กาเซเรส
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กาเซเรส (สเปน: Cáceres) เป็นเมืองหลักของจังหวัดกาเซเรสในแคว้นเอซเตรมาดูรา ทางภาคตะวันตกของประเทศสเปน เขตเทศบาลของเมืองมีเนื้อที่ 1,750.33 ตารางกิโลเมตร (675.806 ตารางไมล์) ซึ่งเป็นขอบเขตทางภูมิศาสตร์ (เมือง) ที่ใหญ่ที่สุดในสเปน
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
กาเซเรส Cáceres | |
---|---|
ที่ตั้งเมืองกาเซเรสในประเทศสเปน | |
พิกัด: 39°29′N 6°22′W | |
ประเทศ | สเปน |
แคว้นปกครองตนเอง | แคว้นเอซเตรมาดูรา |
จังหวัด | กาเซเรส |
การปกครอง | |
• นายกเทศมนตรี | Luis Salaya Julián (พรรคแรงงานสังคมนิยมสเปน) |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 1,750.33 ตร.กม. (675.81 ตร.ไมล์) |
ความสูง | 459 เมตร (1,506 ฟุต) |
ประชากร (2018)[1] | |
• ทั้งหมด | 96,068 คน |
• ความหนาแน่น | 55 คน/ตร.กม. (140 คน/ตร.ไมล์) |
เขตเวลา | UTC+01:00 (CET) |
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+02:00 (CEST) |
รหัสไปรษณีย์ | 10001-10005 |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์ทางการ |
เมืองเก่ากาเซเรส * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
จัตุรัสหลัก (ปลาซามายอร์) ของเมืองกาเซเรส | |
ประเทศ | สเปน |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | (iii), (iv) |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2529 (คณะกรรมการสมัยที่ 10) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
เขตเมืองเก่าหรือ "ซิวดัดโมนูเมนตัล" (Ciudad Monumental) ยังคงมีกำแพงโบราณล้อมรอบอยู่โดยยังคงลักษณะที่ได้สร้างไว้ในยุคกลางอย่างสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของความเป็นปัจจุบันให้เห็น มหาวิทยาลัยเอซเตรมาดูราและหอสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ 2 แห่งก็ตั้งอยู่ในเมืองนี้ นอกจากนี้กาเซเรสยังเป็นที่ตั้งของสังฆมณฑลคาทอลิกโกเรีย-กาเซเรส (Coria-Cáceres)
กาเซเรสได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1986 เนื่องจากความโดดเด่นของงานสถาปัตยกรรมในเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ โรมัน อิสลาม นอร์เทิร์นกอทิก และศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบอิตาลี ซึ่งเป็นผลมาจากการสงครามหลายครั้งที่รบกันที่เมืองนี้ตลอดเวลาในประวัติศาสตร์ หอคอยประมาณ 30 แห่งที่สร้างขึ้นในสมัยอัลอันดะลุส (สมัยที่ชาวมุสลิมมีอำนาจในสเปน) ยังคงอยู่ในเมืองนี้ โดยหอคอยบูฆาโก (Torre del Bujaco) มีชื่อเสียงมากที่สุด
ปรากฏการตั้งถิ่นฐานใกล้เมืองกาเซเรสมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยมีหลักฐานคือภาพเขียนต่าง ๆ ในถ้ำมัลตราบิเอโซ (Maltravieso) และถ้ำเอลโกเนฆาร์ (El Conejar) ซึ่งเขียนขึ้นในยุคหินเก่าตอนปลาย (ประมาณ 25,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช) กาเซเรสเริ่มมีความสำคัญขึ้นมาในฐานะเมืองยุทธศาสตร์ภายใต้การครอบครองของโรมัน ซากปรักอยู่ในเมืองนั้นเป็นตัวบ่งชี้ว่ากาเซเรสได้รับการก่อตั้งและมีความเจริญมาตั้งแต่ 25 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซากกำแพงเมืองบางส่วนซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวโรมันตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 3 และคริสต์ศตวรรษที่ 4 ยังคงปรากฏอยู่ รวมทั้งทางเข้า-ออกเมืองทางหนึ่งคือ Arco del Cristo
หลังจากจักรวรรดิโรมันล่มสลายลง ชาววิซิกอทซึ่งเป็นชนเผ่าเยอรมันกลุ่มหนึ่งได้ปกครองกาเซเรสสืบต่อมา ถือเป็นยุคเสื่อมถอยยุคหนึ่งของเมือง จนกระทั่งชาวมัวร์ (ชาวอาหรับจากแอฟริกาเหนือ) สามารถยึดเมืองนี้ได้ในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 8 กาเซเรสใช้เวลาส่วนใหญ่ของอีก 2-3 ศตวรรษถัดมาอยู่ภายใต้การปกครองของชาวมัวร์ แม้จะมีหลายครั้งที่ตกไปอยู่ในการยึดครองของชาวคริสต์ก็ตาม ในช่วงนี้ชาวมัวร์ได้สร้างเมืองกาเซเรสขึ้นใหม่ รวมทั้งกำแพง พระราชวัง และหอคอยหลายแห่ง
ต่อมาชาวคริสต์ซึ่งนำโดยพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 9 จากราชอาณาจักรเลออนทางตอนเหนือของคาบสมุทรไอบีเรียสามารถยึดกาเซเรสคืนได้ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ระหว่างนี้กาเซเรสมีย่านชาวยิวที่สำคัญอยู่หนึ่งแห่ง เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ทั้งเมืองมีประชากร 2,000 คน และมีครอบครัวชาวยิวถึงเกือบ 140 ครอบครัวอาศัยอยู่ แต่ในที่สุดประชากรชาวยิวก็ถูกขับไล่ออกไปจากสเปนเมื่อปี ค.ศ. 1492 ร่องรอยอิทธิพลของชาวยิวในช่วงก่อนหน้านี้ยังคงหลงเหลือให้เห็นถึงปัจจุบันในเมืองนี้ โดยเฉพาะในย่านซานอันโตนิโอ
กาเซเรสมีความเจริญรุ่งเรืองในช่วงการพิชิตดินแดนคืน (ตามที่ได้กล่าวแล้ว) และในช่วงการค้นพบทวีปอเมริกา เนื่องจากชนชั้นสูงที่ทรงอิทธิพลของสเปนจำนวนมากได้มาสร้างบ้านเรือนและวังเล็ก ๆ ที่นี่ และสมาชิกในตระกูลต่าง ๆ จากเมืองนี้ (รวมทั้งจากแคว้นเอซเตรมาดูรา) หลายคนได้ร่วมเดินทางไปยังทวีปอเมริกาเพื่อแสวงหาความมั่งคั่ง จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 19 กาเซเรสได้กลายเป็นเมืองหลักของจังหวัด ทำให้เกิดความเจริญเติบโตในด้านต่าง ๆ ขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากชะงักงันไปในช่วงสงครามกลางเมืองสเปน สำนักงานใหญ่ของมหาวิทยาลัยและหน่วยงานของรัฐหลายแห่งสามารถพบได้ที่เมืองนี้ ซึ่งในปี ค.ศ. 2007 มีประชากรจำนวน 91,606 คน
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.