยส่วนรวม
- เรื่องที่ผู้ร้องเรียนได้รับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมอย่างเหมาะสมแล้ว
- เรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยสรุปผลการพิจารณาแล้ว เว้นแต่จะปรากฏพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใหม่อันอาจทำให้ผลการพิจารณาเปลี่ยนแปลงไป
- เรื่องอื่นตามมติที่ผู้ตรวจการแผ่นดินกำหนด
ในกรณีที่มีความปรากฏในภายหลังว่าเป็นเรื่องที่มีลักษณะตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินสั่งยุติเรื่อง รายนามผู้ดำรงตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งราชอาณาจักรไทย
Remove ads
รายนามผู้ตรวจการแผ่นดิน
ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินในปัจจุบัน
- นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต (ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564[4] - ปัจจุบัน) (เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561)
- นายอิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ (ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2564[4] - ปัจจุบัน)
- นายทรงศัก สายเชื้อ (ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564[5] - ปัจจุบัน)
อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน
- นายพิเชต สุนทรพิพิธ (1 เมษายน พ.ศ. 2543[6] -23 ธันวาคม พ.ศ. 2546)
- นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์ (28 มิถุนายน พ.ศ. 2545[7] - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551)
- พลเอกธีรเดช มีเพียร (24 ธันวาคม พ.ศ. 2546[8] - 21 มีนาคม - พ.ศ. 2552) ดำรงตำแหน่งประธานฯ พ.ศ. 2550 - พ.ศ. 2552[9]
- นายปราโมทย์ โชติมงคล (13 สิงหาคม พ.ศ. 2548[10] - พ.ศ. 2554) ดำรงตำแหน่งประธานฯ พ.ศ. 2553 - พ.ศ. 2554[11]
- นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ(13 ตุลาคม พ.ศ. 2551 - 26 มกราคม พ.ศ. 2556) ดำรงตำแหน่งประธานฯ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 26 มกราคม พ.ศ. 2556
- นายประวิช รัตนเพียร (26 ตุลาคม พ.ศ. 2554 - 24 กันยายน พ.ศ. 2556)[12]
- ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย (8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557)[12]
- ศาสตราจารย์ ดร.ศรีราชา วงศารยางกูร (5 เมษายน พ.ศ. 2553 - 18 กันยายน พ.ศ. 2559)[13] ดำรงตำแหน่งประธานฯ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558 - 18 กันยายน พ.ศ. 2559)
- นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ (24 มีนาคม พ.ศ. 2558 – 27 พฤษภาคม 2563)
- พลเอกวิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน (18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2564)[14] เคยเป็นรักษาการประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน (18 กันยายน พ.ศ. 2559 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561) [15] และประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน(18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561-24 พฤษภาคม พ.ศ. 2564)[16]
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads