![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/ea/Cluj-Napoca_-_Hoia_Forest_and_Grigorescu_district.jpg/640px-Cluj-Napoca_-_Hoia_Forest_and_Grigorescu_district.jpg&w=640&q=50)
ป่าฮอยา
ป่าใกล้ Cluj-Napoca (โรมาเนีย) / From Wikipedia, the free encyclopedia
ป่าฮอยา (อังกฤษ: Hoia Forest; โรมาเนีย: Pădurea Hoia; ฮังการี: Hója-erdő) ป่าแห่งหนึ่ง ใกล้กับเมืองคลูช-นาโปกา ในภูมิภาคทรานซิลเวเนีย ประเทศโรมาเนีย เป็นป่าที่มีเนื้อที่ประมาณ 295 เฮกเตอร์ (729.0 เอเคอร์ หรือ 3 ตารางกิโลเมตร) โดยเป็นป่าที่ได้ชื่อว่าลึกลับและเต็มไปด้วยเรื่องราวเหนือธรรมชาติไม่สามารถหาคำอธิบายได้ จนได้ชื่อว่า "สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาทรานซิลเวเนีย" หรือ "สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาโรมาเนีย"[1]
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/e/ea/Cluj-Napoca_-_Hoia_Forest_and_Grigorescu_district.jpg/640px-Cluj-Napoca_-_Hoia_Forest_and_Grigorescu_district.jpg)
ใจกลางของป่าจะมีพื้นที่เป็นวงกลม เห็นได้ชัดจากบนท้องฟ้า ซึ่งวงกลมตรงนี้ไม่มีต้นไม้ใด ๆ ขึ้นอยู่เลยเป็นที่น่าประหลาด โดยไม่มีใครทราบเหตุผล และเมื่อถ่ายภาพด้วยกล้องจับความร้อนจากบนอากาศ ก็เห็นความร้อนที่ชัดเจนจากที่นี่ ผิดกับพื้นที่ป่าโดยรอบ และพื้นที่วงกลมนี้เป็นสถานที่ ๆ มีรายงานเรื่องลึกลับมากที่สุดในป่า เช่น แสงไฟประหลาดที่มักปรากฏขึ้น หรือพลังงานลึกลับที่ไม่มีใครอธิบายได้ มีบางคนได้เข้าไปในพื้นที่แห่งนี้และเล่าว่าตัวเขาถูกอะไรบางอย่างผลักดันให้กระเด็นไปไกลราว 2–4 เมตร ซึ่งชาวพื้นถิ่นที่อาศัยอยู่แถบนี้ต่างหวาดกลัวและไม่มีใครกล้าเข้าไปในป่านี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งเล่าว่า ในสมัยที่เธอยังเด็ก มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปในป่า ที่สุดก็หายไป ก่อนที่ถูกพบว่าทั้งหมดได้แขวนคอตาย แต่ผู้ที่อาศัยอยู่แถบนี้เชื่อว่าเป็นเพราะถูกอำนาจของผีหรือปิศาจที่สิงอยู่ในป่าบังคับให้พวกเขาทำเช่นนั้น[2]
ในช่วงทศวรรษที่ 60 ศาสตราจารย์ อเล็กซานดรู ซิฟต์ นักวิชาการด้านชีววิทยาได้ลงพื้นที่สำรวจและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับป่าแห่งนี้ โดยได้ศึกษาถึงปรากฏการณ์แสงและพลังแม่เหล็กที่เกิดขึ้นที่นี่ โดยได้หลักฐานเป็นภาพถ่ายจำนวนมาก โดยเชื่อว่าอาจเชื่อมโยงกับยูเอฟโอ หรือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก และได้รับความสนใจและศึกษามากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 70[1] แต่หลังจากซิฟต์เสียชีวิตไปในปี ค.ศ. 1993 หลักฐานทั้งหมดก็หายไปด้วย[3]
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันป่าฮอยาก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งสำหรับผู้ที่สนใจในเรื่องแปลก ๆ โดยมีหลักฐานเพียงเล็กน้อยที่ก่อให้เกิดความคลางแคลงเหล่านี้ทำให้จุดสนใจในแง่ของความบันเทิง[4] [5]