![cover image](https://wikiwandv2-19431.kxcdn.com/_next/image?url=https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/0d/Milgram_experiment_v2.svg/langth-640px-Milgram_experiment_v2.svg.png&w=640&q=50)
การทดลองของมิลแกรม
From Wikipedia, the free encyclopedia
การทดลองของมิลแกรมว่าด้วยการเชื่อฟังผู้มีอำนาจ เป็นชุดของการทดลองจิตวิทยาสังคมซึ่งศาสตราจารย์ สแตนลีย์ มิลแกรม นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเยล เป็นผู้จัดทำ การทดลองดังกล่าววัดความสมัครใจของผู้เข้าร่วมการศึกษาซึ่งเป็นชายต่างอาชีพต่างระดับการศึกษา ว่าจะเชื่อฟังผู้มีอำนาจเพียงใดเมื่อผู้มีอำนาจออกคำสั่งให้เขาทำสิ่งที่ขัดกับมโนธรรมส่วนตัว ผลการทดลองที่คาดไม่ถึงนี้มีว่า บุคคลส่วนมากพร้อมเชื่อฟังแม้ไม่เต็มใจ แม้จะประจักษ์ว่าก่อให้เกิดการบาดเจ็บและความทรมานร้ายแรง มิลแกรมอธิบายงานวิจัยนี้ครั้งแรกในบทความตีพิมพ์ในวารสารจิตวิทยาอปกติและจิตวิทยาสังคม (Journal of Abnormal and Social Psychology)[1] ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2506 และต่อมาได้อภิปรายการค้นพบของเขาในรายละเอียดในหนังสือ การเชื่อฟังผู้มีอำนาจ: มุมมองทดลอง (Obedience to Authority: An Experimental View)[2] ตีพิมพ์เมื่อปี 2517
![Thumb image](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/0d/Milgram_experiment_v2.svg/320px-Milgram_experiment_v2.svg.png)
งานทดลองนี้เริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2504 สามเดือนหลังการพิจารณาอาชญากรสงครามนาซีเยอรมัน อดอล์ฟ ไอชมันน์ ในนครเยรูซาเล็ม มิลแกรมออกแบบการศึกษาจิตวิทยาของเขาเพื่อตอบคำถามซึ่งแพร่หลายกันในเวลานั้นว่า "เป็นไปได้หรือไม่ที่ไอชมันน์และผู้ร่วมกระทำความผิดนับล้านในฮอโลคอสต์เพียงแค่กระทำตามสั่งเท่านั้น เราจะเรียกเขาทั้งหมดว่าผู้ร่วมกระทำความผิดได้หรือไม่" (Could it be that Eichmann and his million accomplices in the Holocaust were just following orders? Could we call them all accomplices?) มีการทำการทดลองซ้ำหลายครั้งในภายหลังโดยให้ผลสอดคล้องกันในสังคมต่าง ๆ เพียงแต่ให้ผลร้อยละของผู้เชื่อฟังต่างกันเท่านั้น[3]
มิลแกรมสรุปใจความงานทดลองของเขาในบทความ "The Perils of Obedience" (ภยันตรายของความเชื่อฟัง) ในปี 2517 ไว้ดังนี้
บุคคลทั่วไปที่เพียงแต่ทำหน้าที่ของตัว และโดยปราศจากความเป็นปรปักษ์ใด ๆ เป็นการส่วนตัว สามารถกลายเป็นตัวการในกระบวนการทำลายล้างอันเลวร้ายได้ ยิ่งไปกว่านั้น แม้เมื่อผลลัพธ์ทำลายล้างแห่งงานของเขาเป็นที่กระจ่างแล้ว และเมื่อพวกเขาถูกสั่งให้ลงมือกระทำสิ่งที่เข้ากันไม่ได้กับมาตรฐานหลักมูลแห่งศีลธรรมต่อ กลับมีคนเพียงน้อยนิดที่มีทรัพยากรที่จำเป็นต่อการขัดขืนผู้มีอำนาจ[4]