Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ซัมซุง กาแลคซีเอส 3 (อังกฤษ: Samsung Galaxy S III; ชื่อรหัส i9300) คือสมาร์ตโฟนระบบจอสัมผัส ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่พัฒนาโดย ซัมซุง อิเล็คทรอนิคส์ ซึ่งพัฒนาเพิ่มซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ต่อจากรุ่นซัมซุง กาแลคซีเอส 2 เปิดตัวเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เอส 3 นั้นมีคุณสมบัติใหม่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก รวมไปด้วย ผู้ช่วยอัจฉริยะ หรือเอสวอยซ์ (S Voice), เพิ่มหน่วยความจำในเครื่อง และ การชาร์จแบตเตอรีด้วยไวร์เลส ส่วนหน้าจอนั้นมีขนาด 4.8 นิ้ว โดยมาพร้อมกับแรม 1 หรือ 2 จิกะไบต์ และรองรับ 4 จี แอลทีอี[11] ในการเปิดตัวนั้นเอส 3 มาพร้อม แอนดรอยด์ 4.0.4 "ไอศกรีมแซนด์วิช" โดยสามารถอัปเดตเป็น แอนดรอยด์ 4.1 "เจลลีบีน" ได้
กาแลคซีเอส 3 สีขาว | |
ผู้พัฒนา | ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ |
---|---|
ผู้ผลิต | ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ |
สโลแกน | "Designed for Humans (Inspired by Nature)"[1][2] ออกแบบเพื่อมวลมนุษย์ (แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ) |
ซีรีส์ | กาแลคซีเอส |
เครือข่ายที่รองรับ | จีเอสเอ็ม/จีพีอาร์เอส/เอดจ์ - 850, 900, 1800, 1900 เมกาเฮิรตซ์[3] 3 จี ยูเอ็มทีเอส/เอชเอสพีเอพลัส/ซีดีเอ็มเอ 2000 - 850, 900, 1700, 1900, 2100 เมกาเฮิรตซ์[3] |
เปิดตัวครั้งแรก | 29 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 |
ขายในประเทศ | 145 ประเทศ โดย 296 ผู้ให้บริการเครือข่าย (กรกฎาคม พ.ศ. 2555)[4] |
วางขาย | การสั่งซื้อ 9 ล้านเครื่อง หลังจากวางขาย; รวม 50 ล้านเครื่อง (14 มีนาคม พ.ศ. 2556)[5] |
รุ่นก่อนหน้า | ซัมซุง กาแลคซีเอส 2 |
รุ่นถัดไป | ซัมซุง กาแลคซีเอส 4 |
รุ่นที่เกี่ยวข้อง | ซัมซุง กาแลคซี โน้ต 2 ซัมซุง กาแลคซีเอส 3 มินิ ซัมซุง อาทีฟเอส |
รูปแบบ | สมาร์ตโฟนจอสัมผัส |
ลักษณะการออกแบบ | สมาร์ตโฟน |
ขนาด | สูง 136.6 มิลลิเมตร (5.38 นิ้ว) กว้าง 70.6 มิลลิเมตร (2.78 นิ้ว) หนา 8.6 มิลลิเมตร (0.34 นิ้ว) (9.0 มิลลิเมตร (0.35 นิ้ว) รุ่นที่ขายในเกาหลีใต้) [6][7] |
น้ำหนัก | 133 กรัม (4.69 ออนซ์) |
ระบบปฏิบัติการ | แอนดรอยด์ 4.0.4 "ไอศกรีมแซนด์วิช"; เมื่อ 29 มีนาคม ค.ศ. 2012 ปัจจุบัน: แอนดรอยด์ 4.3 "เจลลีบีน"[8] ทัชวิซ "เนเจอร์ยูเอ็กซ์" |
ระบบบนชิป | ซัมซุง เอ็กซีนอส 4 ควอด (รุ่นที่ขายทั่วโลก, ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้) ควอล์คอมม์ สแนปดรากอน เอส 4 เอ็มเอสเอ็ม 8960 (รุ่นที่ขายในอเมริกาเหนือ และญี่ปุ่น) |
ซีพียู | 1.4 จิกะเฮิรตซ์ ควอด-คอร์ คอร์เท็กซ์-เอ 9 (รุ่นที่ขายทั่วโลก, ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้) 1.5 จิกะเฮิรตซ์ ดูอัล-คอร์ ไครท์ (รุ่นที่ขายในอเมริกาเหนือ และญี่ปุ่น) |
จีพียู | มาลี-400 เอ็มพี (รุ่นที่ขายทั่วโลก, ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้) อาดรีโน 225 (รุ่นที่ขายในอเมริกาเหนือ และญี่ปุ่น) |
หน่วยความจำระบบ | 1 จิกะไบต์ (รุ่นที่ขายทั่วโลก) 2 จิกะไบต์ (ในบางประเทศ) |
หน่วยความจำ | 16 หรือ 32 จิกะไบต์ |
หน่วยความจำภายนอก | สูงสุดถึง 64 จิกะไบต์ ไมโครเอสดีเอ็กซ์ซี[2] |
แบตเตอรี่ | 2,100 มิลลิแอมแปร์ต่อชั่วโมง, 7.98 วัตต์ต่อชั่วโมง, 3.8 โวลต์ แบตเตอรี ลิเทียมไอออน |
การป้อนข้อมูล | |
จอแสดงผล | รายการ |
กล้องหลัง | รายการ
|
กล้องหน้า | 1.9 ล้านพิกเซล Zero shutter lag วิดีโอ เอชดี (720p) at 30 frames/s[6] |
การเชื่อมต่อ | |
อื่น ๆ | รายการ
|
SAR |
|
ซัมซุงใช้เวลา 8 เดือนในการพัฒนารุ่นนี้ โดยเปิดตัวในวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ในลอนดอน[12] และเริ่มวางขายใน 28 ประเทศทวีปยุโรปและตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ก่อนที่จะวางขายในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 รวมถึงการสั่งจองจากเครือข่ายกว่า 100 เครือข่ายทั่วโลกจำนวน 9 ล้านเครื่อง[13] มีการขายเอส 3 ภายใต้เครือข่ายผู้ให้บริการมากกว่า 300 เครือข่าย ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ในปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555[4] เอส 3 กว่า 20 ล้านเครื่อง ถูกขายภายใน 100 วันหลังวางขายครั้งแรก[14] และซัมซุงสามารถขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือไปแล้วมากกว่า 40 ล้านเครื่อง[15]
เนื่องจากมีความต้องการทางการตลาดสูงและปัญหาเครื่องรุ่นสีน้ำเงิน[16] ทำให้เกิดการขาดตลาดโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามในวงการเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น ได้แสดงความคิดเห็นอย่างหลายหลายว่า มันคือ "นักฆ่าไอโฟน"[17] ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 เทคเรดาร์จัดอันดับให้ เอส 3 เป็นโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุดจาก 20 อันดับ[18] ขณะเดียวกัน นิตยสารสตัฟฟ์ ได้จัดให้เอส 3 เป็นอันดับ 1 จาก 10 อันดับสมาร์ตโฟนที่ดีที่สุดในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555[19] อีกทั้งยังได้รางวัล "โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุโรปแห่งปี 2012-13" (European Mobile Phone of 2012–13) จากสมาคมภาพและเสียงแห่งยุโรป[20] และได้รางวัล "โทรศัพท์แห่งปี" ประจำปี 2555 จากนิตยสารที3[21]
การวางขายกาแลคซีเอส 3 ทำให้ซัมซุงมีกำไรเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2555[22] ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เอส 3 ก็เป็นส่วนหนึ่งของคดีความที่ได้รับความสนใจระหว่างซัมซุงกับแอปเปิล[23] ในเดือนเดียวกัน จากการวิจัยสถิติยอดขายกาแลคซีเอส 3 นั้นจะทำยอดขายที่มากกว่า แอปเปิล ไอโฟน 4เอส ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2555[24] ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 กาแลคซีเอส 3 ได้รางวัล "สมาร์ตโฟนยอดเยี่ยม" (Best Smartphone) จากจีเอสเอ็มเอ (GSMA) ในงานโมบายล์เวิลด์คองเกรส[25] ปัจจุบันซัมซุงได้เปิดตัวรุ่นใหม่ คือ กาแลคซีเอส 4 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556 และจะวางขายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2556
งานการออกแบบกาแลคซีเอส 3 นั้นเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี พ.ศ. 2553 ภายใต้การกำกับดูแลงานของ ชาง ดอง-ฮูน รองประธานบริษัทและหัวหน้าแผนกดีไซน์ของบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ โดยการออกแบบนั้นอยู่ภายใต้หัวข้อ "ออร์แกนิก" หรือ อินทรียสาร การออกแบบนั้นจะต้องสะท้อนให้เห็นถึงองค์ประกอบของธรรมชาติเช่น น้ำ หรือ ลม[26] โดยจะออกแบบให้ส่วนของโทรศัพท์มีความเว้าโค้ง รวมไปถึงหน้าโฮมในโทรศัพท์ที่เกี่ยวกับน้ำด้วย ซึ่งเมื่อแตะที่หน้าจอก็จะเสมือนการสัมผัสบนน้ำและมีคลื่นน้ำแสดงให้เห็น[26]
การออกแบบใช้เวลาร่วม 8 เดือน โดยก่อนจะจัดงานเปิดตัวนั้น ซัมซุงได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมไปถึงการรักษาความลับอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้รูปลักษณ์ของโทรศัพท์ถูกเปิดเผยก่อนจะมีการเปิดตัว โดยต้นแบบในการออกแบบนั้น มี 3 รูปแบบก่อนจะคัดเลือกให้เหลือเพียง 1 รูปแบบเดียวเท่านั้น[27][28] ซึ่งต้นแบบนั้นถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการ ที่สามารถเข้าไปได้เพียงนักออกแบบเท่านั้น[28][29] "มีเพียงพวกเราที่ได้รับอนุญาตที่จะได้เห็นโทรศัพท์เครื่องนี้ โดยห้ามให้คนอื่นเห็น" ลี บยุง-จุน วิศวกรหลักอธิบายถึงการปกปิดความลับ "เราไม่สามารถส่งรูปถ่ายหรือภาพวาด โดยเราทำได้เพียงอธิบายเป็นคำ ๆ เท่านั้น"[30] แม้ว่าจะมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่ก็มีข่าวรั่วไหลออกมา จากทินห์เต๋อ เว็บไซต์เทคโนโลยีในประเทศเวียดนาม แต่สุดท้ายโทรศัพท์ที่ถูกเผยแพร่หรือหลุดออกมานั้นไม่ใช่ของจริง[31][32]
การคาดเดาของผู้คนและเว็บไซต์ต่าง ๆ ก่อนจะที่จะมีการเปิดตัวหลายเดือนก่อนหน้า ซึ่งมีข่าวที่ค่อนข้างมากพอสมควร ก่อนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 ก่อนหน้านั้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ในงานโมบายล์เวิลด์คองเกรส ในเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มีข่าวลือออกมาก่อนแล้วว่า จะใช้หน่วยประมวลผลควอด-คอร์ 1.5 จิกะเฮิรตซ์ ส่วนจอจะมีความละเอียด 1080p (1,920×1,080 พิกเซล) และมีกล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล และใช้จอแสดงผล จอสัมผัส เอชดี ซูเปอร์อโมเลดพลัส[33][34] ส่วนข่าวลืออื่น ๆ นั้นก็รวมไปถึง แรม 2 จิกะไบต์, พื้นที่เก็บข้อมูล 64 จิกะไบต์, 4 จี แอลทีอี, จอขนาด 4.8 นิ้ว, กล้องหลัก 8 ล้านพิกเซล และความหนาของเครื่อง 9 มิลลิเมตร[33][34] ซัมซุงได้ยืนยันถึงการผลิตรุ่นต่อของ กาแลคซีเอส 2 ในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555 แต่ยังไม่ระบุถึงชื่อทางการ จนในช่วงปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 โรเบิร์ต ยี่ รองประธานอาวุโสของบริษัทซัมซุง ได้ยืนยันว่ามันจะมันจะมีชื่อว่า "ซัมซุง กาแลคซีเอส 3" (Samsung Galaxy S III)[35][36]
หลังจากมีการเชิญผู้สื่อข่าวเข้าร่วมงานในช่วงกลางเดือนเมษายน ซัมซุงได้ทำการเปิดตัวกาแลคซีเอส 3 ในระหว่างงานซัมซุงโมบายล์อันแพ็ก 2012 (Samsung Mobile Unpacked 2012) ที่ เอิร์ลคอร์ตเอ็กซ์ฮีบีชันเซ็นเตอร์ ใน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 แทนที่จะมีการเปิดตัวในช่วงต้นปีในงานโมบายล์เวิลด์คองเกรส หรือ คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์โชว์[12][37] ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เพราะซัมซุง ต้องการเวลาสำหรับความพร้อมในการเปิดตัว[38] การอธิบายในการเปิดตัวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดย ลอสเย เดอ รีเซ ผู้อำนวยการตลาดของบริษัทซัมซุงเบลเยียม[39]
วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555 แอปเปิลดำเนินคดีฟ้องเบื้องต้นในศาลแขวง เขตตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา กับบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ โดยอ้างว่ากาแลคซีเอส 3 ได้ละเมิดสิทธิบัตรอย่างน้อย 2 อย่าง โดยขอให้ศาลรวมคดีเก่ากับซัมซุงด้วย (ดูเพิ่มที่ "คดีระหว่างบริษัทแอปเปิลกับบริษัทซัมซุงอิเล็คทรอนิกส์ จำกัด") และให้ศาลสั่งห้ามขายกาแลคซีเอส 3 ซึ่งจะมีการวางจำหน่ายในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ในสหรัฐอเมริกา[40] แอปเปิลอ้างว่าการละเมิดข้อกล่าวหาจะทำให้เกิดอันตรายและไม่สามารถแก้ไขได้ในประโยชน์ทางการค้า[41] โดยซัมซุงทำการต่อต้านให้ศาลเห็นว่า "กาแลคซีเอส 3 นั้นเป็นวัตกรรมที่โดดเด่น" และอยากให้การวางขายในวันที่ 21 มิถุนายน เป็นไปตามแผนที่วางไว้[41] ในวันที่ 11 มิถุนายน ลูซี โก ผู้พิพากษาเห็นว่า ขอให้แอปเปิลนั้น เลิกคำร้องขอในการห้ามขายของกาแลคซีเอส 3 ในวันที่ 21 มิถุนายน[42]
ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 ซัมซุงได้นำ "ยูนิเวอร์ซัลเสิร์ช" ออก ซึ่งเป็นคุณสมบัติหนึ่งของกาแลคซีเอส 3 โดยอัปเดตผ่านระบบ โอเวอร์-ดิ-แอร์ (OTA) สำหรับเครื่องของเครือข่าย สปรินต์ และ เอทีแอนด์ที ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันของซัมซุง ก่อนการตัดสินคดีสิทธิบัตรกับแอปเปิล ในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555[43] แอปเปิลซึ่งชนะคดี ทำให้หลาย ๆ ประเทศนั้นขัดขวางห้ามมิให้มีการวางขายกาแลคซีเอส 3 ภายในประเทศ[44] ในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 แอปเปิลฟ้องศาลในกรณีเดียวกันเพื่อเพิ่มกาแลคซีเอส 3 เข้าไปในคดีของตน เพราะเชื่อว่ามีการละเมิดสิทธิบัตร ซึ่งซัมซุงนั้นได้ตอบโต้ว่า "แอปเปิลยังคงที่จะดำเนินคดีเพื่อการแข่งขันทางการตลาด เพื่อจะจำกัดการเลือกใช้สอยของผู้บริโภค"[45]
ในวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ซัมซุงได้ทำการเปิดตัวซัมซุง กาแลคซีเอส 3 มินิ ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟน จอ 4 นิ้ว โดยเป็นสมาร์ตโฟนที่ถูกลดคุณสมบัติจากกาแลคซีเอส 3[46]
กาแลคซีเอส 3 ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ จากกูเกิล ซึ่งถูกสร้างขึ้นและรู้จักกันอย่างแพร่หลายในช่วงปี พ.ศ. 2551[47] โดยมีส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้คือ ทัชวิซ "เนเจอร์ยูเอ็กซ์" ซึ่งมีหน้าตาเกี่ยวกับ อินทรียสาร ตามแบบที่วางไว้ ซึ่งรวมไปถึงการโต้ตอบกับผู้ใช้, เอฟเฟกส์ "วอเตอร์ลักซ์"ซึ่งจะเป็นคลื่นน้ำเมื่อสัมผัสหน้าจอ[26] สำหรับส่วนที่เติมเต็ม ทัชวิซ รุ่นใหม่นี้ เพื่อเป็นการกับแข่งขันแอปเปิล ที่ผลิตซีรี ขึ้นมา โดยกาแลคซีเอส 3 นั้นมี เอสวอยซ์ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ผู้ช่วย โดยเอสวอยซ์สามารถพูดคุยและรับฟังกับผู้ใช้ได้ในภาษาอังกฤษ, ภาษาเกาหลี และ ภาษาฝรั่งเศส[48] โดยมีฐานข้อมูล จาก วลิงโก เอสวอยซ์นั้นมีความสามารถในการสั่งงานมากถึง 20 แบบ เช่น การสั่งให้เล่นเพลง, การตั้งนาฬิกาปลุก หรือให้ใช้งานในโหมดระหว่างขับรถ โดยจะอาศัย โวล์ฟรามอัลฟา ในการค้นหาข้อมูลทางออนไลน์[49]
เอส 3 มาพร้อม แอนดรอยด์ เวอร์ชัน 4.0.4 หรือในชื่อ "ไอศกรีมแซนด์วิช" โดยเวอร์ชันนี้เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 กับ เน็กซัสเอส และ กาแลคซี เน็กซัส[50] ไอศกรีมแซนด์วิชมีคุณสมบัติที่ใหมกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง "จิงเจอร์เบรด" ทั้งเรื่องเพิ่มความสามารถของกล้อง และคุณสมบัติด้านความปลอดภัย รวมไปถึงการเชื่อมต่อต่าง ๆ [51] กลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 กูเกิล ได้เปิดตัว แอนดรอยด์ 4.1 หรือในชื่อ "เจลลีบีน" โดยมาพร้อมกับกูเกิลนาว ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ผู้ช่วยเหมือนกับ "เอสวอยซ์" และการเปลี่ยนแปลงด้านซอฟต์แวร์อื่น ๆ จากไอศกรีมแซนด์วิชด้วย โดยซัมซุงก็ได้เปลี่ยนฮาร์ดแวร์ในกาแลคซีเอส 3 ในบางรุ่นที่วางตลาดด้วย[52] เจลลีบีนถูกปล่อยให้อัปเดตบนกาแลคซีเอส 3 โดยเริ่มต้นจากกลุ่มประเทศทวีปยุโรปก่อน และการอัปเดตของทีโมบายล์ ในเดือนพฤศจิกายน ในประเทศสหรัฐอเมริกา[53][54] วันที่ 17 ตุลาคม ซัมซุงได้ทำการยืนยันว่า "ผู้ใช้กาแลคซีเอส 3 ในสหรัฐอเมริกาจะได้อัปเดตเป็นเป็นแอนดรอยด์ 4.1 เจลลีบีน ในเดือนหน้า"[55] กาแลคซีเอส 3 นั้นก็รองรับไซยาโนเจนมอด 10 ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์เฉพาะ ที่สามารถทำงานบนเจลลีบีนได้ โดยไม่ต้องรอการอัปเดตจากทางผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการ[56]
เอส 3 มาพร้อมโปรแกรมประยุกต์ ที่มาพร้อมกับเครื่องตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งจะเป็นโปรแกรมมาตรฐานของแอนดรอยด์ เช่น ยูทูบ, กูเกิล+, การค้นหาด้วยเสียง, กูเกิล เพลย์, จีเมล, กูเกิล แมปส์ และ กูเกิล แคเลนเดอร์ และโปรแกรมของซัมซุง เช่น แชทออน, เกมฮับ, วิดีโอฮับ, โซเชียลฮับ และ ระบบนำทาง[57][58] หลายเหตุผลที่ผู้ใช้ ไอโฟน ไม่อยากเปลี่ยนมาใช้แอนดรอยด์ เพราะว่าแอนดรอยด์นั้นไม่รองรับ ไอทูนส์ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 ซัมซุงได้สามารถทำให้ผู้ใช้ ซัมซุง กาแลคซี ที่จะถ่ายโอนข้อมูลเพลง, รูปภาพ, วิดีโอ, พอดแคสต์ และ ข้อความ จาก ไอโฟนมายังอุปกรณ์ซัมซุง กาแลคซี[59] โดยในแอนดรอยด์นั้นมี กูเกิล เพลย์ ซึ่งเป็นแหล่งดาวน์โหลดสื่อดิจิตอลสำหรับแอนดรอยด์ ทั้งโปรแกรมประยุกต์, ภาพยนตร์, เพลง, รายการโทรทัศน์, เกม, หนังสือ และนิตยสาร[60] ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ในประเทศไทยนั้นยังไม่มีบริการสำหรับการดาวน์โหลดสื่ออื่น ๆ นอกจากโปรแกรมประยุกต์ของแอนดรอยด์ ผ่านกูเกิลเพลย์
นอกเหนือจาก เอสวอยซ์แล้ว ซัมซุงได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่จำนวนมากสำหรับกาแลคซีเอส 3 ที่จะทำให้มันเป็นอุปกรณ์ที่สามารถอำนวยความสะดวกและสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ โดยคุณสมบัตินี้มีชื่อว่า "ไดเร็กส์คอล" ซึ่งอุปกรณ์จะรับรู้ว่าผู้ใช้จะต้องการพูดคุยกับใครแทนที่การส่งข้อความเมื่อผู้ใช้เอาโทรศัพท์แนบหู, "โซเชียลแท็ก" คุณสมบัติที่จะสามารถระบุชื่อบุคคลในภาพถ่ายได้, และ "ป็อปอัปเพลย์" คุณสมบัติที่จะสามารถแบ่งหน้าจอเป็น 2 ส่วนสำหรับการดูวิดีโอและใช้งานโปรแกรมได้ในเวลาเดียวกัน[61] นอกจากนี้ เอส 3 นั้นยังสามารถใช้เป็นรีโมตคอนโทรล เพื่อสั่งงานโทรทัศน์ได้ (ด้วยออลแชร์ แคสต์แอนด์เพลย์) และสามารถแบ่งปันรูปภาพกับผู้คนที่ได้แท็กลงไปในรูปได้ (ด้วยบัดดีโฟโตแชร์)[61] และคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น สมาร์ตอเลิร์ต, สมาร์ตสเตย์ และ เอสบีม[61]
กาแลคซีเอส 3 สามารถเข้าถึงและเล่นสื่อต่าง ๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบ เช่น เพลง, ภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์, ออดิโอบุ๊ค และ พอดแคสต์ โดยสามารถเรียงลำดับสื่อต่าง ๆ ตามอักษร ด้วย ชื่อเพลง, ชื่อศิลปิน, ชื่ออัลบั้ม, รายการเล่นเพลง, แฟ้มเก็บข้อมูล และชนิดสื่อ โดยมีคุณสมบัติเด่นของเครื่องเล่นเพลงในกาแลคซีเอส 3 คือ มิวสิกสแควร์ (Music Square) โดยจะวิเคราะห์อารมณ์ของเพลง และเรียงลำดับให้ผู้ใช้ได้เลือกเพลงตามอารมณ์ของผู้ใช้[62] การเปิดตัวของกาแลคซีเอส 3 ซัมซุงจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ โปรแกรมจัดการเพลงและดาวน์โหลดเพลงที่มีชื่อว่า "มิวสิกฮับ" (Music Hub) โดยออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ ไอทูนส์, ไอคลาวด์ และ ไอทูนส์แมตช์ ของแอปเปิล โดยมิวสิกฮับนั้นมีสื่อเพลงมากกว่า 19 ล้านเพลง[63]
เอส 3 นั้นเป็นสมาร์ตโฟน เครื่องแรกที่รองรับการสนทนาผ่านแอลทีอี ด้วยเสียงในระบบความละเอียดสูง (HD) ในประเทศเกาหลีใต้[64] โดยรองรับการสนทนาด้วยวิดีโอ ด้วยกล้องหน้าความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล และรองรับการแปลงสัญญาณเสียง เอพีทีเอ็กซ์ (apt-X) และการสนทนาผ่านหูฟังบลูทูธ[65] การส่งข้อความบนเอส 3 นั้นไม่ได้นำคุณสมบัติใหม่ ๆ ในเอส 2 มาเลย การพูดด้วยเสียงผ่าน วลิงโก และผู้ช่วยในเรื่องเสียงของกูเกิล ไม่แตกต่างจากอุปกรณ์แอนดรอยด์อื่น ๆ แต่แป้นพิมพ์ของ เอส 3 นั้นมีความหลากหลายมากกว่า[66]
ในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ซัมซุงได้ทำการเปิดตัวซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ภายใต้บริษัทซัมซุงแอปโพรฟฟอร์เอ็นเทอร์ไพรซ์ (Samsung Approved For Enterprise) หรือ เอสเอเอฟอี (SAFE) โดยมุ่งมั่นที่จะให้อุปกรณ์แอนดรอยด์สามารถใช้สำหรับพนักงานบริษัทในภาคเอกชนได้ หรือที่เรียกว่า Bring Your Own Device หรือการนำอุปกรณ์มาเอง[67] โดยเอส 3 รุ่นสำหรับองค์กรนี้สามารถรองรับ เออีเอส-256 (AES-256) ซึ่งเป็นการเข้ารหัส ชนิดหนึ่ง, เครือข่ายส่วนตัวเสมือน และ การจัดการโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึง ไมโครซอฟท์ เอ็กซ์เชนจ์ แอคทีฟซิงก์[68] โดยมีกำหนดการวางขายในประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นรุ่นสำหรับองค์กรที่คิดว่าน่าจะโดดเด่นโดยรีเสิร์ชอินโมชัน บริษัทผู้ผลิต แบล็คเบอร์รี หลังจากการปล่อยรุ่นสำหรับองค์กรในรุ่นกาแลคซี โน้ต, กาแลคซีเอส 2 และ กาแลคซี แท็บ ซึ่งเป็นแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์[68][69]
และกาแลคซีเอส 3 รุ่นสำหรับนักพัฒนา โดยรุ่นนี้จะปลดล็อก บูตโหลดเดอร์ (bootloader) ที่จะสามารถให้ผู้ใช้อุปกรณ์นี้สามารถปรับแต่งซอฟต์แวร์ได้[70]
กาแลคซีเอส 3 ใช้พลาสติกพอลิคาร์บอเนตเป็นตัวเครื่อง โดยมีความยาว 136.6 มิลลิเมตร, ความกว้าง 70.7 มิลลิเมตร และความหนา 8.6 มิลลิเมตร มีน้ำหนัก 133 กรัม โดยซัมซุงเปลี่ยนรูปแบบใหม่ทั้งหมด จากรูปทรงสี่เหลี่ยมของกาแลคซีเอส และ กาแลคซีเอส 2 แทนด้วยทรงโค้งและขอบที่มนคล้ายกับกาแลคซี เน็กซัส[71] โดยเอส 3 เริ่มแรกมีวางขายใน 2 สี คือ สีหินอ่อนขาว (Marble White) และ สีกรวดน้ำเงิน (Pebble Blue) อย่างไรก็ตามสีกรวดน้ำเงินนั้น มีรายงานว่าถูกเปลี่ยนเป็น สีโลหะน้ำเงิน (Metallic Blue)[72] ต่อมาได้วางขาย สีแดงโกเมน (Garnet Red) พิเศษสำหรับเครือข่ายเอทีแอนด์ที ในสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555[73] และสีดำไพลิน (Sapphire Black), สีเทาไทเทเนียม (Titanium Gray) และสีน้ำตาลอำพัน (Amber Brown) จะวางขายในภายหลัง[74]
เอส 3 นั้นถูกวางขายในรูปแบบ 2 รูปแบบซึ่งแตกต่างกันด้วยฮาร์ดแวร์ โดยเอส 3 รุ่นที่วางขายทั่วโลก จะใช้หน่วยประมวลผลซัมซุง เอ็กซีนอส 4 ควอด 1.4 จิกะเฮิรตซ์ หน่วยประมวลผลกลาง ควอด-คอร์ เออาร์เอ็ม คอร์เท็กซ์-เอ 9 (ARM Cortex-A9) และ หน่วยประมวลผลกราฟิกส์ เออาร์เอ็ม มาลี-400 เอ็มพี (ARM Mali-400 MP)[75] โดยเอ็กซีนอส 4 ควอดนั้นเปรียบได้กับ เอ็กซีนอส 4 ดูอัล (บนกาแลคซีเอส 2) จำนวน 2 ตัวมารวมกัน โดยจะใช้พลังงานน้อยลง 20 เปอร์เซนต์[76] ซัมซุงก์ได้วางขายรุ่นที่รองรับ 4 จี แอลทีอี ด้วย โดย 4 จี สามารถอำนวยความสะดวกเพราะมีความรวดเร็วกว่า 3 จี โดยวางขายในประเทศที่มีโครงข่ายสัญญาณ 4 จี แล้ว[77] โดยส่วนใหญ่ของรุ่นนี้จะใช้ ควอล์คอมม์ สแนปดรากอน เอส 4 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผล ดูอัล-คอร์ ไครท์ (Krait) 1.5 จิกะเฮิรตซ์ และ หน่วยประมวลผลกราฟิกส์ อาดรีโน 255 (Adreno 225)[78] รุ่นสำหรับประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศออสเตรเลีย เป็นรุ่นที่รองรับ 4 จี และมีคุณสมบัติเหมือนรุ่นที่ขายทั่วโลก[7]
กาแลคซีเอส 3 มี แรม มกที่สุดอยู่ที่ 2 จิกะไบต์ ซึ่งขึ้นอยู่กับรุ่นนั้น ๆ [77] และมีหน่วยความจำภายใน 16 หรือ 32 จิกะไบต์ และ 64 จิกะไบต์ ในรุ่นสำหรับวางขายทั่วโลก และสามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วย ไมโครเอสดีเอ็กซ์ซี (microSDXC) โดยสามารถเพิ่มได้มากที่สุด 64 จิกะไบต์ ทำให้จะสามารถเก็บข้อมูลได้มากที่สุด 128 จิกะไบต์[79] รวมไปถึงการใช้งานบริการดรอปบ็อกซ์ (Dropbox) ซึ่งเป็นบริการเก็บไฟล์แบบกลุ่มเมฆ (Cloud Storage) แบบออนไลน์ฟรีเป็นเวลา 2 ปี โดยมีความจุของพื้นที่เก็บข้อมูล 50 จิกะไบต์ โดยมากกว่าเอชทีซี ที่ให้ใช้บริการนี้ฟรี 2 ปีด้วยความจุ 25 จิกะไบต์[62]
เอส 3 มีจอแสดงผล เอชดี ซูเปอร์อโมเลด มีขนาดหน้าจอ 4.8 นิ้ว วัดตามแนวทแยง ทำให้รุ่นนี้เป็นอันดับที่ 3 ของโทรศัพท์มือถือซัมซุงที่มีจอแสดงผลใหญ่ที่สุด โดยเป็นรองเพียงซัมซุง กาแลคซี โน้ต ที่มีขนาดจอ 5.3 นิ้ว และซัมซุง กาแลคซี โน้ต 2 ที่มีขนาดจอ 5.55 นิ้ว[80] โดยหน้าจอของเอส 3 มีความละเอียด 1,280×720 พิกเซล (720p) โดยความละเอียดพิกเซลต่อนิ้ว มีความละเอียด 306 พิกเซลต่อนิ้ว (PPI)[79] โดยมีพิกเซลย่อย 3 สีคือ สีแดง, สีเขียว และ สีน้ำเงิน กระจกที่ใช้มาทำเป็นหน้าจอด้านนอกนั้น เปนกระจกป้องกันรอยขีดข่วน คอร์นิง กอริลลากลาส 2[71]
กาแลคซีเอส 3 มีกล้อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมีความละเอียดเท่ากับรุ่นก่อนหน้าอย่างกาแลคซีเอส 2 โดยจะสามารถถ่ายภาพความละเอียด 3,264×2,448 พิกเซล และสามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 1,920×1,080 พิกเซล (1080p) โดยซัมซุงได้เพิ่มคุณภาพของซอฟต์แวร์กล้องนี้ใหม่จากกาแลคซีเอส 2 รุ่นก่อนหน้า เช่น ซีโรชัตเตอร์แล็ก (Zero Shutter Lag) ซึ่งจะสามารถถ่ายภาพได้เร็วขึ้นกว่าเดิม, เบริสต์โหมด (Burst Mode) และ เบสต์ช็อต (Best Shot) ซึ่งจะสามารถถ่ายภาพได้มีคุณภาพมากขึ้น[81] และสามารถที่จะถ่ายภาพในขณะที่กำลังบันทึกวิดีโออยู่ได้อีกด้วย[82] ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซลและสามรถบันทึกวิดีโอความละเอียด 720p[81]
ในจอสัมผัส 4.8 นิ้วนั้น จะมีปุ่มหน้าหลัก (Home) อยู่ตรงกลางด้านล่างจอ, ปุ่มปรับเสียงที่ด้านซ้าย และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง/ปุ่มปิดหน้าจอ อยู่ที่ด้านขวาของคัวเครื่อง[58] ด้านบนเครื่องจะมีรูสำหรับเสียบหูฟัง ทีอาร์อาร์เอส (TRRS) 3.5 นิ้ว และไมโครโฟนตัวที่สอง โดยอีกตัวหนึ่งจะอยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง[58] เอส 3 นั้นรองรับ เอ็มเอชแอล (MHL) ซึ่งเป็นการถ่ายโอนข้อมูลแบบความละเอียดสูง รวมไปถึงไมโครยูเอสบี ออนทูโก และระบบส่งสัญญาณมัลติมีเดียความละเอียดสูง (HDMI) โดยภายหลังพบว่าซัมซุงได้เปลี่ยนเพื่อรองรับการเชื่อมต่อต่าง ๆ โดยมีเพียงที่ชาร์จแบตเตอรีที่ทำมาเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ที่สามารถนำมาใช้ได้เท่านั้น[83]
เอส 3 ใช้แบตเตอรีลิเทียมไออน ความจุ 2,100 มิลลิแอมแปร์ต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถเปิดเครื่องรอรับสายได้นาน 790 ชั่วโมงบนเครือข่าย 3 จี หรือสนทนา 11 ชั่วโมง หรือการเปิดเครื่องรอรับสายนาน 900 ชั่วโมง หรือสนทนา 21 ชั่วโมง บนเครือข่าย 2 จี[57] โดยสามารถเชื่อมต่อ Near field communication ได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อเพื่อแบ่งปันแผนที่ หรือ วิดีโอบนยูทูบ ได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้ วายฟายไดเร็กส์ (Wi-Fi Direct) ผ่าน แอนดรอยด์บีม (Android Beam) รวมไปถึงสามารถชำระเงินตามร้านค้าด้วยระบบ Near field communication หรือ NFC ได้ด้วย[84] เพื่อช่วยในการลดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี ซัมซุงมีระบบ "สมาร์ตสเตย์" (Smart Stay) ที่จะสามารถรับรู้ว่าผู้ใช้มองอยู่หรือไม่และจะปิดหน้าจอเมื่อไม่มีใครมองมาที่หน้าจอ[49] แบตเตอรีนั้นสามารถชาร์จได้ด้วยระบบไร้สาย ผ่านแท่นชาร์จพิเศษ (ขายแยกจากเครื่อง) โดยจะใช้ คลื่นสนามแม่เหล็ก ในการถ่ายโอนประจุไฟฟ้า[85]
ซีเน็ตทีวี (CNET TV) ได้ทำการทดสอบด้วยการนำกาแลคซีเอส 3 ไปอยู่ที่อุณหภูมิเย็น –4 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิร้อน 88 องศาเซลเซียส รวมไปถึงการนำไปไว้ในน้ำด้วย โดยหลังจากเอส 3 ถูกทดสอบทั้ง 3 อย่างนั้นปรากฏว่าตัวเครื่องยังอยู่ในสภาพปกติดี หลังจากนั้นได้มีการทดสอบด้วยนำลูกกุญแจมาขูดที่หน้าจอ ปรากฏว่าก็ยังไม่เป็นรอย[86] อย่างไรก็ตาม แอนดรอยด์ออธอรีตี (Android Authority) ได้ทดสอบด้วยการนำ ซัมซุง กาแลคซีเอส 3 กับ ไอโฟน 5 มาเปรียบเทียบกันในเรื่องของการปล่อยตกลงมาจากที่สูง หลังจากการทดลองปรากฏว่าหน้าจอของเอส 3 แตกหลังจากการปล่อยครั้งที่ 2 ส่วนไอโฟนมีรอยขีดข่วนที่จอและเครื่องเพียงเล็กน้อย หลังจากการทดสอบ 3 ครั้ง[87]
วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555 มีการวิจัยและทดลองในด้านความปลอดภัยระหว่างงานพีดับเบิลยูเอ็นทูโอน (Pwn2Own) ซึ่งเป็นการแข่งขันการแฮ็กระบบ โดยจัดขึ้นที่ อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเอส 3 นั้นสามารถถูกแฮ็กได้ด้วย เอ็นเอฟซี (NFC) ซึ่งจะสามารถทำให้แฮ็กเกอร์ดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดจากโทรศัพท์ได้[88]
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2555 ปัญหาฮาร์ดแวร์ 2 เรื่องถูกรายงานโดยผู้ใช้ซัมซุง กาแลคซีเอส 3 ด้วยความไม่ทนทานของ เอ็กซีนอส ชิพประมวลผลของเครื่อง อนุญาตให้โปรแกรมที่เป็นอันตรายที่จะสามารถรูต (Root) บนเครื่องที่ยังไม่ได้รูต รวมไปถึงการเกิดอาการบริก (Brick) หลังจากการใช้งานไป 6 เดือน หลังจากนั้นซัมซุงจึงเปลี่ยนแผงวงจรหลักให้ใหม่ เนื่องจากยังอยู่ในระยะรับประกัน[89][90] ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 ซัมซุงได้ทำการปล่อยเฟิร์มแวร์ระบบใหม่ให้อัปเดต เพื่อแก้ปัญหาทั้ง 2 ปัญหาที่เกิดก่อนหน้านี้[91]
วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เอ็นทีที โดโคโม ได้ยืนยันว่าจะทำการวางขายเอส 3 รุ่นที่รองรับแอลทีอี โดยใช้ควอล์คอมม์ สแนปดรากอน เอ็มเอสเอ็ม 8960[92] วันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ผู้ให้บริการในประเทศแคนาดา ได้ยืนยันว่าจะทำการวางขายเอส 3 รุ่นรองรับแอลทีอี โดยจะมีหมายเลขรุ่น SGH-i747 ส่วนคุณสมบัติจะเหมือนกับรุ่นของเอ็นทีที โดโคโม[93] ภายในสัปดาห์เดียวกัน ในวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ทีโมบายล์ และ เอทีแอนด์ที[94] ได้ยืนยันในการวางขายเอส 3 รุ่นเดียวกันกับผู้ให้บริการในแคนาดาที่ยืนยันเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ต่อมา เวอไรซอน, สปรินต์ และ ยูเอสเซลลูลาร์ จะทำการวางขายรุ่นเหมือนกันแต่จะรองรับเพียง ซีดีเอ็มเอ (3 จี) ดังนั้นคุณสมบัติและชื่อรุ่นของกาแลคซีเอส 3 ในทวีปอเมริกาเหนือ จะต่างจากรุ่นที่ขายทั่วโลก ซึ่งเหมือนกับกาแลคซีเอส ในรุ่นก่อน ๆ ที่รุ่นที่มีผู้ให้บริการเครือข่ายวางขาย จะแตกต่างจากเครื่องรุ่นที่ขายทั่วโลก[95]
รุ่นที่รองรับแอลทีอี ในประเทศเกาหลีใต้ เป็นรุ่นที่ดีที่สุดของกาแลคซีเอส 3[96] ซึ่งสามารถรองรับ 4 จี แอลทีอี และมีแรม 2 จิกะไบต์ ซึ่งวางขายในทวีปอเมริกาเหนือและในประเทศญี่ปุ่น แต่จะแตกต่างที่รุ่นของเกาหลีใต้จะใช้ ซัมซุง เอ็กซีนอส 4 ควอด เหมือนกับรุ่นที่ขายทั่วโลก โดยจะมี ดิจิตัลมัลติมีเดียบรอดคาสติงด้วย จึงทำให้รุ่นนี้จำเป็นที่จะต้องเพิ่มความหนาเป็น 9 มิลลิเมตร[7] และรุ่นที่คล้ายกันสำหรับ ควอด-คอร์ และรองรับ 4 จี แอลทีอี ถูกวางขายในประเทศออสเตรเลียด้วย[97]
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 ซัมซุงได้ทำการยืนยันว่าจะทำการเปิดตัวและวางขายกาแลคซีเอส 3 ในรุ่น 4 จี (พร้อมกับรุ่น 4 จี ของ กาแลคซี โน้ต 2 และ กาแลคซี โน้ต 10.1) ในกลุ่มประเทศนอร์ดิก ในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2555[98]
รุ่น GT-I9300 และ GT-I9305 รองรับมิราคาสต์ซอร์ส (Miracast Sources) ด้วย[99]
ซัมซุง กาแลคซีเอส 3 มินิ เป็นรุ่นที่มีรูปแบบและซอฟต์แวร์เหมือนกับเอส 3 แต่มีตัวเครื่องเล็กกว่าและฮาร์แวร์ที่ต่างกัน
รุ่น | GT-I9300[T][100] | GT-I9305[N/T][101][102] | SHV-E210K/L/S[7][103][104] | SGH-T999[v][93] | SGH-I747[m][93] | SGH-N064 (SC-06D) | SGH-N035 (SC-03E) | SCH-J021 (SCL21) | SCH-R530 | SCH-I535 | SPH-L710 | GT-I9308[105] | SCH-I939[106] |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ประเทศ | ทั่วโลก | เกาหลีใต้ | แคนาดา, สหรัฐ[107] |
ญี่ปุ่น | สหรัฐ | จีน | |||||||
ผู้ให้บริการเครือข่าย | ทั่วโลก | ทั่วโลก (แอลทีอี) | เคที, แอลจียู+, เอสเคเทเลคอม | โมบีลีซิตี, ทีโมบายล์, วินด์, วิดีโอตรอน | เอทีแอนด์ที, เบลล์, โรเจอส์, เทลุส, ซาสก์เทล, เวอร์จิน | เอ็นทีที โดโคโม | เอยู | คริกเก็ตไวร์เลส, ยูเอสเซลลูลาร์, เมโทรพีซีเอส | เวอไรซอน | สปรินต์ | ไชนาโมบายล์ | ไชนาเทเลคอม | |
2 จี | 850, 900, 1800, 1900 เมกะเฮิรตซ์ จีเอสเอ็ม / จีพีอาร์เอส / เอดจ์ |
850, 1900 เมกะเฮิรตซ์ ซีดีเอ็มเอ |
800,[N 1] 850, 1900 เมกะเฮิรตซ์ ซีดีเอ็มเอ |
900, 1800, 1900 เมกะเฮิรตซ์ จีเอสเอ็ม / จีพีอาร์เอส / เอดจ์ |
800, 1900 เมกะเฮิรตซ์ ซีดีเอ็มเอ 900, 1800, 1,900 เมกะเฮิรตซ์ จีเอสเอ็ม / จีพีอาร์เอส / เอดจ์ | ||||||||
3 จี | 850, 900, 1900, 2100 เมกะเฮิรตซ์ ยูเอ็มทีเอส / เอชเอสพีเอ+ ซีดีเอ็มเอ/อีวีดีโอ[108][109] |
ดับเบิลยูซีดีเอ็มเอ 850, 900, 2100 เมกะเฮิรตซ์ ยูเอ็มทีเอส / เอชเอสพีเอ+ |
850, 900, 1800, 1900, 2100 เมกะเฮิรตซ์ ยูเอ็มทีเอส / เอชเอสพีเอ+ ซีดีเอ็มเอ/อีวีดีโอ[108][109] |
850, เอดับเบิลยูเอส (แบนด์ 4), 1900, 2100 เมกะเฮิรตซ์ ยูเอ็มทีเอส / เอชเอสพีเอ+ / ดีซี-เอชเอสพีเอ+ |
850, 1900, 2100 เมกะเฮิรตซ์ ยูเอ็มทีเอส / เอชเอสพีเอ+ |
800, 1700 (แบนด์ 9), 2100 เมกะเฮิรตซ์ ยูเอ็มทีเอส / เอชเอสพีเอ+ |
ซีดีเอ็มเอ 2000 1 เอ็กซ์อีวีดีโอ | 1880, 2010 เมกะเฮิรตซ์ ทีดี เอชเอสดีพีเอ |
ซีดีเอ็มเอ 2000 1 เอ็กซ์อีวีดีโอ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ดับเบิลยูซีดีเอ็มเอ | ||||
4 จี แอลทีอี |
ไม่มี | GT-I9305: 800, 1800, 2600 เมกะเฮิรตซ์[110] GT-I9305N: 900, 1800, 2600 เมกะเฮิรตซ์[111] GT-I9305T: 1800, 2600 เมกะเฮิรตซ์[112] |
SHV-E210K: 900, 1800 เมกะเฮิรตซ์ [113] SHV-E210L: 850, 2100 เมกะเฮิรตซ์[108] SHV-E210S: 800 เมกะเฮิรตซ์[114] |
ไม่มี | 700 (แบนด์ 17), 1700/2100 (เอดับเบิลยูเอส) เมกะเฮิรตซ์ | 2100 เมกะเฮิรตซ์ | 1500(แบนด์ 11), 800(Band 28) | 700 (แบนด์ 12), 1700/2100 (เอดับเบิลยูเอส) เมกะเฮิรตซ์ | 700 (แบนด์ 13) เมกะเฮิรตซ์ | 1900 เมกะเฮิรตซ์ | ไม่มี | ||
ความเร็วการเชื่อมต่อสูงสุด | 21 เมกะบิตต่อวินาที เอชเอสพีเอ+ | 100 เมกะบิตต่อวินาที แอลทีอี | 42 เมกะบิตต่อวินาที ดีซี-เอชเอสพีเอ+ | 100 เมกะบิตต่อวินาที แอลทีอี | 75 เมกะบิตต่อวินาที แอลทีอี | 100 เมกะบิตต่อวินาที แอลทีอี | 75 เมกะบิตต่อวินาที แอลทีอี | 100 เมกะบิตต่อวินาที แอลทีอี | 2.8 เมกะบิตต่อวินาที ทีดี เอชเอสดีพีเอ | N/A | |||
การรับสัญญาณออกอากาศ | วิทยุ เอฟเอ็ม | ดิจิตัลมัลติมีเดียบรอดคาสติง | วันเซก (1seg) | ||||||||||
ขนาด | 136.6 x 70.7 x 8.6 มิลลิเมตร | 136.6 x 70.6 x 9.0 มิลลิเมตร [7] | 136.6 x 70.7 x 8.6 มิลลิเมตร | 137 x 71 x 9 มิลลิเมตร | 139 x 71 x 9.4 มิลลิเมตร | 136.6 x 70.7 x 8.6 มิลลิเมตร | 136.6 x 70.6 x 8.99 มิลลิเมตร | ||||||
น้ำหนัก | 133 กรัม | 138.5 กรัม[7] | 133 กรัม | 133 กรัม | 141 กรัม | 133 กรัม | 141 กรัม | ||||||
ระบบปฏิบัติการ | แอนดรอยด์ 4.0.4 "ไอศกรีมแซนด์วิช" พร้อมส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทัชวิซ "เนเจอร์ ยูเอ็กซ์" | แอนดรอยด์ 4.1.1 "เจลลีบีน" พร้อมส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทัชวิซ "เนเจอร์ ยูเอ็กซ์"[97] | แอนดรอยด์ 4.1.1 "เจลลีบีน" พร้อมส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทัชวิซ "เนเจอร์ ยูเอ็กซ์" | แอนดรอยด์ 4.0.4 "ไอศกรีมแซนด์วิช" พร้อมส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทัชวิซ "เนเจอร์ ยูเอ็กซ์" | แอนดรอยด์ 4.1.1 "เจลลีบีน" พร้อมส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทัชวิซ "เนเจอร์ ยูเอ็กซ์" | แอนดรอยด์ 4.0.4 "ไอศกรีมแซนด์วิช" พร้อมส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทัชวิซ "เนเจอร์ ยูเอ็กซ์" | แอนดรอยด์ 4.0.4 "ไอศกรีมแซนด์วิช" พร้อมส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทัชวิซ "เนเจอร์ ยูเอ็กซ์" (สามารถอัปเดตเป็น 4.1.1 ได้) | แอนดรอยด์ 4.0.4 "ไอศกรีมแซนด์วิช" พร้อมส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ ทัชวิซ "เนเจอร์ ยูเอ็กซ์" | |||||
ชิพ | ซัมซุง เอ็กซีนอส 4 ควอด[115] | ควอล์คอมม์ สแนปดรากอน S4 เอ็มเอสเอ็ม 8960 | ซัมซุง เอ็กซีนอส 4 ควอด 4412 | ควอล์คอมม์ สแนปดรากอน S4 เอ็มเอสเอ็ม 8960 | ซัมซุง เอ็กซีนอส 4 ควอด | ||||||||
หน่วยประมวลผลกลาง | 1.4 จิกะเฮิรตซ์ ควอด-คอร์ เออาร์เอ็ม คอร์เท็กซ์ เอ-9 | 1.5 จิกะเฮิรตซ์ ดูอัล-คอร์ ควอล์คอมม์ ไครท์ | 1.6 จิกะเฮิรตซ์ ควอด-คอร์ เออาร์เอ็ม คอร์เท็กซ์ เอ-9 | 1.5 จิกะเฮิรตซ์ ดูอัล-คอร์ ควอล์คอมม์ ไครท์ | 1.4 จิกะเฮิรตซ์ ควอด-คอร์ เออาร์เอ็ม คอร์เท็กซ์ เอ-9[116] | ||||||||
หน่วยประมวลผลกราฟิกส์ | เออาร์เอ็ม มาลี-400 เอ็มพี 4 | ควอล์คอมม์ อาดรีโน 225 | เออาร์เอ็ม มาลี-400 เอ็มพี 4 | ควอล์คอมม์ อาดรีโน 225 | เออาร์เอ็ม มาลี-400 เอ็มพี 4 | ||||||||
แรม | 1 จิกะไบต์ | 2 จิกะไบต์ | 1 จิกะไบต์ | ||||||||||
หน่วยความจำภายใน | 16/32/64 จิกะไบต์[79] | 16/32 จิกะไบต์ | 16/32/64 จิกะไบต์[79] | 16/32 จิกะไบต์[117] | 16/32 จิกะไบต์ | 32 จิกะไบต์ | 16/32 จิกะไบต์ | 16 จิกะไบต์ |
จากการที่พนักงานของซัมซุงที่ไม่ระบุชื่อ พูดกับ "โคเรีย อีโคโนมิกเดลี" (Korea Economic Daily) ว่า "เอส 3 นั้นมีการสั่งซื้อมากกว่า 9 ล้านเครื่อง จาก 100 เครือข่ายผู้ให้บริการ ภายใน 2 สัปดาห์จากการเปิดตัวในลอนดอน" ทำให้เป็นอุปกรณ์ที่มีการสั่งซื้อเร็วและมากที่สุดในประวัติศาสตร์[118] โดยเมื่อเปรียบเทียบกับ ไอโฟน 4เอส ซึ่งมีการสั่งซื้อเพียง 4 ล้านเครื่องเท่านั้น[119] สำหรับรุ่นเรือธงรุ่นก่อนของซัมซุง อย่างกาแลคซีเอส 2 มีการนำส่งอุปกรณ์ 10 ล้านเครื่องภายใน 5 เดือน ในเดือนเดียวกันกับการเปิดตัวที่ลอนดอน การประมูลและซื้อขายสินค้าใน อีเบย์ เพิ่มขึ้น 119 เปอร์เซนต์ในการขายโทรศัพท์มือสอง ซึ่งอีเบย์ได้ออกมาแถลงว่า "เป็นครั้งแรกสำหรับอุปกรณ์ยี่ห้ออื่นนอกเหนือจากแอปเปิลที่ผู้ใช้ตื่นตัวในการซื้อ-ขายสินค้า"[120]
เอส 3 ถูกวางขายใน 28 ประเทศในแถบทวีปยุโรป และ ตะวันออกกลาง ในวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555[121] เพื่อเป็นการโฆษณาสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของซัมซุง จึงจัดการทัวร์ใน 9 เมือง คือ ซิดนีย์, นิวเดลี และเมืองใน ประเทศจีน, ประเทศญี่ปุ่น, ประเทศเกาหลีใต้ และ สหรัฐอเมริกา[122]
เอส 3 นั้นช่วยให้ส่วนแบ่งทางการตลาดดีขึ้นในหลายประเทศ เช่น ประเทศอินเดีย ซึ่งคาดว่าซัมซุงจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 60 ของประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ที่ร้อยละ 46[123] หลังจากการวางขาย 1 เดือน ส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศฝรั่งเศส มีมากขึ้นเป็น 60 เปอร์เซนต์ รวมไปถึงส่วนแบ่งทางการตลาดสมาร์ตโฟนเกินร้อยละ 50 ในประเทศเยอรมนี และ ประเทศอิตาลี[124] และส่วนแบ่งทางการตลาดในสหราชอาณาจักร มีมากขึ้นถึงร้อยละ 40 ขณะที่ไอโฟน 4เอส นั้นลดจากร้อยละ 25 เหลือเพียงร้อยละ 20[125] เอส 3 ถูกวางแผนในการวางขายในทวีปอเมริกาเหนือ ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555 แต่ด้วยความต้องการ ที่สูง ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาได้รับเครื่องช้า และวางขายช้าหลายวัน ในขณะที่บางผู้ให้บริการที่จำกัดจำนวนเครื่องในการขาย[126] เอส 3 ในสหรัฐอเมริกา ถูกเปิดตัวที่ นิวยอร์ก โดย แอชลีย์ กรีเน นักแสดงจากภาพยนตร์แวมไพร์ ทไวไลท์ ร่วมด้วย สกริลเลกซ์ นักร้องแนว ดั๊บสเตป จากสกายไลต์สตูดิโอ[127]
ซัมซุงคาดว่า ปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 เอส 3 จะถูกวางขายบน 296 ผู้ให้บริการเครือข่ายใน 145 ประเทศ[4] และมากกว่า 10 ล้านที่ถูกขายไปแล้ว[128] ชิน จอง-กยุน ประธานแผนกการสื่อสารของซัมซุง ได้ยืนยันว่าในวันที่ 22 กรกฎาคม เอส 3 ถูกขายไปแล้ว 10 ล้านเครื่อง[129] ตามการประเมินโดย ยูบีเอส (UBS) บริษัททางการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ ซัมซุงวางขายเอส 3 จำนวน 5–6 ล้านเครื่อง ในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2555 และ 10–12 ล้านเครื่อง ต่อไตรมาส ในช่วงเวลาที่เหลือของปี และยิ่งกว่านั้น บีเอ็นพี ปารีบาส (BNP Paribas) บริษัททางการเงินในปารีส กล่าวว่าเอส 3 นั้นจะถูกขาย 15 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2555[130] ส่วน โนมุระ (Nomura) บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินในประเทศญี่ปุ่น คิดว่าน่าจะถูกวางขายมากถึง 18 ล้านเครื่อง[131] และเอส 3 จะถูกขาย 40 ล้านเครื่องภายในสิ้นปี[132] เพื่อความต้องการสูง ซัมซุงจำเป็นที่ต้องจ้างพนักงาน 75,000 คน และโรงงานในประเทศเกาหลีใต้นั้นสามารถผลิตได้สูงสุด 5 ล้านเครื่องต่อเดือน[118][133]
ปัญหาในการผลิต ทำให้เกิดการผิดปกติและบกพร่องในกระบวนการ "ไฮเปอร์กลาซิง" (hyper-glazing) ข้อบกพร่องนี้ส่งผลให้การขาดแคลนพลาสติกสีน้ำเงิน สำหรับการผลิตตัวเครื่องสีน้ำเงิน[16] โดยปัญหานี้ได้ถูกแก้ไขแล้วในภายหลัง อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ส คาดว่าจะมีปัญหาในการขาดตลาดของ กาแลคซีเอส 3 จำนวน 2 ล้านเครื่องในระหว่างการเปิดตัวในเดือนแรก[134]
วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555 ซัมซุงได้เปิดเผยว่ากาแลคซีเอส 3 นั้นถูกขายแล้ว 20 ล้านเครื่องใน 100 วัน และทำให้ขายได้เป็น 3 และ 6 เท่ามากกว่า กาแลคซีเอส 2 และกาแลคซีเอส ตามลำดับ โดยการวางขายในทวีปยุโรป มากถึงร้อยละ 25 โดยมียอดขาย 6 ล้านเครื่อง ตามมาด้วย ทวีปเอเชีย 4.5 ล้านเครื่อง และ สหรัฐอเมริกา 4 ล้านเครื่อง ส่วนการขายในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของกาแลคซีเอส 3 สามารถขายได้ 2.5 ล้านเครื่อง[14] และในเวลาเดียวกันซัมซุงได้ยืนยันว่า การขายเอส 3 นั้น ยอดขายดีกว่า ไอโฟน 4เอส ในสหรัฐอเมริกา[135]
ในไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2555 กาแลคซีเอส 3 มากกว่า 18 ล้านเครื่อง ถูกวางขาย และทำให้เป็นสมาร์ตโฟนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เหนือไอโฟน 4เอส ที่สามารถขายได้ 16.2 ล้านเครื่อง นักวิเคราะห์คิดว่าสาเหตุที่ไอโฟน 4เอส มียอดขายตกต่ำ เป็นเพราะการยืนยันการเปิดตัวของ ไอโฟน 5[136]
การวิจารณ์กาแลคซีเอส 3 ในเชิงบวก นักวิจารณ์ระบุถึงการผสมผสานของคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น เอสวอยซ์, หน้าจอ, ความเร็วการประมวลผล และ รูปร่างที่มีดีกว่า ไอโฟน 4เอส และ เอชทีซี วันเอ็กซ์[71][82] วลาด ซาโวฟ นักข่าว เดอะเวิร์จ (The Verge) ได้ระบุว่ามันคือ "ชัยชนะแห่งเทคโนโลยี"[138] ขณะเดียวกัน นาตาชา ลอมาส นักข่าวซีเน็ต (CNET) ได้ยกย่องว่า "มันบางและเบาอีกทั้งยังเป็นสมาร์ตโฟนควอด-คอร์ด้วย" และเธอเรียกมันว่า "เฟอร์รารีแห่งโทรศัพท์แอนดรอยด์" (Ferrari of Android phones)[82] รวมไปถึงฉายา "เจ้าชายในมวลหมู่โทรศัพท์" (a prince among Android phones) โดย เดฟ โอลีเวอร์ นักข่าวจากไวร์ (Wired) และ ราชาแห่งแอนดรอยด์ (king of Android) จากอีแซต เดเดเซด จากนิตยสารสตัฟฟ์ (Stuff)[139][140] แกเรธ เบวิส นักข่าวเทคเรดาร์ (TechRadar) ระบุว่า "เอส 3 เป็นเทคโนโลยีที่เร็ว, ชาญฉลาด และสเปคดีที่สุดของเทคโนโลยีนี้"[141] แมตต์ วอร์แมน จาก เดอะเดลีเทเลกราฟ (The Daily Telegraph) กล่าวว่า "ได้ใช้เวลาสั้น ๆ กับเอส 3 ขอบอกเลยว่าเป็นรุ่นต่อของเอส 2 ที่จะประสบความสำเร็จ"[142]
นักวิจารณ์ได้วิจารณ์มากมายในรุ่นเรือธงของซัมซุง ในปี พ.ศ. 2555 นี้[143] ว่าเป็น "นักฆ่าไอโฟน"[17] ทำให้ผู้ใช้ที่ชื่นชอบแอปเปิลบางส่วนเปลี่ยนมาใช้เอส 3[144] โดยเอส 3 ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ส่วนไอโฟนนั้นใช้ไอโอเอส ด้วยการออกแบบและคุณสมบัติที่ดีกว่า ทั้งสมาร์ตสเตย์, จอที่ใหญ่กว่า, หน่วยประมวลผลควอด-คอร์ รวมไปถึงการเชื่อมต่อต่าง ๆ [145]
เอส 3 เป็นสมาร์ตโฟน แอนดรอยด์เครื่องแรกที่มีราคาเปิดตัวสูงกว่า ไอโฟน 4เอส ที่แอปเปิลเปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2554[146] ทิม เวเบอร์ นักข่าวธุรกิจของ บีบีซี ได้กล่าวว่า "กาแลคซีเอส 3 รุ่นใหม่ของซัมซุง เขาดูมุ่งมั่นที่จะขยับไปอยู่เหนือคู่แข่งอย่างแอปเปิล"[121]
ตรงกันข้าม ในการวิจารณ์ในเรื่องการออกแบบและความรู้สึกของโทรศัพท์ บ้างก็ว่าโพลีคาร์บอเนตนั้นมีราคา "ถูก"[147] และทำให้ "รู้สึกลื่น"[141] เอสวอยซ์ "แย่" กว่า ซีรี รวมไปถึงการรับฟังเสียงผู้ใช้,ที่ไม่ตอบสนองในหลาย ๆ คำ[141][148] รวมไปถึงปัญหาในการสนทนาโทรศัพท์[149] โดยความคิดเห็นต่าง ๆ จากผู้ใช้ได้ระบุว่า การปรับแสงหน้าจออัตโนมัตินั้น ค่อนข้างที่จะข้ามขั้นเกินไป (เช่น สว่างเป็นมืด)[N 2] อย่างไรก็ตาม เอส 3 มีอายุการใช้งานแบตเตอรีมากกว่าอุปกรณ์ของเอชทีซี 2 เท่า[151][N 3] อย่างไรก็ตามผู้ใช้บางคนได้ออกมาวิจารณ์ว่า "เมื่อเอส 3 ลงโปรแกรมเยอะ เครื่องจะเกิดอาการช้า"[152][N 4]
ในช่วงปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 เทคเรดาร์ (TechRadar) ได้จัดอันดับว่า เอส 3 เป็นอันดับที 1 ของ 20 อันดับโทรศัพท์มือถือยอดเยี่ยม[18] นิตยสาร "สตัฟฟ์" ได้จัดอันดับให้เอส 3 เป็นอันดับที 1 ของ 10 อันดับสมาร์ตโฟนยอดเยี่ยม ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555[19] นอกจากนั้นกาแลคซีเอส 3 ยังได้รับรางวัล "ยูโรเปียน โมบายล์โฟน ออฟ 2012–13" (European Mobile Phone of 2012–13) จาก สมาคมภาพและเสียงแห่งยุโรป[20] ในปี พ.ศ. 2555 กาแลคซีเอส 3 ยังได้รับรางวัล "มือถือแห่งปี" (Phone of the Year) จากนิตยสาร ที 3 โดสามารถเอาชนะไอโฟน 4เอส, โนเกีย ลูเมีย 900 และ โซนี่ เอ็กซ์พีเรีย เอส และอื่น ๆ [21] รวมไปถึงการโหวตให้เป็นมือถือแห่งปี จาก เอส 21[153] ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 กาแลคซีเอส 3 ได้รางวัล "สมาร์ตโฟนยอดเยี่ยม" (Best Smartphone) จากจีเอสเอ็มเอ ในงานโมบายล์เวิลด์คองเกรส[154]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.