ฟลูอ็อกเซทีน
From Wikipedia, the free encyclopedia
ฟลูอ็อกเซทีน (อังกฤษ: Fluoxetine) หรือชื่อทางการค้าคือ โปรแซ็ค (Prozac) และ ซาราเฟ็ม (Sarafem) เป็นยาแก้ซึมเศร้าแบบรับประทานประเภท selective serotonin reuptake inhibitor (SSRI)[1] ใช้รักษาโรคซึมเศร้า (MDD) โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) โรคหิวไม่หายแบบทานแล้วอาเจียน (bulimia nervosa) โรคตื่นตระหนก (panic disorder) และความละเหี่ยก่อนระดู (premenstrual dysphoric disorder ตัวย่อ PMDD) เป็นยาที่อาจลดความเสี่ยงการฆ่าตัวตายในคนไข้อายุเกิน 65 ปี และเป็นยาที่ใช้รักษาการหลั่งน้ำอสุจิเร็ว (premature ejaculation) ได้ด้วย[1]
ฟลูอ็อกเซทีนเออาโออิ (บน), (R) -fluoxetine (กลาง), (S) -fluoxetine (ล่าง) | |
ข้อมูลทางคลินิก | |
---|---|
ชื่อทางการค้า | Prozac, Animex-On, Sarafem, Adofen, Deprex |
AHFS/Drugs.com | โมโนกราฟ |
MedlinePlus | a689006 |
ข้อมูลทะเบียนยา |
|
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ | |
Dependence liability | ทางกาย: ต่ำ ทางใจ: ต่ำ |
Addiction liability | ไม่มี |
ช่องทางการรับยา | รับประทาน |
รหัส ATC | |
กฏหมาย | |
สถานะตามกฏหมาย |
|
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ | |
ชีวประสิทธิผล | 60-80%[1] |
การจับกับโปรตีน | 94-95%[2] |
การเปลี่ยนแปลงยา | ตับ (อำนวยโดยระบบ CYP2D6)[3] |
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ | 1-3 วัน (ระยะสั้น) 4-6 วัน (ระยะยาว)[3][4] |
การขับออก | ปัสสาวะ (80%), อุจจาระ (15%)[3][4] |
ตัวบ่งชี้ | |
| |
เลขทะเบียน CAS | |
PubChem CID | |
IUPHAR/BPS | |
DrugBank |
|
ChemSpider |
|
UNII | |
KEGG |
|
ChEBI | |
ChEMBL |
|
ECHA InfoCard | 100.125.370 |
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
สูตร | C17H18F3NO |
มวลต่อโมล | 309.33 g·mol−1 g·mol−1 |
แบบจำลอง 3D (JSmol) | |
ไครัลลิตี | Racemic mixture |
จุดหลอมเหลว | 179 ถึง 182 องศาเซลเซียส (354 ถึง 360 องศาฟาเรนไฮต์) |
จุดเดือด | 395 องศาเซลเซียส (743 องศาฟาเรนไฮต์) |
การละลายในน้ำ | 14 mg/mL (20 °C) |
SMILES
| |
InChI
| |
(verify) | |
ผลข้างเคียงที่สามัญก็คือนอนไม่หลับ ไม่อยากอาหาร ปากแห้ง เป็นผื่น และฝันผิดปกติ ผลข้างเคียงที่รุนแรงรวมทั้งเซโรโทนินเป็นพิษ (serotonin syndrome) อาการฟุ้งพล่าน การชัก โอกาสเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงขึ้นสำหรับคนอายุต่ำกว่า 25 ปี และความเสี่ยงการเลือดออกสูงขึ้น ถ้าหยุดแบบฉับพลัน อาจมีอาการหยุดยา ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับความวิตกกังวล ความเวียนหัวคลื่นไส้ และการรับรู้สัมผัสที่เปลี่ยนไป[1] ยังไม่ชัดเจนว่า ยาปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรือไม่ แต่ว่าถ้าทานยาอยู่แล้ว ก็ยังเหมาะสมที่จะทานต่อไปเมื่อให้นมลูก[5] กลไกการทำงานของยายังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่ายาเพิ่มการทำงานของระบบเซโรโทนินในสมอง[1]
บริษัท Eli Lilly and Company ค้นพบยาในปี พ.ศ. 2515 และเริ่มใช้ในการแพทย์เมื่อปี 2529[6] เป็นยาที่อยู่ในรายการยาจำเป็นขององค์การอนามัยโลก คือยาที่จำเป็นที่สุดในระบบดูแลสุขภาพพื้นฐาน[7] ในปัจจุบันมียาสามัญแล้ว[1] และจัดเป็นยาอันตรายในประเทศไทย