ประเทศสเปน
ราชอาณาจักรในยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ / From Wikipedia, the free encyclopedia
สเปน (อังกฤษ: Spain; สเปน: España, [esˈpaɲa] ( ฟังเสียง)) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรสเปน (อังกฤษ: Kingdom of Spain; สเปน: Reino de España)[lower-alpha 1][lower-alpha 2] เป็นประเทศทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ตั้งอยู่บนคาบสมุทรไอบีเรีย มีพรมแดนติดกับฝรั่งเศสทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามแนวเทือกเขาพิรินี[13] ทางทิศเหนือติดกับอันดอร์รา และอ่าวบิสเคย์ ทางทิศใต้ติดกับยิบรอลตาร์ และทางทิศตะวันตกติดกับโปรตุเกสและมหาสมุทรแอตแลนติก อาณาเขตของสเปนยังรวมถึงกานาเรียสในมหาสมุทรแอตแลนติก หมู่เกาะแบลีแอริกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งนครปกครองตนเองได้แก่ เซวตา และ เมลียา และดินแดนโพ้นทะเลบริเวณปลาซัสเดโซเบรานิอา ด้วยพื้นที่ 505,990 ตารางกิโลเมตร[14] สเปนจึงเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปใต้ ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในยุโรปตะวันตกและสหภาพยุโรป และเป็นอันดับ 4 ในทวีปยุโรป และด้วยประชากร 47 ล้านคน สเปนจึงเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 6 ของยุโรป และเป็นอันดับ 4 ในสหภาพยุโรป[15] เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือกรุงมาดริด และมีเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ บาร์เซโลนา, บาเลนเซีย, เซบิยา, ซาราโกซา, มาลากา, มูร์เซีย, ปัลมาเดมาจอร์กา และบิลเบาโอ มีภาษาราชการคือภาษาสเปน ซึ่งเป็นภาษาแม่ที่มีผู้ใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และมีผู้ใช้มากที่สุดในบรรดากลุ่มภาษาโรมานซ์[16][17][18]
ราชอาณาจักรสเปน Reino de España (สเปน) | |
---|---|
ที่ตั้งของ ประเทศสเปน (เขียวเข้ม) – ในยุโรป (เขียว & เทาเข้ม) | |
เมืองหลวง และเมืองใหญ่สุด | มาดริด 40°26′N 3°42′W |
ภาษาทางการ | สเปน[lower-alpha 3] |
สัญชาติ (ค.ศ. 2020) | |
ศาสนา (ค.ศ. 2021)[5] |
|
เดมะนิม | ชาวสเปน |
การปกครอง | รัฐเดี่ยว ระบบรัฐสภา ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ |
สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน | |
เปโดร ซันเชซ | |
• ประธานสภาผู้แทนราษฎร | มาริตเช็ลย์ บาเต็ต |
• ประธานวุฒิสภา | อันเดร์ ฆิล |
• ประธานศาลสูงสุด | การ์โลส เลสเมส |
สภานิติบัญญัติ | รัฐสภา |
• สภาสูง | วุฒิสภา |
• สภาล่าง | สภาผู้แทนราษฎร |
ก่อตั้ง | |
20 มกราคม ค.ศ. 1479 | |
9 มิถุนายน ค.ศ. 1715 | |
• รัฐธรรมนูญฉบับแรก | 19 มีนาคม ค.ศ. 1812 |
1 เมษายน ค.ศ. 1939 - ค.ศ. 1978 | |
• ประชาธิปไตย | 29 ธันวาคม ค.ศ. 1978 |
1 มกราคม ค.ศ. 1986 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 505,990[6] ตารางกิโลเมตร (195,360 ตารางไมล์) (อันดับที่ 51) |
0.89 (ใน ค.ศ. 2015)[7] | |
ประชากร | |
• สำมะโนประชากร 2020 | 47,450,795[8][9][lower-alpha 5] (อันดับที่ 30) |
94 ต่อตารางกิโลเมตร (243.5 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 120) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2021 (ประมาณ) |
• รวม | 1.942 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 15) |
• ต่อหัว | 41,736 ดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 32) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2021 (ประมาณ) |
• รวม | 1.450 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 13) |
• ต่อหัว | 31,178 ดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 26) |
จีนี (ค.ศ. 2019) | 33.0[11] ปานกลาง · อันดับที่ 103 |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.904[12] สูงมาก · อันดับที่ 25 |
สกุลเงิน | ยูโร[lower-alpha 6] (€) (EUR) |
เขตเวลา | UTC±0 ถึง +1 (เวลายุโรปตะวันตกและเวลายุโรปกลาง) |
UTC+1 ถึง +2 (เวลาออมแสงยุโรปตะวันตกและเวลาออมแสงยุโรปกลาง) | |
หมายเหตุ: พื้นที่สเปนส่วนใหญ่ใช้เวลายุโรปกลาง ยกเว้นแคว้นกานาเรียสที่ใช้เวลายุโรปตะวันตก | |
รูปแบบวันที่ | วว/ดด/ปปปป (ค.ศ.) |
ขับรถด้าน | ขวา |
รหัสโทรศัพท์ | +34 |
รหัส ISO 3166 | ES |
โดเมนบนสุด | .es[lower-alpha 7] |
ปรากฎหลักฐานว่าชนเผ่าต่าง ๆ เช่น เคลต์ ไอบีเรียน โรมัน วิซิกอท และ มัวร์ เข้ามาตั้งรกรากในบริเวณคาบสมุทรไอบีเรียตั้งแต่สมัยโบราณ[19] ต่อมา ชาวเมดิเตอร์เรเนียน เช่น ฟินิเชีย และ กรีก ได้เข้ามาตั้งรกรากและทำการค้าบริเวณริมชายฝั่ง และชาวฟินิเซียตะวันตกได้ยึดครองบริเวณนี้ในช่วงเวลาสั้น ๆ และตั้งแต่ 218 ปีก่อนคริสต์ศักราช การล่าอาณานิคมของชาวโรมันในฮิสเปเนียได้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาครอบครองดินแดนของสเปนในระยะเวลาอันรวดเร็ว และขับไล่ชาวฟินิเซียออกจากอาณาเขตในช่วง 206 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวโรมันได้ทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่ารวมถึงภาษา ศาสนา กฎหมาย และการเมืองการปกครองเอาไว้ ฮิสเปเนียยังเป็นแหล่งกำเนิดของจักรพรรดิโรมัน เช่น จักรพรรดิตรายานุส และ ฮาดริอานุส[20] ฮิสปาเนียยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของโรมันจนกระทั่งการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในศตวรรษที่ 5 ในช่วงเวลานี้ บริเวณคาบสมุทรถูกปกครองโดยกลุ่มชาติพันธุ์โบราณต่าง ๆ เช่น แวนดัล, วิซิกอท และ อลันส์ ในขณะที่ส่วนหนึ่งของชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตกเป็นของจักรวรรดิไบแซนไทน์ ก่อนที่ราชอาณาจักรวิซิกอทจะขึ้นมาเรืองอำนาจในบริเวณนี้
ในยุคกลาง อาณาจักรวิซิกอทถูกรัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์รุกราน ส่งผลให้พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การปกครองของชาวมุสลิมเป็นเวลากว่า 700 ปี ในช่วงเวลานั้น อัลอันดะลุสได้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 โดยมีกอร์โดบาเป็นเมืองที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดในยุโรป และอาณาจักรของชาวคริสเตียนยังได้ถือกำเนิดขึ้น เช่น เลออน, กัสติยา, อารากอน, นาวาร์ และโปรตุเกส ชาวมัวร์ยังคงหลงเหลืออยู่ในคาบสมุทรไอบีเรียจนกระทั่งใน ค.ศ. 1492 ซึ่งเป็นปีที่ราชอาณาจักรกัสติยาและอารากอนสามารถขับไล่ชาวมัวร์ออกไปได้สำเร็จหลังจากเกิดกระบวนการพิชิตดินแดนคืนที่ยาวนานถึง 770 ปี[21] การรวมราชวงศ์ครั้งใหม่ระหว่างราชบัลลังก์กัสติยาและราชบัลลังก์อารากอนถือเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งสเปนในฐานะประเทศ
ในยุคแห่งการสำรวจระหว่างศตวรรษที่ 15 ถึง 17 จักรวรรดิสเปนได้กลายเป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยแผ่ขยายข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังหมู่เกาะฟิลิปปินส์ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการค้าด้วยโลหะมีค่า การปฏิรูปราชวงศ์บูร์บงในศตวรรษที่ 18 รวมอำนาจการปกครองไว้บนแผ่นดินใหญ่ของสเปน[22] ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม เช่น ศิลปะ วรรณกรรม อาหาร สถาปัตยกรรม และดนตรี เรียกว่ายุคทองของสเปนซึ่งขยายอิทธิพลไปทั่วโลก และส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คนในยุโรปตะวันตกและทวีปอเมริกามาถึงปัจจุบัน ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและสังคมส่งผลให้สเปนกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในยุโรป และขึ้นชื่อในด้านการล่าอาณานิคม แม้สเปนจะได้รับชัยชนะในสงครามคาบสมุทรในศตวรรษที่ 19 ทว่าความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างฝ่ายเสรีนิยมและสมบูรณาญาสิทธิราชย์อันทรงภูมิธรรม นำไปสู่ความเป็นอิสระของประเทศอาณานิคมส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 สเปนมีการปกครองด้วยระบอบเผด็จการภายใต้การนำของฟรังโก ความขัดแย้งยังคงยืดเยื้อจนนำไปสู่สงครามกลางเมือง ก่อนที่ระบอบฟรังโกจะสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1975 ระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจของประเทศได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง ปัจจุบันสเปนกลายเป็นรัฐโลกวิสัยซึ่งปกครองโดยพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญและรัฐสภา ที่มาจากการเลือกตั้งนับตั้งแต่มีการผ่านรัฐธรรมนูญเมื่อ ค.ศ. 1978
สเปนเป็นประเทศพัฒนาแล้ว และมีรายได้ต่อหัวของประชากรสูง[23] โดยมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 15 ของโลกทั้งในด้านผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ สเปนเป็นประเทศที่มีอัตราการคาดหมายคงชีพสูง และยังมีระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพติดอันดับโลก โดยขึ้นชื่อในด้านการปลูกถ่าย และการบริจาคอวัยวะ[24] สเปนเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ, สหภาพยุโรป, ยูโรโซน, สภายุโรป, องค์การรัฐไอบีโร-อเมริกา, สหภาพเพื่อเมดิเตอร์เรเนียน, องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ, องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา, องค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป, เขตเชงเกน และ องค์การการค้าโลก สเปนยังมีแหล่งมรดกโลกมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก และมีนักท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักศึกษาแลกเปลี่ยนในโครงการเอรัสมุส