กรดไฮยาลูรอนิก
From Wikipedia, the free encyclopedia
กรดไฮยาลูรอน หรือ กรดไฮยาลูรอนิก (อังกฤษ: Hyaluronic acid; /ˌhaɪ.əljʊəˈrɒnɪk/[2][3]; ตัวย่อ HA; คู่เบส ไฮยาลูรอเนต; hyaluronate) หรือ ไฮยาลูรอแนน (hyaluronan) เป็นสารไกลโคสะมิโนไกลแคน (glycosaminoglycan) ที่ไม่มีหมู่ซัลเฟต (nonsuphated) และเป็นประจุลบ พบกระจายอยู่ทั่วไปในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน, เนื้อเยื่อบุผิว และ เนื้อเยื่อประสาท (neural tissue) กรดไฮยาลูรอนแตกต่างจากไกลโคสะมิโนไกลแคนอื่น ๆ ตรงที่ไม่มีหมู่ซัลเฟต (nonsulphated), ก่อตัวขึ้นในเยื่อหุ้มเซลล์แทนที่กอลจิแอพพาราตัส และอาจมีขนาดที่ใหญ่มาก ค่า HA ในไขข้อ (synovial HA) ของมนุษย์อยู่ที่ประมาณ 7 ล้าน Da ต่อโมเลกุล หรือคิดเป็นไดแซคคาไรด์มอนอเมอร์กว่า 20,000 มอนอเมอร์[4] ขณะที่บางแหล่งอ้างอิงระบุค่า 3–4 ล้านดาลตัน[5] นอกจากนี้ HA ยังเป็นองค์ประกอบหลักของเมตริกซ์นอกเซลล์ และมีส่วนช่วยอย่างมากในการขยาย (proloferation) และการเคลื่อนที่ (migration) ของเซลล์ และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดเนื้องอกที่อันตรายถึงชีวิต[6]
Haworth projection | |
ชื่อ | |
---|---|
IUPAC name
Poly{[(2S,3R,4R,5S,6R)-3-acetamido-5-hydroxy-6-(hydroxymethyl)oxane-2,4-diyl]oxy[(2R,3R,4R,5S,6S)-6-carboxy-3,4-dihydroxyoxane-2,5-diyl]oxy} | |
เลขทะเบียน | |
ChEBI | |
เคมสไปเดอร์ |
|
ECHA InfoCard | 100.029.695 |
EC Number |
|
UNII | |
CompTox Dashboard (EPA) |
|
คุณสมบัติ | |
(C14H21NO11)n | |
ละลายได้ (เกลือโซเดียม) | |
ความอันตราย | |
ปริมาณหรือความเข้มข้น (LD, LC): | |
LD50 (median dose) |
>2400 mg/kg (หนูหริ่งบ้าน, ทางปาก, เกลือโซเดียม) >4000 mg/kg (หนูหริ่งบ้าน, ใต้ผิวหนัง, เกลือโซเดียม) 1500 mg/kg (หนูหริ่งบ้าน, ในเยื่อบุช่องท้อง, เกลือโซเดียม)[1] |
สารประกอบอื่นที่เกี่ยวข้องกัน | |
สารประกอบที่เกี่ยวข้อง |
D-Glucuronic acid และ N-acetyl-D-glucosamine (มอนอเมอร์) |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa
|
โดยเฉลี่ย มนุษย์ที่มีมวล 70 กิโลกรัมจะมีไฮยาลูรอแนนอยู่ 15 กรัมโดยประมาณ หนึ่งในสามของจำนวนนี้จะหายไปหรือเปลี่ยนสภาพทุก ๆ วัน (ผ่านการสลาย - degraded หรือใช้ในการสังเคราะห์ - synthesis)[7] HA ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของแคปซูลเคลือบเซลล์ของสเตรปโตคอกคัสกลุ่ม A (group A streptococcus)[8] และเชื่อว่ามีส่วนสำคัญในการก่อศักยภาพก่อโรค (virulence)[9][10]