![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/5/53/Ishtar_gate_in_Pergamon_museum_in_Berlin..jpg/640px-Ishtar_gate_in_Pergamon_museum_in_Berlin..jpg&w=640&q=50)
ประตูอิชทาร์
From Wikipedia, the free encyclopedia
ประตูอิชทาร์ (อังกฤษ: Ishtar Gate) เป็นประตูลำดับที่แปดในนครบาบิโลนชั้นใน ปัจจุบันคือพื้นที่ฮิลละฮ์ แคว้นบาบิล ประเทศอิรัก สร้างขึ้นในราว 575 ปีก่อนคริสต์กาล โดยดำริของกษัตริย์เนบูชัดเนซซาร์ที่สองเพื่อเป็นประตูเมืองทางเหนือของนครชั้นใน ประตูนี้เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยทางเดินมุ่งหน้าสู่ตัวประตู
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/5/53/Ishtar_gate_in_Pergamon_museum_in_Berlin..jpg/640px-Ishtar_gate_in_Pergamon_museum_in_Berlin..jpg)
โครงสร้างเดิมมีลักษณะเป็นประตูสองชั้นโดยบานขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง[1] ผนังประดับประดาด้วยเครื่องเคลือบดินเผาส่วนใหญ่เคลือบสีน้ำเงิน มีภาพของสัตว์และเทพเจ้าในลักษณะนูนต่ำประดับ ประตูมีความสูง 50 ฟุต (15 เมตร)* และมีฐานใต้ดินของเดินที่ลึก 45 ฟุต (14 เมตร)* อยู่ใต้ดิน[2] นักโบราณคดีชาวเยอรมัน โรเบิร์ต โคลเดเวย์ เป็นผู้นำการขุดค้นพื้นที่นี้ระหว่างปี 1904 ถึง 1914 หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปร 1918 ประตูชิ้นหน้าซึ่งมีขนาดเล็กกว่าได้ถูกนำมาก่อสร้างใหม่ที่พิพิธภัณฑ์แพร์กามอนในเบอร์ลิน[3]
กษัตริย์เนบูชัดเนซซาร์ที่สอง (Nebuchadnezzar II) ครองราชย์ระหว่างปี 604–562 ปีก่อนคริสต์กาล ในรัชสมัยถือเป็นยุคทองของจักรวรรดิบาบิโลนใหม่ กษัตริย์เนบูชัดเนซซาร์ที่สองยังปรากฏในพระคัมภีร์ไบเบิลในฐานะผู้ยึดครองนครเยรูซาเลมได้[4] พระองค์มีพระราชดำริให้ก่อสร้างประตูขึ้น อุทิศแด่เทพีบาบิโลน นามว่า อิชทาร์ (Ishtar) ประตูสร้างขึ้นโดยใช้อิฐเคลือบและตกแต่งด้วยรูปนูนต่ำแสดง มูชยูชชู (มังกร), วัวป่าเอาโรช, สิงโต สับแถวกันไป สัตว์ทั้งสามชนิดนี้แทนเทพเจ้า มาร์ดุก, อาดัด และ อิชทาร์ ตามลำดับ[5]
สถานทูตอิรักในปักกิ่งยังมีฟาซาดบางส่วนสร้างเลียนแบบจากประตูอิชทาร์[6] ฟาซาดของสถานทูตอิรักในอัมมัน ประเทศจอร์แดน มีลักษณะคล้ายกับประตูอิชทาร์เช่นกัน[7]